เรื่องมีอยู่ว่า เรามีแมวที่เรารักมากอยู่ตัวนึง เป็นแมวที่แฟนเราช่วยมาจากโรงอาหารในมหาวิทยาลัย เป็นตัวผู้ ชื่อว่า"แคนดี้" (คิดนานมากกว่าจะได้ชื่อนี้ 5555) แคนดี้เป็นแมวพันธุ์ไทยและหางงอ ซึงหางงอนั่นแหละที่ทำให้เราเป็นห่วงเขา ตอนอยู่หอพักที่มหาลัยแคนดี้เคยมีคดีวิ่งเล่นซนเกินเหตุ วิ่งไปวิ่งมาหางดันไปพันกับสายข้างหลังตู้เย็น ไม่ใช่สายไฟนะคะสายระโยงระยางหลังตู้เย็นน่ะค่ะ ร้องบ้านแตกเลย เรานี่ตกใจแทบช็อค กลัวว่าจะโดนไฟดูตาย ดีที่ตู้เย็นเครื่องเล็กเลยช่วยง่ายหน่อย จากนั้นมาก็ห่วงเรื่องหางมาตลอด
แคนดี้เป็นแมวขี้อ้อน ขี้เล่นมากๆ ตอนแรกเราเข้ากับแคนดี้ไม่ค่อยได้หรอก แอบกลัวแมวเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ซี้กัน แคนดี้มีความเรียบร้อยพอตัว เราบอกว่า อย่าขึ้นที่นอนนะ เขาก็จะไม่ขึ้น ขับถ่ายเป็นที่ และที่สำคัญ แคนดี้เป็นนาฬิกาปลุกชั้นดี หกโมงเช้าจะมางับหัวแม่โป้งเท้าทุกวัน ประมาณว่า "มี๊ฮัฟแคนดี้หิวข้าว"
พอเราเรียนจบเราก็เอาแคนดี้กลับบ้านด้วย แต่แม่ให้แคนดี้อยู่ข้างนอกบ้าน บ้านเราเป็นทาวน์เฮาส์หลังติดๆกันน่ะ แล้วบ้านเรากับบ้านข้างๆก็มีหลังคา
อยู่มาวันหนึ่ง แคนดี้กับเหมียวแมวทีบ้านอีกตัวหายไปพร้อมกัน เรากลับมาจากทำงานก็แปลกใจว่าแมวไปไหนหมดถามที่บ้านก็บอกไม่เห็นตั้งแต่เช้า สงสัยติดสาวมั้ง(ตัวผู้ทั้งคู่) แต่เย็นวันนั้นเราก็ได้ยินเสียงแมวร้องมาจากบ้านข้างๆที่เขามาเช่าอยู่ เราจำเสียงแมวเราได้นะไม่รู้ทำไม แต่รู้ว่านี่เสียงแมวเรา เลยทำทีเป็นไปยืนตะโกนเรียกชื่อแมวหน้าบ้านเขา สักพักแมวก็ออกมา พอเจอแมวแล้วก็โล่งอก เราว่าเขาไม่ได้เอาไปเพราะเห็นมันน่ารัก อยากเลี้ยงอะไรทำนองนั้น เราว่าเขากะเอาไปขังไว้กินมากกว่า เพราะแมวหิวโซมาก กินอาหารกันใหญ่เลยพอได้กลับบ้าน
เราก็ไม่ได้ถือโทษอะไรมากมายนะ ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ค่อยกลับบ้าน และบ้านก็มีแต่ผู้ชาย เหมือนเป็นคนงานเจ้านายมาเช่าบ้านให้อยู่กันทำนองนั้น แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นอีก คือเหมียวโดนขังบนชั้นสอง ขังนานสองสามวันขังแล้วเขาก็ไม่อยู่บ้านด้วย แมวก็คงไม่ได้กินอะไร เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ต้องรอเขากลับมา เราว่าขังแมวมันโหดร้ายนะ แมวก็หิวเป็นอ่ะ พอเขากลับมาเราเริ่มมีน้ำโหแล้วล่ะ แต่ก็ยังสุภาพกับเขาอยู่ บอกเขาว่าแมวเราติดอยู่ในบ้านเขาช่วยเอาออกมาให้ที เพราะหยั่งเชิงไม่รู้เขาตั้งใจรึเปล่า แต่ในใจคิดไปก่อนแล้วว่ามันตั้งใจชัวร์ๆ แล้วเรื่องแมวๆก็เงียบหายไป
แคนดี้กับเหมียวก็มีติดสาวบ้างแต่จะไปไม่นานอย่างมากก็วันนึง แล้วกลับมาแล้วค่อยหาย แบบวันเว้นวันอะไรทำนองนี้ ก็ปกติดี
จนกระทั้งแคนดี้หายไปย่างเข้าวันที่ 2 หายตั้งแต่26 ก.พ.58 ช่วงเช้าๆ ตอนแรกก็คิดว่าไปหาสาวเดี๋ยวคงกลับ แล้วเย็นวันนั้นเราก็ได้ยินเสียงแมวร้องมาจากทางหลังบ้าน แว่วๆฟังไม่ชัด แต่คิดว่าคงเสียงแมวที่อื่นเพราะแถวบ้านมีแมวทุกซอย แมวดกมาก อีกอย่างก็เป็นช่วงหาคู่กันด้วย เราถามว่าแคนดี้ใช่ไหมคะ แคนดี้จ๋า ปกติเขาจะตอบแต่นี่เงียบไป คงไม่ใช่แมวเรามั้ง ตอนนั้นก็คิดแบบนั้น แล่วพอวันรุ่งขึ้น เรากลับมาบ้าน เป็นวันเกิดพ่อพอดี เราก็ฉลองวันเกิดพ่อแล้วกะจะขึ้นไปชาร์ตโทรศัพท์ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงแมว คือร้องไม่ปกติ เสียงเหมือนแมวกลัว แมวเจ็บ แมวร้องให้ช่วย ประมาณนั้น เราก็ตะหงิดใจขึ้นมาว่สแคนดี้รึเปล่านะ เลยลองเรียกดูก็ขานรับ เราว่า ต้องใช่แน่เลย เลยลงไปบอกแม่ว่าไอ้บ้านนั้นมันจับแคนดี้ไปอีกแล้วแม่ สองวันแล้วเนี่ย แม่ก็รีบขึ้นมาฟัง แล้วก็แงะบานเกล็ดหน้าต่างห้องออกทีละบานจนเอาตัวลอดออกไปได้แล้วชโงกเอาไปฉายส่องว่าใช่แคนดี้ไหม แล้วแสงก็ไปกระทบกับตาแมว แต่ไม่ใช่บ้านหลังที่เคยจับแมวเราไป เป็นบ้านร้างหลังถัดไปอีกสามสี่หลัง ตอนนั้นเราตัดสินใจว่ายังไงวันนี้ต้องไปช่วยแคนดี้ให้ได้ เลยปีนหน้าต่างออกไปยืนตรงคานที่ยื่นออกมาจากกำแพงประมาณ 1 ฟุต ค่อยๆเดินไปหาแมวที่ซึ่งไม่รู้ว่าใช่แมวเราไหม เพราะมันมืดมากบ้านถัดจากเราไม่มีคนอยู่สักหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านร้าง และข้างบ้านเคยมีคนตายด้วย แต่ตอนนั่นเราลืมหมดเลย รู้แต่ว่าชั้ลจะไปช่วยแมวชั้ล เราก็ค่อยๆไต่กำแพงไปเรื่อยๆ ผ่านไปสี่หลัง เราก็เจอแคนดี้จริงๆด้วย แคนดี้อยู่ตรงขอบหน้ต่างบ้านร้างหลังนึงที่บานเกล็ดหลุดออกสามบาน ซึ่งความจริงแคนดี้น่าจะออกมาเองได้ แต่เขาคงกลัวกระโดดพลาดขอบ30เซ็นต์มั้ง กลัวกลายเป็นซากแมวนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างล่าง เลยร้องให้คนช่วยอยู่สองวันเต็มๆ
วินาทีที่กอดแคนดี้เรารู้สึกผิดมากเลยที่ชะล่าใจว่าเสียงแมวที่ได้ยินเป็นเสียงแมวติดสัด ทั้งๆที่ปกติจำเสียงแคนดี้ได้แม่นแท้ๆ ถ้าเราคิดไวกว่านี้ก็คงช่วยได้เร็วกว่านี้ ทีนี้ก็งานลำบากแล้วล่ะ ตอนขามาก็ไม่เท่าไหร่มีแค่ตัวกับไฟฉาย แถมบ้านร้างหลังนึงติดจานทรูอีก เดินลำบากมาก ถ้าแคนดี้ดิ้นมากๆ ตกลงไปคงเป็นซากทั้งคนทั้งแมว เพราะแค่ทรงตัวก็ลำบากพอดู ไหนจะต้องมาพยุงแมวอีก แต่เราก็ผ่านมันมาได้ เย้ๆๆๆๆ แม่ก็ลุ้นตลอด พากษ์ตลอดว่าระวังตกนะลูก เดินดีๆ แล้วก็ช่วยรับแมวไป เรานี่โล่งเลย ถึงซักที ^^ เช้าวันรุ่งขึ้น(วันนี้)เราก็ขัดศรีฉวีวรรณให้แคนดี้มีขนสวยปิ๊งเหมือนเดิม
นี่เป็นเรื่องราววีรกรรมช่วยแมวของเราค่ะ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความกลัวทำให้มีความกล้า ทั้งที่เรากลัวผีจะตาย(ข้างบ้านมีคนตายแล้วย้ายออกไป)
แต่เราก็ลืมไปเลย กลัวแคนดี้เป็นอันตรายมากกว่า กลัวว่าหางอาจจะไปเกี่ยวกับอะไรแล้วเจ็บอยู่ จึงทำให้กล้าเดินไต่กำแพงบ้านร้างและบ้านที่ไม่มีคนอยู่ไปช่วยแคนดี้ ทำให้ลืมกลัวผีไปเลย 5555
ไต่กำแพงช่วยแมวสุดที่รัก!!!
แคนดี้เป็นแมวขี้อ้อน ขี้เล่นมากๆ ตอนแรกเราเข้ากับแคนดี้ไม่ค่อยได้หรอก แอบกลัวแมวเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ซี้กัน แคนดี้มีความเรียบร้อยพอตัว เราบอกว่า อย่าขึ้นที่นอนนะ เขาก็จะไม่ขึ้น ขับถ่ายเป็นที่ และที่สำคัญ แคนดี้เป็นนาฬิกาปลุกชั้นดี หกโมงเช้าจะมางับหัวแม่โป้งเท้าทุกวัน ประมาณว่า "มี๊ฮัฟแคนดี้หิวข้าว"
พอเราเรียนจบเราก็เอาแคนดี้กลับบ้านด้วย แต่แม่ให้แคนดี้อยู่ข้างนอกบ้าน บ้านเราเป็นทาวน์เฮาส์หลังติดๆกันน่ะ แล้วบ้านเรากับบ้านข้างๆก็มีหลังคา
อยู่มาวันหนึ่ง แคนดี้กับเหมียวแมวทีบ้านอีกตัวหายไปพร้อมกัน เรากลับมาจากทำงานก็แปลกใจว่าแมวไปไหนหมดถามที่บ้านก็บอกไม่เห็นตั้งแต่เช้า สงสัยติดสาวมั้ง(ตัวผู้ทั้งคู่) แต่เย็นวันนั้นเราก็ได้ยินเสียงแมวร้องมาจากบ้านข้างๆที่เขามาเช่าอยู่ เราจำเสียงแมวเราได้นะไม่รู้ทำไม แต่รู้ว่านี่เสียงแมวเรา เลยทำทีเป็นไปยืนตะโกนเรียกชื่อแมวหน้าบ้านเขา สักพักแมวก็ออกมา พอเจอแมวแล้วก็โล่งอก เราว่าเขาไม่ได้เอาไปเพราะเห็นมันน่ารัก อยากเลี้ยงอะไรทำนองนั้น เราว่าเขากะเอาไปขังไว้กินมากกว่า เพราะแมวหิวโซมาก กินอาหารกันใหญ่เลยพอได้กลับบ้าน
เราก็ไม่ได้ถือโทษอะไรมากมายนะ ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ค่อยกลับบ้าน และบ้านก็มีแต่ผู้ชาย เหมือนเป็นคนงานเจ้านายมาเช่าบ้านให้อยู่กันทำนองนั้น แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นอีก คือเหมียวโดนขังบนชั้นสอง ขังนานสองสามวันขังแล้วเขาก็ไม่อยู่บ้านด้วย แมวก็คงไม่ได้กินอะไร เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ต้องรอเขากลับมา เราว่าขังแมวมันโหดร้ายนะ แมวก็หิวเป็นอ่ะ พอเขากลับมาเราเริ่มมีน้ำโหแล้วล่ะ แต่ก็ยังสุภาพกับเขาอยู่ บอกเขาว่าแมวเราติดอยู่ในบ้านเขาช่วยเอาออกมาให้ที เพราะหยั่งเชิงไม่รู้เขาตั้งใจรึเปล่า แต่ในใจคิดไปก่อนแล้วว่ามันตั้งใจชัวร์ๆ แล้วเรื่องแมวๆก็เงียบหายไป
แคนดี้กับเหมียวก็มีติดสาวบ้างแต่จะไปไม่นานอย่างมากก็วันนึง แล้วกลับมาแล้วค่อยหาย แบบวันเว้นวันอะไรทำนองนี้ ก็ปกติดี
จนกระทั้งแคนดี้หายไปย่างเข้าวันที่ 2 หายตั้งแต่26 ก.พ.58 ช่วงเช้าๆ ตอนแรกก็คิดว่าไปหาสาวเดี๋ยวคงกลับ แล้วเย็นวันนั้นเราก็ได้ยินเสียงแมวร้องมาจากทางหลังบ้าน แว่วๆฟังไม่ชัด แต่คิดว่าคงเสียงแมวที่อื่นเพราะแถวบ้านมีแมวทุกซอย แมวดกมาก อีกอย่างก็เป็นช่วงหาคู่กันด้วย เราถามว่าแคนดี้ใช่ไหมคะ แคนดี้จ๋า ปกติเขาจะตอบแต่นี่เงียบไป คงไม่ใช่แมวเรามั้ง ตอนนั้นก็คิดแบบนั้น แล่วพอวันรุ่งขึ้น เรากลับมาบ้าน เป็นวันเกิดพ่อพอดี เราก็ฉลองวันเกิดพ่อแล้วกะจะขึ้นไปชาร์ตโทรศัพท์ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงแมว คือร้องไม่ปกติ เสียงเหมือนแมวกลัว แมวเจ็บ แมวร้องให้ช่วย ประมาณนั้น เราก็ตะหงิดใจขึ้นมาว่สแคนดี้รึเปล่านะ เลยลองเรียกดูก็ขานรับ เราว่า ต้องใช่แน่เลย เลยลงไปบอกแม่ว่าไอ้บ้านนั้นมันจับแคนดี้ไปอีกแล้วแม่ สองวันแล้วเนี่ย แม่ก็รีบขึ้นมาฟัง แล้วก็แงะบานเกล็ดหน้าต่างห้องออกทีละบานจนเอาตัวลอดออกไปได้แล้วชโงกเอาไปฉายส่องว่าใช่แคนดี้ไหม แล้วแสงก็ไปกระทบกับตาแมว แต่ไม่ใช่บ้านหลังที่เคยจับแมวเราไป เป็นบ้านร้างหลังถัดไปอีกสามสี่หลัง ตอนนั้นเราตัดสินใจว่ายังไงวันนี้ต้องไปช่วยแคนดี้ให้ได้ เลยปีนหน้าต่างออกไปยืนตรงคานที่ยื่นออกมาจากกำแพงประมาณ 1 ฟุต ค่อยๆเดินไปหาแมวที่ซึ่งไม่รู้ว่าใช่แมวเราไหม เพราะมันมืดมากบ้านถัดจากเราไม่มีคนอยู่สักหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านร้าง และข้างบ้านเคยมีคนตายด้วย แต่ตอนนั่นเราลืมหมดเลย รู้แต่ว่าชั้ลจะไปช่วยแมวชั้ล เราก็ค่อยๆไต่กำแพงไปเรื่อยๆ ผ่านไปสี่หลัง เราก็เจอแคนดี้จริงๆด้วย แคนดี้อยู่ตรงขอบหน้ต่างบ้านร้างหลังนึงที่บานเกล็ดหลุดออกสามบาน ซึ่งความจริงแคนดี้น่าจะออกมาเองได้ แต่เขาคงกลัวกระโดดพลาดขอบ30เซ็นต์มั้ง กลัวกลายเป็นซากแมวนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างล่าง เลยร้องให้คนช่วยอยู่สองวันเต็มๆ
วินาทีที่กอดแคนดี้เรารู้สึกผิดมากเลยที่ชะล่าใจว่าเสียงแมวที่ได้ยินเป็นเสียงแมวติดสัด ทั้งๆที่ปกติจำเสียงแคนดี้ได้แม่นแท้ๆ ถ้าเราคิดไวกว่านี้ก็คงช่วยได้เร็วกว่านี้ ทีนี้ก็งานลำบากแล้วล่ะ ตอนขามาก็ไม่เท่าไหร่มีแค่ตัวกับไฟฉาย แถมบ้านร้างหลังนึงติดจานทรูอีก เดินลำบากมาก ถ้าแคนดี้ดิ้นมากๆ ตกลงไปคงเป็นซากทั้งคนทั้งแมว เพราะแค่ทรงตัวก็ลำบากพอดู ไหนจะต้องมาพยุงแมวอีก แต่เราก็ผ่านมันมาได้ เย้ๆๆๆๆ แม่ก็ลุ้นตลอด พากษ์ตลอดว่าระวังตกนะลูก เดินดีๆ แล้วก็ช่วยรับแมวไป เรานี่โล่งเลย ถึงซักที ^^ เช้าวันรุ่งขึ้น(วันนี้)เราก็ขัดศรีฉวีวรรณให้แคนดี้มีขนสวยปิ๊งเหมือนเดิม
นี่เป็นเรื่องราววีรกรรมช่วยแมวของเราค่ะ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความกลัวทำให้มีความกล้า ทั้งที่เรากลัวผีจะตาย(ข้างบ้านมีคนตายแล้วย้ายออกไป) แต่เราก็ลืมไปเลย กลัวแคนดี้เป็นอันตรายมากกว่า กลัวว่าหางอาจจะไปเกี่ยวกับอะไรแล้วเจ็บอยู่ จึงทำให้กล้าเดินไต่กำแพงบ้านร้างและบ้านที่ไม่มีคนอยู่ไปช่วยแคนดี้ ทำให้ลืมกลัวผีไปเลย 5555