สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ผมมองว่าบางทีประเด็นอยู่ที่
เมื่อเรามองไปที่ปัญหานึงนั้น
เราเพียงพูดถึงแค่บางส่วน
อาจจะไม่ได้พูดให้ครบในหลาย ๆ มุม
เมื่อมันไม่ครบ ทำให้เรามองว่ามันมีปัญหา
...............
"รุ่นน้องผมไม่รู้กราฟ ซื้อ THANI ประมาณ 4 บาทมั้ง
แล้วมันร่วงไป 3.20 บาท ปกตินักเทคนิคต้องขายทิ้งแล้ว แต่มันซื้อเพิ่ม ตอนนี้มันรวยไปแล้ว"
ยกตัวอย่างตรงนี้ ที่คุณหมอ ยกมา
สมมติว่านักเทคนิคขายทิ้งหมดแล้ว ตอนที่ราคาร่วงไปถึง 3.20
รุ่นน้องเค้าซื้อเพิ่ม และราคาขึ้นมา
ตรงนี้มันขาดไปอย่างนึงที่เห็นได้ชัดเลยคือ
เมื่อราคาตกจากประมาณ 4 บาท ไป 3.2
สมมติว่านักเทคนิคทยอยขายไปหมดแล้ว
คราวนี้ตอนที่ราคากลับขึ้นมาใหม่ นั้น
จังหวะที่กลับตัว เราไม่ได้พูดถึงว่านักเทคนิคทำอะไรอยู่
ทำไมนักเทคนิคถึง ไม่มีหุ้นขึ้นมาขายเหมือนกับรุ่นน้องบ้าง
นักเทคนิคมองไม่เห็นการกลับตัวของราคาหรือเปล่า
............................
"เพื่อนผม ไม่ดูงบ ไม่ดูกราฟ ซื้อ TRUE ตอน 7 บาทไป 1 แสนหุ้น
หุ้นขึ้น 11.50 บาท แล้วหักลงไป 9.00 บาท ถ้าคนดูกราฟ ขายไปตั้งนานแล้ว
แต่มันถือต่อ ไม่ดูกราฟ ดู port สัปดาห์ละครั้ง ตอนนี้ 14.60 บาทแล้ว.. มันก็ยังไม่ขาย"
ตรงนี้ก็คล้าย ๆ กันนะครับ
นักเทคนิคหายไปไหน หลังจากราคากลับตัวขึ้นมา 9 บาท
หรือเราจะตั้งสมมติฐานว่า
คนที่เล่นเทคนิคเมื่อขายแล้ว เค้าจะไม่กลับเข้ามาเล่นใหม่ เมื่อมีจังหวะ
หรือคนที่เล่นเทคนิค ทุกคนต้องขายในไม้เดียว เมื่อหมดมือ ก็จบกันไป
......................
ผมคิดว่าตรงนี้ มันไม่ใช่ปัญหาของเทคนิคเลย
เป็นเพียงการพูดไม่ครบเกี่ยวกับตัวปัญหานั้น
เหมือนกับกรณี พอ Cut loss แล้วหุ้นขึ้น
เราพลาดโอกาสไปเลย
อันนี้ก็จะได้ยินบ่อย ๆ
ผมจะไม่พูดถึงในกรณีว่าเรา Cut เร็ว หรือ Cut ช้า
แต่จะพูดว่า
ปกติสำหรับหุ้นตัวนึง ถ้าเราติดตามเล่น
และยังไม่ได้ตัดสินใจเลิกเล่นไปนั้น
เมื่อไหร่ที่มีโอกาส หรือราคากลับมาอยู่ในรูปแบบที่เราใช้เทรด
เราก็จะกลับมาซื้อเค้าเสมอ
ดังนั้นถ้าเรายังดูหุ้นตัวนั้นอยู่
แทบไม่มีโอกาสเลย ที่เราจะไม่มีส่วนร่วมในการกลับขึ้นไปของเค้า
.................
ในแง่ของปัญหาขายหมู ผมคิดว่าเราเพียงแต่ทดลองปรับการเทรดของเราดู
ตามกรณีของปัญหาที่เกิดขึ้น
ถ้าเราขายหมู หรือขายเร็วเกินไป
ก็ทดลองที่จะขายให้ช้าลง ทยอยขายเป็นส่วน
หาสัญญาณหรือรูปแบบราคาที่จะช่วยให้เราตัดสินใจขายช้าลง หรือค่อย ๆ ขายตามจุดที่ราคาเปลี่ยน
การปรับเหล่านี้ อาจจะไม่ช่วยให้เราขายได้ราคาสูงในจำนวนมาก ๆ ซึ่งเราก็ทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่อย่างน้อยมันน่าจะลดปัญหาการขายหมูของเราได้จำนวนนึงแน่ ๆ ครับ
เมื่อเรามองไปที่ปัญหานึงนั้น
เราเพียงพูดถึงแค่บางส่วน
อาจจะไม่ได้พูดให้ครบในหลาย ๆ มุม
เมื่อมันไม่ครบ ทำให้เรามองว่ามันมีปัญหา
...............
"รุ่นน้องผมไม่รู้กราฟ ซื้อ THANI ประมาณ 4 บาทมั้ง
แล้วมันร่วงไป 3.20 บาท ปกตินักเทคนิคต้องขายทิ้งแล้ว แต่มันซื้อเพิ่ม ตอนนี้มันรวยไปแล้ว"
ยกตัวอย่างตรงนี้ ที่คุณหมอ ยกมา
สมมติว่านักเทคนิคขายทิ้งหมดแล้ว ตอนที่ราคาร่วงไปถึง 3.20
รุ่นน้องเค้าซื้อเพิ่ม และราคาขึ้นมา
ตรงนี้มันขาดไปอย่างนึงที่เห็นได้ชัดเลยคือ
เมื่อราคาตกจากประมาณ 4 บาท ไป 3.2
สมมติว่านักเทคนิคทยอยขายไปหมดแล้ว
คราวนี้ตอนที่ราคากลับขึ้นมาใหม่ นั้น
จังหวะที่กลับตัว เราไม่ได้พูดถึงว่านักเทคนิคทำอะไรอยู่
ทำไมนักเทคนิคถึง ไม่มีหุ้นขึ้นมาขายเหมือนกับรุ่นน้องบ้าง
นักเทคนิคมองไม่เห็นการกลับตัวของราคาหรือเปล่า
............................
"เพื่อนผม ไม่ดูงบ ไม่ดูกราฟ ซื้อ TRUE ตอน 7 บาทไป 1 แสนหุ้น
หุ้นขึ้น 11.50 บาท แล้วหักลงไป 9.00 บาท ถ้าคนดูกราฟ ขายไปตั้งนานแล้ว
แต่มันถือต่อ ไม่ดูกราฟ ดู port สัปดาห์ละครั้ง ตอนนี้ 14.60 บาทแล้ว.. มันก็ยังไม่ขาย"
ตรงนี้ก็คล้าย ๆ กันนะครับ
นักเทคนิคหายไปไหน หลังจากราคากลับตัวขึ้นมา 9 บาท
หรือเราจะตั้งสมมติฐานว่า
คนที่เล่นเทคนิคเมื่อขายแล้ว เค้าจะไม่กลับเข้ามาเล่นใหม่ เมื่อมีจังหวะ
หรือคนที่เล่นเทคนิค ทุกคนต้องขายในไม้เดียว เมื่อหมดมือ ก็จบกันไป
......................
ผมคิดว่าตรงนี้ มันไม่ใช่ปัญหาของเทคนิคเลย
เป็นเพียงการพูดไม่ครบเกี่ยวกับตัวปัญหานั้น
เหมือนกับกรณี พอ Cut loss แล้วหุ้นขึ้น
เราพลาดโอกาสไปเลย
อันนี้ก็จะได้ยินบ่อย ๆ
ผมจะไม่พูดถึงในกรณีว่าเรา Cut เร็ว หรือ Cut ช้า
แต่จะพูดว่า
ปกติสำหรับหุ้นตัวนึง ถ้าเราติดตามเล่น
และยังไม่ได้ตัดสินใจเลิกเล่นไปนั้น
เมื่อไหร่ที่มีโอกาส หรือราคากลับมาอยู่ในรูปแบบที่เราใช้เทรด
เราก็จะกลับมาซื้อเค้าเสมอ
ดังนั้นถ้าเรายังดูหุ้นตัวนั้นอยู่
แทบไม่มีโอกาสเลย ที่เราจะไม่มีส่วนร่วมในการกลับขึ้นไปของเค้า
.................
ในแง่ของปัญหาขายหมู ผมคิดว่าเราเพียงแต่ทดลองปรับการเทรดของเราดู
ตามกรณีของปัญหาที่เกิดขึ้น
ถ้าเราขายหมู หรือขายเร็วเกินไป
ก็ทดลองที่จะขายให้ช้าลง ทยอยขายเป็นส่วน
หาสัญญาณหรือรูปแบบราคาที่จะช่วยให้เราตัดสินใจขายช้าลง หรือค่อย ๆ ขายตามจุดที่ราคาเปลี่ยน
การปรับเหล่านี้ อาจจะไม่ช่วยให้เราขายได้ราคาสูงในจำนวนมาก ๆ ซึ่งเราก็ทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่อย่างน้อยมันน่าจะลดปัญหาการขายหมูของเราได้จำนวนนึงแน่ ๆ ครับ
แสดงความคิดเห็น
ผมรู้สึกว่ารู้กราฟ รู้เทคนิค ทำให้ได้กำไรน้อย ???
อย่าง BGH ตอนแรกๆ ที่ผมเล่น ตอนนั้นราคา 105-110 บาท ผมซื้อสะสมเลย.. ไม่ดูกราฟอะไรทั้งนั้น ซื้อสะสมตามหมอปราเสริฐ อีก 2-3 เดือนต่อมา ก็พุ่งไปสูงสุดที่ 175 บาท
ADVANC ซื้อ 20x เอาไปขาย 280-300 บาท ทั้งๆ ที่กราฟยังไม่หักหัวลง .. หลังขาย วันไปสุดที่ 310 บาท แล้วร่วงลงมาอย่างปัจจุบัน
รุ่นน้องผมไม่รู้กราฟ ซื้อ THANI ประมาณ 4 บาทมั้ง แล้วมันร่วงไป 3.20 บาท ปกตินักเทคนิคต้องขายทิ้งแล้ว แต่มันซื้อเพิ่ม ตอนนี้มันรวยไปแล้ว
พี่สาวผม ไม่รู้กราฟเหมือนกัน ซื้อ BGH ตอนมันร่วง 130 บาท ต่อมามันเหลือ 120 ก็ซื้ออีก พอ 110 ก็ซื้ออีก ซื้อมากด้วย ตอนนี้ยิ้มแก้มปริ เพราะของยังอยู่ครบ !!!
เพื่อนผม ไม่ดูงบ ไม่ดูกราฟ ซื้อ TRUE ตอน 7 บาทไป 1 แสนหุ้น มันบอกมันใช้ TRUE มันเลยซื้อเพราะเน็ตเร็วดี น่าจะมีคนใช้เยอะ หุ้นขึ้น 11.50 บาท แล้วหักลงไป 9.00 บาท ถ้าคนดูกราฟ ขายไปตั้งนานแล้ว แต่มันถือต่อ ไม่ดูกราฟ ดู port สัปดาห์ละครั้ง ตอนนี้ 14.60 บาทแล้ว.. มันก็ยังไม่ขาย
ผมรู้สึกว่า ผมใช้กราฟแล้ว มันไม่ทำให้ติดดอย (ถ้ามีวินัย) แต่มันทำให้ขายหมูได้บ่อย
ตั้งคำถามกับตัวเอง
อย่างเสี่ยยักษ์ ที่บอกคนอื่นๆ ว่าต้องมีวินัยนะ ต้อง cutloss นะ
แต่แกถือหุ้น TRUE มานานมาก ย้อนกลับไปดูกราฟ แม้ว่าจะเป็นกราฟ week ก็ส่งสัญญาณขายอยู่หลายครั้ง แต่ทำไมเสี่ยแกไม่ขาย ยังถือต่อจนวันนี้
ก็เลยสงสัยมาจนบัดนี้ ว่าแกมีเทคนิคหรือเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ทนดูกำไรหายไป 40% ได้ (จากขึ้นไป 10 บาท แล้วร่วงไปเหลือ 6 บาท)