1) Predestination
noun
pre·des·ti·na·tion \(ˌ)prē-ˌdes-tə-ˈnā-shən, ˌprē-des-\
: the belief that everything that will happen has already been decided by God or fate and cannot be changed
(ความเชื่อที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนเกิดขึ้นแล้วภายใต้การตัดสินของพระเจ้าหรือโชคชะตา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้)
: Fate, Destiny (โชคชะตา, พรหมลิขิต)
บางคนเชื่อว่าโชคชะตามีอยู่จริง สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ล้วนแล้วแต่ถูกกำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น แม้แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่าเราได้ "เลือก" เองก็ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกัน
ซึ่งหากเอาแนวคิดนี้มาโยงกับการท่องเวลา (time traveling) ก็เท่ากับว่าการท่องเวลานั้นได้เกิดขึ้นแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจและน่าสงสัยเกี่ยวกับแนวคิดแบบ Predestination (ที่ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้) คือแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนั้นมีจุดเริ่มต้นและมีจุดจบหรือไม่ อย่างไร
อธิบายเพิ่มเติมคือ หากเราเชื่อว่าเหตุการณ์ใดๆในโลก (หรืออาจจะรวมถึงนอกโลก) นั้นถูกกำหนดมาก่อนแล้วว่าจะเป็นไปเช่นไร ขอบเขตของการ "กำหนด" มันอยู่ตรงไหน นึกง่ายๆว่าการกำหนดอะไรสักอย่างมันต้องมีขอบเขตดังเช่นการถ่ายหนัง จะกำหนดเรื่องราวมันได้ก็ต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด แต่กับโลกหรือเหตุการณ์โลกนี่ล่ะจุดสิ้นสุดอยู่ที่ใด
2) แล้วข้อความในข้อ 1) เกี่ยวข้องกับหนังอย่างไร
ในหนังเองก็ตั้งคำถามนี้กับคนดูเช่นเดียวกัน แต่ใช้คำถามง่ายๆแต่ตอบยากๆว่า "ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน"
ซึ่งคำถามนี้อาจจะไม่เหมือนกับคำถามข้างบนเสียทีเดียวแต่ก็คล้ายๆกัน โดยเฉพาะเมื่อมองว่า "ไก่กับไข่" นั้นเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แล้ว แต่จุดกำเนิดของมันคืออะไรคือสิ่งที่ตอบไม่ได้ (อันที่จริงสามารถตอบได้แต่ขึ้นอยู่กับชุดเหตุผลที่อธิบายซึ่งก็สามารถตอบได้ทั้งสองอย่าง นั่นทำให้มันก็เหมือนไม่มีคำตอบอยู่ดี) ดังนั้นจุดกำเนิดของไก่และไข่จึงไม่ต่างอะไรกับขอบเขตในเรื่องของ "โชคชะตา"
3) Predestination ถามเราต่อว่าแล้วอะไรคือ "โชคชะตา"
ในเรื่องราวของหนังซึ่งเป็นเรื่องราวของนักเขียนหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งเล่าเรื่องตัวเองให้บาร์เทนเดอร์ฟัง (แค่นี้ก็หักมุมแล้วสำหรับคนที่ตั้งใจเข้าไปดูหนังแอ๊คชั่นไซไฟ) เรื่องราวของนักเขียนคนนี้เป็นเรื่องราวที่ประหลาด เริ่มต้นจากการที่เขาเป็น "เด็กหญิง" ชื่อว่า "เจน" ซึ่งกำพร้าพ่อแม่ ถูกทิ้งเอาไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก และเติบโตขึ้นมา หัวดีเรียนเก่ง แต่ไม่มีเพื่อน สุดท้ายพบกับผู้ชายคนหนึ่งแต่ก็ถูกทิ้ง เหลือแต่เพียงเด็กในท้อง ซึ่งภายหลังก็ถูกขโมยไปอีก มิหนำซ้ำหลังจากคลอดลูกก็ค้นพบว่าตนเองเป็นคนที่มีสองเพศ ซึ่งหลังคลอดเสียเลือดมากจนต้องตัดมดลูกและรังไข่ทิ้ง เขาจึงกลายเป็นผู้ชายเต็มตัว แต่ในใจก็ยังเคียดแค้นผู้ชายคนที่ทิ้งเธอไป
ซึ่งเรื่องมาน่าสนใจตรงที่บาร์เทนเดอร์บอกกับนักเขียนว่าเขาสามารถเอาตัวผู้ชายคนนั้นมาให้เขาฆ่าได้ถ้าเขาต้องการโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร นักเขียนตกลงและถูกบาร์เทนเดอร์(ซึ่งแท้จริงคือเจ้าหน้าที่องค์กรลับที่มีหน้าที่ย้อนเวลาไปป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอาชญากรรมขึ้น)พาเดินทางข้ามเวลาไปยังอดีตในวันที่นักเขียน(ตอนเป็นผู้หญิง)พบกับผู้ชายคนที่ทิ้งเธอไป ก่อนจะพบว่าผู้ชายคนนั้นแท้จริงก็คือตัวเขาเอง!
ที่เล่าเรื่องมาเสียยืดยาวเพื่อที่จะกลับไปในคำถามในข้อ 3) อีกครั้ง
อะไรคือ "โชคชะตา"
การที่นักเขียนได้กลับไปพบตัวเองในอดีตได้นั้นเป็นเพราะเขาถูกพาย้อนเวลาไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าว่าบาร์เทนเดอร์คนนี้รู้บางอย่างและจงใจพาเขาไปในเวลาที่เกิดเหตุ เหมือนกับว่าตั้งใจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ถ้านี่คือโชคชะตา แปลว่าโชคชะตาคือสิ่งที่ถูกผู้อื่นยัดเยียดให้อย่างนั้นหรือ
หรือจริงๆแล้วการที่บาร์เทนเดอร์ต้องทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะโชคชะตาเช่นเดียวกัน
4) ************************************ Spoiled Alert ระดับสูงสุด ************************************
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เป็นจุดที่ประทับใจของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เพราะหนังทำให้สิ่งที่เรียกว่า "โชคชะตา" กับ "เจตจำนงเสรี" กลายเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ นั่นหมายความว่าโชคชะตาหรือเจตจำนงเสรีอาจจะเป็นสิ่งเดียวกัน หรือไม่แล้วอาจจะไม่มีทั้งสองสิ่งนี้เลยก็ได้
การที่บาร์เทนเดอร์พานักเขียนไปพบกับเจนในอดีตก็เพราะว่าตัวเขาเอง (บาร์เทนเดอร์) กับนักเขียน แท้จริงก็คือคนคนเดียวกัน (ภายหลังนักเขียนเข้าไปทำงานในองค์กรตามคำเชิญของบาร์เทนเดอร์และปฏิบัติงานจนถูกไฟไหม้หน้า ได้รับการรักษาจนหน้าตาเปลี่ยนไป) และที่สำคัญไปกว่านั้นคนที่ขโมยลูกของนักเขียนไปก็คือบาร์เทนเดอร์นั่นเอง โดยที่บาร์เทนเดอร์ได้พาเด็กน้อยคนนั้นไปทิ้งที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยย้อนไปในปีที่นักเขียนเกิด
สรุปก็คือนักเขียนพบรักกับหญิงสาว(ซึ่งก็คือตนเองตอนเป็นผู้หญิง)และให้กำเนิดลูก ซึ่งลูกของเขาหายตัวไปและเติบโตมาเป็นตัวเขาเอง!
เท่ากับว่าสิ่งที่บาร์เทนเดอร์ทำคือการทำเพื่อให้ตนเองดำรงอยู่
ถ้าบาร์เทนเดอร์ไม่พานักเขียนไปพบกับเจน ก็จะไม่มีเด็กคลอดออกมา เท่ากับว่าเขาก็จะไม่ได้เกิดขึ้นมาด้วย เช่นเดียวกัน นักเขียนเอย เจนเอย ก็จะไม่เกิดขึ้นมา
ซึ่งถ้าไม่เกิดมาก็ย่อมจะไม่เกิดเหตุการณ์ทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้น รวมถึงการพูดคุยระหว่างนักเขียนกับบาร์เทนเดอร์ด้วย
คำถามก็คือนี่คือเจตจำนงเสรีหรือเป็นโชคชะตาของบาร์เทนเดอร์กันแน่
มุมหนึ่ง: นี่คือสิ่งที่บาร์เทนเดอร์ตัดสินใจทำ นั่นคือเจตจำนง
มุมสอง: นี่คือที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าบาร์เทนเดอร์จะทำ (เพราะถ้าบาร์เทนเดอร์ไม่ทำ ตัวตนเขาก็ไม่บังเกิด)
และคำถามที่สำคัญคือแล้วตัวตนของเขาล่ะมาจากไหนกันแน่
5) ประเด็นต่อมาเป็นจุดที่ชอบมากคือนี่เป็นหนังที่ทำให้เห็นภาพเป็นรูปธรรมที่สุดของการเข้าใจตัวเอง การรักตัวเองและให้อภัยตัวเอง
The Bartender: "You know who she is, And you understand who you are, And now maybe you're ready to understand who I am."
บาร์เทนเดอร์พูดกับนักเขียนว่า "ตอนนี้นายรู้แล้วว่าเธอ(เจน)เป็นใคร และเข้าใจแล้วว่านายเป็นใคร และบางทีนายอาจจะเริ่มรู้แล้วว่าชั้นเป็นใคร(ก็คือตัวนายนั่นเอง)"
ซึ่งมันรูปธรรมมากๆ หลายต่อหลายครั้งเรามักจะบอกว่าคนเราต้องเข้าใจตัวเอง รักตัวเอง ให้อภัยตัวเอง แต่นั่นมักจะเป็นการจำลองความรู้เหมือนตัวเราเป็นอีกคน แต่ในหนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นภาพชัดๆเลย
ตอนที่นักเขียนกำลังอยู่กับเจนอย่างมีความสุข เขาถูกเรียกโดยบาร์เทนเดอร์ นักเขียนปฏิเสธที่จะทิ้งเจนไป เพราะเขาเข้าใจดีว่าเจนรู้สึกเช่นไรเมื่อถูกทอดทิ้ง แต่ก็ในขณะเดียวกันเขาเอง (ในฐานะที่เคยเป็นเจนมาก่อน) ก็สามารถเข้าใจได้แล้วว่าที่ผู้ชายคนนั้น (ซึ่งก็คือตัวเขา) ทิ้งเจนไปเนื่องจากเหตุผลอะไร
เมื่อเข้าใจได้ก็ให้อภัยได้ และชีวิตก็เดินหน้าต่อไป
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
6) *************************** สิ้นสุดพื้นที่ Spoiled alert ***************************
Predestination เป็นไซไฟเชิงอภิปรัชญา ตั้งคำถามเกี่ยวกับโชคชะตา จุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด เพียงแต่หนังไม่ได้ให้คำตอบกับเราชัดเจน เพียงแค่ทิ้งคำถามเอาไว้ให้ขบคิด มีอยู่บางจุดที่คิดว่าตรรกะของหนังอธิบายไม่ได้และมีความขัดแย้งกันเอง แต่เป็นจุดเล็กๆไม่มีผลต่อการดูเท่าไร (มาสังเกตตอนดูจบแล้ว)
โดยรวมการเล่าเรื่องน่าติดตามเหมาะสำหรับคนชอบหนังที่กระตุ้นให้ใช้ความคิด แม้ว่าจะไม่ได้ดำเนินเรื่องราวรวดเร็วฉับไว แถมอาชีพหลักของตัวละครที่เป็นเจ้าหน้าที่องค์กรลับก็ดูจะไม่ได้โชว์ผลงานในหนังเรื่องนี้สักเท่าไร เป็นเรื่องของการค้นพบตัวตนของตนเองมากกว่า
จุดที่ดีงามมากๆในหนังคือ ไดอะล็อก ในเรื่อง ซึ่งมันแฝงความหมายและคล้ายๆจะบอกเป็นนัยให้เราคาดเดาเรื่องราวได้ แต่อันนี้จะมาสังเกตหลังจากที่ดูจบไปแล้ว ซึ่งเป็นความสนุกสนานอย่างมากที่ได้รู้ว่าหนังมันพยายามบอกเราหลายทีอยู่เหมือนกันนะ ก่อนที่เราจะเดาได้จริงๆ
อีธาน ฮอว์ก แสดงได้ตามมาตรฐานในบทที่ไม่ได้ต้องการพลังอะไรมากมาย แต่คนที่น่าสนใจคือ ซาร่าห์ สนุ้ก ซึ่งแท้จริงเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้สวยมากนัก แต่ใน Predestination เธอฉายเสน่ห์ออกมาได้เป็นอย่างดี (ทั้งสองบท)
สรุป นี่เป็นหนังในแบบที่ไม่ได้ดูมานาน และอิ่มเอมใจมากที่ได้ดู และขอจำชื่อพี่น้อง Spierig ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เอาไว้ติดตามผลงานต่อไป
[CR] รีวิว Predestination - Spoiled มาก และยาวมาก
1) Predestination
noun
pre·des·ti·na·tion \(ˌ)prē-ˌdes-tə-ˈnā-shən, ˌprē-des-\
: the belief that everything that will happen has already been decided by God or fate and cannot be changed
(ความเชื่อที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนเกิดขึ้นแล้วภายใต้การตัดสินของพระเจ้าหรือโชคชะตา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้)
: Fate, Destiny (โชคชะตา, พรหมลิขิต)
บางคนเชื่อว่าโชคชะตามีอยู่จริง สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ล้วนแล้วแต่ถูกกำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น แม้แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่าเราได้ "เลือก" เองก็ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกัน
ซึ่งหากเอาแนวคิดนี้มาโยงกับการท่องเวลา (time traveling) ก็เท่ากับว่าการท่องเวลานั้นได้เกิดขึ้นแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจและน่าสงสัยเกี่ยวกับแนวคิดแบบ Predestination (ที่ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้) คือแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนั้นมีจุดเริ่มต้นและมีจุดจบหรือไม่ อย่างไร
อธิบายเพิ่มเติมคือ หากเราเชื่อว่าเหตุการณ์ใดๆในโลก (หรืออาจจะรวมถึงนอกโลก) นั้นถูกกำหนดมาก่อนแล้วว่าจะเป็นไปเช่นไร ขอบเขตของการ "กำหนด" มันอยู่ตรงไหน นึกง่ายๆว่าการกำหนดอะไรสักอย่างมันต้องมีขอบเขตดังเช่นการถ่ายหนัง จะกำหนดเรื่องราวมันได้ก็ต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด แต่กับโลกหรือเหตุการณ์โลกนี่ล่ะจุดสิ้นสุดอยู่ที่ใด
2) แล้วข้อความในข้อ 1) เกี่ยวข้องกับหนังอย่างไร
ในหนังเองก็ตั้งคำถามนี้กับคนดูเช่นเดียวกัน แต่ใช้คำถามง่ายๆแต่ตอบยากๆว่า "ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน"
ซึ่งคำถามนี้อาจจะไม่เหมือนกับคำถามข้างบนเสียทีเดียวแต่ก็คล้ายๆกัน โดยเฉพาะเมื่อมองว่า "ไก่กับไข่" นั้นเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แล้ว แต่จุดกำเนิดของมันคืออะไรคือสิ่งที่ตอบไม่ได้ (อันที่จริงสามารถตอบได้แต่ขึ้นอยู่กับชุดเหตุผลที่อธิบายซึ่งก็สามารถตอบได้ทั้งสองอย่าง นั่นทำให้มันก็เหมือนไม่มีคำตอบอยู่ดี) ดังนั้นจุดกำเนิดของไก่และไข่จึงไม่ต่างอะไรกับขอบเขตในเรื่องของ "โชคชะตา"
3) Predestination ถามเราต่อว่าแล้วอะไรคือ "โชคชะตา"
ในเรื่องราวของหนังซึ่งเป็นเรื่องราวของนักเขียนหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งเล่าเรื่องตัวเองให้บาร์เทนเดอร์ฟัง (แค่นี้ก็หักมุมแล้วสำหรับคนที่ตั้งใจเข้าไปดูหนังแอ๊คชั่นไซไฟ) เรื่องราวของนักเขียนคนนี้เป็นเรื่องราวที่ประหลาด เริ่มต้นจากการที่เขาเป็น "เด็กหญิง" ชื่อว่า "เจน" ซึ่งกำพร้าพ่อแม่ ถูกทิ้งเอาไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก และเติบโตขึ้นมา หัวดีเรียนเก่ง แต่ไม่มีเพื่อน สุดท้ายพบกับผู้ชายคนหนึ่งแต่ก็ถูกทิ้ง เหลือแต่เพียงเด็กในท้อง ซึ่งภายหลังก็ถูกขโมยไปอีก มิหนำซ้ำหลังจากคลอดลูกก็ค้นพบว่าตนเองเป็นคนที่มีสองเพศ ซึ่งหลังคลอดเสียเลือดมากจนต้องตัดมดลูกและรังไข่ทิ้ง เขาจึงกลายเป็นผู้ชายเต็มตัว แต่ในใจก็ยังเคียดแค้นผู้ชายคนที่ทิ้งเธอไป
ซึ่งเรื่องมาน่าสนใจตรงที่บาร์เทนเดอร์บอกกับนักเขียนว่าเขาสามารถเอาตัวผู้ชายคนนั้นมาให้เขาฆ่าได้ถ้าเขาต้องการโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร นักเขียนตกลงและถูกบาร์เทนเดอร์(ซึ่งแท้จริงคือเจ้าหน้าที่องค์กรลับที่มีหน้าที่ย้อนเวลาไปป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอาชญากรรมขึ้น)พาเดินทางข้ามเวลาไปยังอดีตในวันที่นักเขียน(ตอนเป็นผู้หญิง)พบกับผู้ชายคนที่ทิ้งเธอไป ก่อนจะพบว่าผู้ชายคนนั้นแท้จริงก็คือตัวเขาเอง!
ที่เล่าเรื่องมาเสียยืดยาวเพื่อที่จะกลับไปในคำถามในข้อ 3) อีกครั้ง
อะไรคือ "โชคชะตา"
การที่นักเขียนได้กลับไปพบตัวเองในอดีตได้นั้นเป็นเพราะเขาถูกพาย้อนเวลาไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าว่าบาร์เทนเดอร์คนนี้รู้บางอย่างและจงใจพาเขาไปในเวลาที่เกิดเหตุ เหมือนกับว่าตั้งใจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ถ้านี่คือโชคชะตา แปลว่าโชคชะตาคือสิ่งที่ถูกผู้อื่นยัดเยียดให้อย่างนั้นหรือ
หรือจริงๆแล้วการที่บาร์เทนเดอร์ต้องทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะโชคชะตาเช่นเดียวกัน
4) ************************************ Spoiled Alert ระดับสูงสุด ************************************
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
6) *************************** สิ้นสุดพื้นที่ Spoiled alert ***************************
Predestination เป็นไซไฟเชิงอภิปรัชญา ตั้งคำถามเกี่ยวกับโชคชะตา จุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด เพียงแต่หนังไม่ได้ให้คำตอบกับเราชัดเจน เพียงแค่ทิ้งคำถามเอาไว้ให้ขบคิด มีอยู่บางจุดที่คิดว่าตรรกะของหนังอธิบายไม่ได้และมีความขัดแย้งกันเอง แต่เป็นจุดเล็กๆไม่มีผลต่อการดูเท่าไร (มาสังเกตตอนดูจบแล้ว)
โดยรวมการเล่าเรื่องน่าติดตามเหมาะสำหรับคนชอบหนังที่กระตุ้นให้ใช้ความคิด แม้ว่าจะไม่ได้ดำเนินเรื่องราวรวดเร็วฉับไว แถมอาชีพหลักของตัวละครที่เป็นเจ้าหน้าที่องค์กรลับก็ดูจะไม่ได้โชว์ผลงานในหนังเรื่องนี้สักเท่าไร เป็นเรื่องของการค้นพบตัวตนของตนเองมากกว่า
จุดที่ดีงามมากๆในหนังคือ ไดอะล็อก ในเรื่อง ซึ่งมันแฝงความหมายและคล้ายๆจะบอกเป็นนัยให้เราคาดเดาเรื่องราวได้ แต่อันนี้จะมาสังเกตหลังจากที่ดูจบไปแล้ว ซึ่งเป็นความสนุกสนานอย่างมากที่ได้รู้ว่าหนังมันพยายามบอกเราหลายทีอยู่เหมือนกันนะ ก่อนที่เราจะเดาได้จริงๆ
อีธาน ฮอว์ก แสดงได้ตามมาตรฐานในบทที่ไม่ได้ต้องการพลังอะไรมากมาย แต่คนที่น่าสนใจคือ ซาร่าห์ สนุ้ก ซึ่งแท้จริงเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้สวยมากนัก แต่ใน Predestination เธอฉายเสน่ห์ออกมาได้เป็นอย่างดี (ทั้งสองบท)
สรุป นี่เป็นหนังในแบบที่ไม่ได้ดูมานาน และอิ่มเอมใจมากที่ได้ดู และขอจำชื่อพี่น้อง Spierig ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เอาไว้ติดตามผลงานต่อไป