อยากให้เธอใจตรงกันกับฉัน

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเราเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ และเรารู้สึกว่านี่คือหนึ่งในเรื่องราวที่จะเก็บลงกล่องความรักใส่ลิ้นชักความทรงจำ เหมือนเป็นความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยค่ะว่าเราเป็นผู้หญิง และคนที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกดีๆด้วยนั้นก็เป็นผู้หญิงค่ะ

ฉันได้มีโอกาสเข้าซุ้มหลังราม2 เมื่ตอนที่ไปสอบซ่อม เพราะฉันไม่มีธุระที่จะรีบไปไหนเลยตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มซุ้มหลังราม2 ซึ่งเป็นกลุ่มของคนที่เชื่อในพระเจ้า แต่ไม่ได้เป็นคริสต์ ฉันเข้าร่วมเพราะรู้สึกว่าน่าสนุกดีและคงจะได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆด้วย จากนั้นไม่นาน...ซุ้มนี้ก็ได้จัดกิจกรรมออกค่ายอาสา

เป็นการออกค่ายในนามของกลุ่มคริสเตียน การออกค่ายครั้งนี้ไปไกลถึงภาคเหนือและใช้ระยะเวลาเดินทางเกือบ 11 ชม. ในตอนแรกฉันตั้งใจจะนั่งกับคนที่เป็นคนแนะนำฉันให้เข้าร่วมกับซุ้ม ซึ่งจะเรียกเขาเหล่านี้ว่า 'แม่แกะ' และฉันจะถูกเรียกว่า 'ลูกแกะ' แต่มีรุ่นน้องคนนึงบอกว่าจะนั่งกับฉัน ซึ่งครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอ แวบแรกนั้นฉันรู้สึกว่าเธอค่อนข้างจะออกแมนค่อนไปทางทอมด้วยซ้ำ แต่ด้วยผมที่ยาวและการแต่งตัวที่ออกแนวทะมัดทะแมง ฉันก็เพียงคิดว่าอาจเป็นสาวสปอร์ตเกิร์ล เธอยิ้มง่ายยิ้มเก่ง และดูเป็นคนอัธยาศัยดีมากๆ ฉันในตอนนั้นกลับไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะต้องนั่งกับเธอ เพราะคู่ของฉันคือแม่แกะ แต่สุดท้ายไปๆมาๆ เรื่องก็จบลงที่ว่าฉันกับเธอก็ได้นั่งด้วยกัน และเธอเสนอให้ฉันนั่งริมหน้าต่าง

รถบัสที่ฉันและเธอนั่งนั้น แม้จะออกเดินทางในเวลาเกือบเที่ยงคืนและมีคนมากมายทั้งชายหญิงอยู่บนรถ แต่เพียงไม่นานที่รถแล่นไปตามทาง เสียงคุยมากมายก็ค่อยๆเงียบลง เงียบลง จนสุดท้ายเหลือเพียงฉันกับเธอและลุงคนขับ ฉันไม่รู้ว่าสรรหาเรื่องราวมากมายจากไหนมาพูดมาคุยกับเธอได้ขนาดนั้น ส่วนหนึ่งคงเพราะเธอสนใจเรื่องที่ฉันเล่า และฉันใส่ใฟังเรื่องของเธอ มันเลยทำให้เราได้คุยกันแบบไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อย สุดท้ายฉันก็รู้ว่าเธอเคยเป็นทอมมาก่อนและตอนนี้กำลังจะลองพยายามเป็นผู้หญิงอีกครั้ง ฉันมองเธอด้วยความแปลกใจแต่ไม่ถามอะไรออกไป บางเรื่องมันคือการตัดสินใจของตัวเธอ ฉันแค่รับฟังแต่จะไม่โต้แย้งในการกระทำที่เธอได้เลือกแล้ว

และฉันยังรู้มาอีกว่า...เธอเป็นศิษย์ร่วมสถาบันเดียวกันกับฉัน ฉันเป็นรุ่นพี่เธอในสถาบันนั้นอยู่2ปี เธอเพิ่งเข้ามาแต่ฉันกำลังจะจบ... และอะไรอีกมากมายที่ฉันกับเธอคุยกัน เรียกได้ว่า...คุยถูกคอ ก็คงจะใช่ แต่สำหรับฉัน...ความรู้สึกดีเล็กๆบางอย่างค่อยๆเติบโตขึ้นในใจของฉันอย่างเงียบๆ ตลอดการเดินทางนั้น..แขนของฉันกับเธอจะสัมผัสกันบ้าง แนบชิดกันบ้างเกือบตลอด แม้ไม่มากมายอะไรแต่ฉันก็รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าสัมผัสของแขนฉันกับเธอยังคงอยู่

เมื่อถึงเวลาเลือกห้องพัก เธอนอนกับกลุ่มของเธอ ฉันนอนกับกลุ่มของฉัน เท้าของเราหันเข้าหากัน...เพราะหัวต้องหันชนผนัง ฉันแอบเสียใจเล็กๆนะ ที่เราไม่ได้นอนแถวเดียวกัน แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่ได้อยู่ภายในห้องด้วยกัน

แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่า เธอกับฉันต่างไม่ค่อยได้พบเจอพูดคุยกันซักเท่าไหร่ แม้จะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เห็นหน้ากัน แต่บทสนทนาของเราทั้งสองช่างสั้นแสนสั้น เธอเห็นฉัน ฉันเห็นเธอ แต่กลับไม่ได้พูดคุยกัน รู้ไหมว่า...มันช่างทรมานสิ้นดี ฉันจำช่วงเวลาประทับใจที่มีเธอร่วมกันในค่ายนั้นได้อย่างเลือนราง แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วนะ...สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในฐานะพิเศษอะไรอย่างฉัน เธอเหมือนเด็กกิจกรรม วิ่งวุ่นนู่นนี่นั่นเกือบตลอดทั้งงาน ในขณะที่ฉันเหมือนเด็กเกรียน วิ่งแซะนู่นนี่นั่นเกือบตลอดทั้งงานเช่นกัน

ถึงอย่างนั้น...ฉันก็ดีใจนะ ที่ได้รู้จักกับเธอ ได้นั่งข้างๆตลอดการเดินทาง ได้นอนห้องเดียวกันกับเธอ ได้เห็นเธออยู่ในสายตาจากที่ไกลๆ
ได้เห็นเธอยิ้ม เธอหัวเราะ และมีความสุขกับผู้คนมากมายที่รายรอบ...แม้จะไม่มีฉันเป็นหนึ่งในนั้น
เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับหัวใจของฉันแล้ว...

ขามาที่นั่งตัวติดกันว่าฟินแล้ว ขากลับยิ่งฟินกว่า... เธอแหกปากร้องเพลงตั้งมากมายให้ฉันฟัง แต่เพลงทั้งหมดทั้งมวลนั้นกลับเป็นเพลงรักที่ทำให้ฉันหวั่นไหว ฉันนั่งริมเสมองไปทางซ้ายที่เป็นหน้าต่าง แม้วิวจากภูเขาหัวโล้นของชายชราอายุ 60+ จะน่าสนใจและดึงดูดสายตาของฉันเพียงใด แต่หูของฉันกลับมีเพียงเสียงของเธอ หัวใจเต้นดังตึ้กตั้กกลับมีแค่ฉันที่รู้สึกได้ ความกังวลแอบก่อตัวขึ้นเล็กๆในใจจนฉันอดคิดไม่ได้
...เธอกำลังปั่นหัวฉันอยู่ใช่ไหม...
...เธอกำลังเล่นกับความรู้สึกของฉันอยู่หรือเปล่า...
...เธจะรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ...
และสุดท้าย
...เธอจะคิดกับฉันเหมือนที่ฉันคิดกับเธอหรือเปล่านะ...

เธอคงไม่รู้ว่า..ตอนที่เธอกับฉันร้องเพลง 'พี่ปีสองรักน้องปีหนึ่ง' พร้อมๆกัน ฉันอยากจะเปลี่ยนเนื้อเพลงซะใหม่ ให้เป็น 'พี่ปีสามรักน้องปีหนึ่ง' ซะจริงๆ

เธอคงไม่รู้ว่า...ตอนที่ฉันถามเธอว่าทำไมถึงไม่ยอมนอนซะที แหกปากร้องเพลงอยู่ได้ แล้วเธอตอบกลับมาว่า 'หลับ...ตาลงก็เห็นแต่ใบหน้าเธอ ตื่นเช้าขึ้นมาก็เพ้อว่าคิดถึงเธออยู่เป็นประจำ ใจมันก็ลอยออกไปหาเธออยู่ทุกเช้าค่ำ ไม่รู้จะทำยังไง...อยากมีเธออยู่เคียงข้างกายให้เธอเป็นคนรักคนสุดท้าย ตลอดชีวิตไม่คิดให้ใครแค่เธอคนเดียวที่ใจฉันเห็นว่าใช่ ถ้ายังไม่มีผู้ใดก็ถือโอกาสตรงนี้บอกกันซะเลย เธอคิดยังไงกับฉัน...ก็แล้วแต่เธอ' ฉันยิ้มแทบไม่หุบ แม้สายตาที่มองจะเหมือนพี่คนนึงที่มองน้องสาว แต่ฉันรู้ดีว่าในใจของฉันนั้น...ไม่อาจเรียกเธอว่า 'น้องสาว' ได้อีกต่อไปแล้ว ฉันรู้ว่าเพลงนี้สำหรับเธอแล้วอาจไม่มีความหมายอะไร แต่สำหรับฉันนั้น... มันทำให้หัวใจของฉันหวั่นไหวแกว่งไกวไปหาเธอมากขึ้นกว่าเดิม

เธอคงไม่รู้ว่า...ตอนที่เธอนอนแล้วเอาหัวเอนมาซบไหล่ฉัน จะด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ หัวใจของฉันนอกจากจะสูบฉีดเลือดเร็วขึ้นแล้ว ยังพองฟูกว่าเดิม1,000เท่า แม้ว่าหลังจากนั้นเธอจะตื่นแล้วไม่ยอมเอนมาซบไหล่ฉันอีกครั้งก็ตาม แต่แค่เห็นหัวของเธอเอนมาทางฉัน...แค่นั้นฉันก็ดีใจแล้ว

เธอคงไม่รู้ว่า..ตอนที่ฉันหลับแล้วเอนหัวไปทางเธอ พอลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือ...สายตาของเธอที่มองมาทางฉัน ณ วินาทีนั้น ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหาก... ถ้าหาก...ถ้าหากฉันได้ตื่นมาแล้วพบหน้าเธอเป็นครั้งแรกของวันอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ฉัน...คงมีความสุขไม่น้อย

เธอคงไม่รู้ว่า...เสียงร้องเพลง เสียงพูดคุยของเธอ ภาพรอยยิ้ม ภาพใบหน้าของเธอ สัมผัสของเธอยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ ฉันเข้าไปใน IG ของเธอ ดูภาพทั้งหมดทั้งมวลที่เธอถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์ Sony Xperion หลายภาพที่เธอถ่ายด้วยมือถือเล็กๆขนาดกะทัดรัดนั้นดูสวยงามเหลือเกิน เธอรู้จักถ่ายด้วยมุม ถ่ายด้วยแสง มันดูติสมากจริงๆนะ เธอเคยพูดกับฉันว่า 'พี่กับหนูยังไม่เคยถ่ายรูปด้วยกันเลยนี่นา' ฉันชะงักไปเล็กน้อยแล้วทำแค่ส่งเสียง 'ฮึ' ในลำคอ จริงๆฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่าเธอจะคิดเรื่องนี้ แต่จนแล้วจนรอดฉันและเธอก็ไม่มีรูปที่ถ่ายกันแม้แต่รูปเดียว น่าเสียดายตรงนี้แหละนะ

เธอคงไม่รู้ว่า...ตอนที่เธอร้องเพลง Boyfriend ครั้งที่สอง เธอร้องไปพร้อมกับยิ้มที่ระบายเต็มหน้า และฉันก็มองหน้าเธอไปพร้อมกับยิ้มที่ระบายเต็มหน้าเช่นกัน ท่อนที่ร้องว่า Hey girl, let me talk to you ฉันมองตาเธอ เธอมองตาฉัน แล้วเธอก็ยื่นนิ้วชี้มาเขี่ยคางฉัน ทำเอาฉันยิ้มหน้าแก้มแทบปริ ทำเหมือนฉันเป็นลูกแมวเลยนะ แล้วพอท่อน Keep you on my arm girl you'd never be alone แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เธอเอื้อมแขนออกมาทางฉันและพาดไปข้างหลังโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับร้องเพลงไปด้วย หัวใจของฉันวูบไหวและเต้นเร็วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่  หัวใจพองฟูและมโนไปไกลสุดขอบฟ้า ฉันได้แต่เอามือปิดปากกลั้นยิ้มแล้วแสร้งทำหัวเราะ ทั้งที่ในใจ...แทบจะระเบิดออกมาเป็นคำว่า 'ฉันชอบเธอ' อยู่แล้ว และพอถึงท่อน If I was your boyfriend, never let you go เธอก็ทำให้ฉันแทบหยุดหายใจอีกครั้ง เธอยื่นแขนมาทั้งสองข้างราวกับจะดักหน้าดักหลังฉัน ก่อนที่วงแขนนั้นจะค่อยๆโอบรัดฉันเข้ามาเรื่อยๆ และอีกครั้ง...ที่หัวใจของฉันแทบหยุดเต้น แทบระเบิดออกมา และแทบหลุดคำว่า 'ฉันชอบเธอ' ออกมาเช่นกัน แล้วเธอก็หยุด...ยิ้มอย่างร่าเริงให้ฉันพร้อมบอกว่า 'ไม่เอาละ เลิกเล่นละ' รู้ไหมว่า...การเล่นแบบนี้ทำฉันหัวใจวายได้เลยนะ หัวใจของฉันพองฟูครั้งแล้วครั้งเล่า แทบหยุดเต้นแล้วหยุดเต้นเล่า ชอบเธอมากขึ้นแล้วมากขึ้นเล่า

จากทั้งหมดที่เล่าก็ถือเป็นสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักแบบน่ารักๆเนอะ ใจจริงก็หวังลึกๆแหละค่ะว่าอยากให้ใจเขากับใจเราตรงกัน แต่คงเป็นไปได้ยากแหละค่ะ เพราะเขาเองก็เปลี่ยนเป็นผู้หญิงแล้ว ยังไงก็ถือเป็นอีกหนึ่งในความทรงจำดีๆของหัวใจนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่