เสียงออดหมดเวลาเรียนเป็นเหมือนเสียงสวรรค์จริงๆ สำหรับวรกมลที่เริ่มสอนนักศึกษาเป็นคาบแรก
แม้จะเคยมีประสบการณ์การสอนมาบ้างตอนจบปริญญาตรีใหม่ๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลาเพียง 1 ปี และการสอนเพียงหนึ่งรายวิชาต่อเทอม
ด้วยความอนุเคราะห์ของเหล่าอาจารย์ผู้ใหญ่ของภาควิชาที่ต้องการให้มีเวลาสำหรับการฟิตตัวเตรียมพร้อมภาษาอังกฤษ
และติดต่อกับมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาโทและเอก
วรกมลนับเป็นอาจารย์ลูกหม้อของมหาวิทยาลัยภูธรแห่งนี้ ด้วยคะแนนระดับ 1 ใน 5 ของภาควิชา ทำให้ได้รับทุนเป็นอาจารย์ตั้งแต่เป็นนักศึกษาปีที่สี่
หลังจากไปใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นเวลา 5 ปี ก็สามารถสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทและเอกอย่างที่ตั้งใจ
กลับมาทำงานเป็นคนแรกของอาจารย์ในรุ่นเดียวกันที่ได้รับทุนไปเรียนต่อ
อาจารย์ในรุ่นเดียวกันมีทั้งหมด 4 คน ล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น เนื่องจากเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เป็นผู้ชายที่มีผลการเรียนดีต่างอยากทำงานในบริษัทเอกชนที่ดูจะท้าทายและมีเงินเดือนสูงกว่ามาก
มฤธุหรือน้ำผึ้งเป็นเพื่อนร่วมภาคฯ และร่วมอุดมการณ์เดียวกับวรกมลที่เข้ามาเป็นอาจารย์เพราะอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ
ประกอบกับทางบ้านไม่อยากให้ลูกสาวไปทำงานไกล
น้ำผึ้งเป็นเพื่อนสนิทที่นับวันความสัมพันธ์ก็ดูจะยิ่งห่าง เป็นเพราะใครกันนะที่เปลี่ยนไป.........
การสอนคาบแรกไม่เลวร้ายนัก นักศึกษาดูจะมีความกระตือรือร้นในการเรียนดี ไม่คุยเล่นกันเองจนเสียงดังมากนักเหมือนอย่างที่อาจารย์รุ่น
พี่บางท่านเล่าให้ฟัง
วรกมลเดินลงจากห้องสอนที่อยู่ชั้นสามของตัวตึกที่จัดไว้สำหรับเป็นห้องเรียน มุ่งหน้าไปห้องพักอาจารย์ซึ่งอยู่ด้านล่างที่ทางภาควิชาฯ
เตรียมไว้ให้ ระหว่างทางก็เห็นอาจารย์ชวัลกร หนุ่มหล่อประจำภาคฯ เดินส่งยิ้มมาให้แต่ไกล
ชวัลกรอายุรุ่นราวคราวเดียวกับกับวรกมล เป็นนักเรียนทุนที่ไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงปริญญาเอกที่ตัดสินใจมาเป็น
อาจารย์ในสังกัดของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จากการที่ใช้ชีวิตในต่างแดนตั้งแต่อายุยังน้อยทำให้มีโครงสร้างร่างกายสูงใหญ่และใบหน้าก็กระเดียด
ไปทางลูกครึ่งฝรั่งทั้งๆ ที่เป็นคนไทยแท้ๆ
บางครั้งอาหารการกินและสภาพแวดล้อมก็มีผลได้มากกว่าพันธุกรรมซะอีก
“สวัสดีครับวาม สอนวันแรกเป็นไงบ้าง” ชวัลกรกล่าวทักทายพร้อมส่งยิ้มเต็มที่มาให้
“สวัสดีค่ะกร คาบแรกยังโออยู่ค่ะ นักศึกษาคงยังเห็นใจอาจารย์ใหม่อย่างวามมั้งค่ะ” วรกมลตอบพร้อมส่งยิ้มกว้างกลับไปให้เช่นกัน
ตอนนี้ที่ภาคฯ อาจารย์ที่รุ่นใกล้ๆ กันก็มีอยู่แค่สี่คน คือ วรกมล ชวัลกร ทิพารุ่นพี่สองปี และเมวิการุ่นน้องสี่ปี
ยังไงก็คุยกันได้สนิทสนมมากกว่าอาจารย์ผู้ใหญ่ที่วรกมลยังรู้สึกเกรงๆ ไม่กล้าตีซี้ด้วย ชวัลกรเองก็เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก
และกลับมาทำงานก่อนวรกมลได้หนึ่งปี ถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ในเรื่องการทำงาน น้องใหม่อย่างวรกมลถือว่าควรต้องเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์
“แล้วนี้วามเล่นสอนเต็มคาบเลยหรือครับ ไฟแรงจัง” ชวัลกรสัพยอก
“อ้าว อาจารย์คนอื่นเค้าไม่สอนคาบแรกเต็มคาบเหรอค่ะ” วรกมลทำหน้าเหรอหรากับความไม่รู้ของตัวเอง
คุรุนาฏกรรม ตอนที่ 1 ตั้งไข่
แม้จะเคยมีประสบการณ์การสอนมาบ้างตอนจบปริญญาตรีใหม่ๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลาเพียง 1 ปี และการสอนเพียงหนึ่งรายวิชาต่อเทอม
ด้วยความอนุเคราะห์ของเหล่าอาจารย์ผู้ใหญ่ของภาควิชาที่ต้องการให้มีเวลาสำหรับการฟิตตัวเตรียมพร้อมภาษาอังกฤษ
และติดต่อกับมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาโทและเอก
วรกมลนับเป็นอาจารย์ลูกหม้อของมหาวิทยาลัยภูธรแห่งนี้ ด้วยคะแนนระดับ 1 ใน 5 ของภาควิชา ทำให้ได้รับทุนเป็นอาจารย์ตั้งแต่เป็นนักศึกษาปีที่สี่
หลังจากไปใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นเวลา 5 ปี ก็สามารถสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทและเอกอย่างที่ตั้งใจ
กลับมาทำงานเป็นคนแรกของอาจารย์ในรุ่นเดียวกันที่ได้รับทุนไปเรียนต่อ
อาจารย์ในรุ่นเดียวกันมีทั้งหมด 4 คน ล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น เนื่องจากเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เป็นผู้ชายที่มีผลการเรียนดีต่างอยากทำงานในบริษัทเอกชนที่ดูจะท้าทายและมีเงินเดือนสูงกว่ามาก
มฤธุหรือน้ำผึ้งเป็นเพื่อนร่วมภาคฯ และร่วมอุดมการณ์เดียวกับวรกมลที่เข้ามาเป็นอาจารย์เพราะอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ
ประกอบกับทางบ้านไม่อยากให้ลูกสาวไปทำงานไกล
น้ำผึ้งเป็นเพื่อนสนิทที่นับวันความสัมพันธ์ก็ดูจะยิ่งห่าง เป็นเพราะใครกันนะที่เปลี่ยนไป.........
การสอนคาบแรกไม่เลวร้ายนัก นักศึกษาดูจะมีความกระตือรือร้นในการเรียนดี ไม่คุยเล่นกันเองจนเสียงดังมากนักเหมือนอย่างที่อาจารย์รุ่น
พี่บางท่านเล่าให้ฟัง
วรกมลเดินลงจากห้องสอนที่อยู่ชั้นสามของตัวตึกที่จัดไว้สำหรับเป็นห้องเรียน มุ่งหน้าไปห้องพักอาจารย์ซึ่งอยู่ด้านล่างที่ทางภาควิชาฯ
เตรียมไว้ให้ ระหว่างทางก็เห็นอาจารย์ชวัลกร หนุ่มหล่อประจำภาคฯ เดินส่งยิ้มมาให้แต่ไกล
ชวัลกรอายุรุ่นราวคราวเดียวกับกับวรกมล เป็นนักเรียนทุนที่ไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงปริญญาเอกที่ตัดสินใจมาเป็น
อาจารย์ในสังกัดของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จากการที่ใช้ชีวิตในต่างแดนตั้งแต่อายุยังน้อยทำให้มีโครงสร้างร่างกายสูงใหญ่และใบหน้าก็กระเดียด
ไปทางลูกครึ่งฝรั่งทั้งๆ ที่เป็นคนไทยแท้ๆ
บางครั้งอาหารการกินและสภาพแวดล้อมก็มีผลได้มากกว่าพันธุกรรมซะอีก
“สวัสดีครับวาม สอนวันแรกเป็นไงบ้าง” ชวัลกรกล่าวทักทายพร้อมส่งยิ้มเต็มที่มาให้
“สวัสดีค่ะกร คาบแรกยังโออยู่ค่ะ นักศึกษาคงยังเห็นใจอาจารย์ใหม่อย่างวามมั้งค่ะ” วรกมลตอบพร้อมส่งยิ้มกว้างกลับไปให้เช่นกัน
ตอนนี้ที่ภาคฯ อาจารย์ที่รุ่นใกล้ๆ กันก็มีอยู่แค่สี่คน คือ วรกมล ชวัลกร ทิพารุ่นพี่สองปี และเมวิการุ่นน้องสี่ปี
ยังไงก็คุยกันได้สนิทสนมมากกว่าอาจารย์ผู้ใหญ่ที่วรกมลยังรู้สึกเกรงๆ ไม่กล้าตีซี้ด้วย ชวัลกรเองก็เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก
และกลับมาทำงานก่อนวรกมลได้หนึ่งปี ถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ในเรื่องการทำงาน น้องใหม่อย่างวรกมลถือว่าควรต้องเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์
“แล้วนี้วามเล่นสอนเต็มคาบเลยหรือครับ ไฟแรงจัง” ชวัลกรสัพยอก
“อ้าว อาจารย์คนอื่นเค้าไม่สอนคาบแรกเต็มคาบเหรอค่ะ” วรกมลทำหน้าเหรอหรากับความไม่รู้ของตัวเอง