ท่านทั้งหลายทราบหรือไม่ครับว่า?? ....อันที่จริงนั้น ตามความเชื่อของชาวพุทธนั้นเชื่อว่า...ได้มีพระพุทธเจ้าหรือตถาคตที่ได้อุบัติในแสนโกฏิจักรวาลแล้วจำนวนนับไม่ถ้วน อุปมาดังเม็ดทรายในมหาสมุทรทั้ง 4 เลยทีเดียวและตามความเชื่อของชาวพุทธถือได้ว่าเป็นเรื่องอจินไตย ไม่ควรมาคิด เพราะถ้าคิดมากอาจจะเสียสติก็เป็นได้
และก่อนที่ตถาคต(องค์ปัจจุบัน)จะมาอุบัติขึ้น ก็ได้มีตถาคตมาอุบัติแล้วและได้พบกับพระองค์ จำนวน 125,000 องค์ ซึ่งมีจำนวนๆใกล้เคียงกับจำนวนของนบีและรอซูลที่ถูกส่งมา จำนวน 124,000 ท่าน ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น (ซึ่งจริง ๆ แล้วต่างกันทั้งช่วงของกาลเวลาและสถานที่ด้วย) ตรงนี้อาจทำให้มุสลิม(บางท่าน)เกิดความเข้าใจผิดได้
ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวความเป็นมาของจำนวนตถาคตที่มาอุบัตินับตั้งแต่พระโพธิสัตว์เริ่มอธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้า...
เมื่อพระนางสุมิตตา*~^ี สิ้นพระชนมายุ ก็ไปเกิดบนดุสิตเทวโลก เป็นเทพบุตร หลังจากนั้นก็เวียนเกิดเวียนตายอีกนานแสนนาน เป็นเวลา ถึงหนึ่งแสนกัป ในกัปที่ หนึ่งแสนนั้นเป็น สารกัป คือบังเกิดมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น หนึ่งพระองค์ ทรงพระนามว่า พระพรหมเทวสัมมาสัมพุทธเจ้า
และในขณะนั้นพระโพธิสัตว์ก็ได้เกิดเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร และมีอำมาตย์นามว่า สิริคุตมหาอำมาตย์ เป็นอาจารย์บอกอรรถธรรม
ในกาลครั้งนั้น พระพรหมเทวพุทธเจ้า ทรงเสด็จมายังพระนครของพระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดชาวประชามากมาย พร้อมทั้งทรงฉัพพัณณรังษีหกประการซ่านออกจากพุทธสรีระ คลอบคลุมทั้งพระนาคร รัศมีรุ่งเรื่องสว่างไสวน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ในขณะนั้น พระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร กำลังประทับนั่งอยู่บนราชบัลลังก์ บนมหาปราสาท มีสิริคุตมหาอำมาตย์หมอบเฝ้าอยู่ ครั้นพระเจ้าอรดี ทอดพระเนตรเห็นพุทธรังษีปรากฏอย่างอัศจรรย์ ทรงตกพระทัยหวาดเสียวเป็นที่สุดมีอาการแทบจะทรุดลง
ท่านสิริคุตมหาอำมาตย์ เมื่อเห็นพระเจ้าอรดีทรงสะดุ้งตกพระทัยดังนั้น จึงได้มองไปที่ช่องหน้าต่าง ก็แลเห็นพระบรมศาสดา ทรงประกอบด้วย มหาปริสลักษณ์ พร้อมฉัพพรรณรังษีสว่างไสวไปทั่ว ก็ทราบได้ทันที่ว่าเป็นพระ!%พระสัมมาพุทธเจ้า เพราะท่านเป็นศึกษามามาก และท่านก็คือพระโพธิสัตว์ ที่จะได้ตรัสรู้ เป็นพระศรีอริยเมตไตรพุทธเจ้า ซึ่งสร้างสมบารมีมายาวนานกว่า พระเจ้าอรดีเทวราช
และได้เคยประสบพระพุทธเจ้าในอดีตมาหลายร้อยชาติ เมื่อทราบด้วยใจชัดอย่างนั้น ก็มีความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบลนลานกราบทูลพระเจ้าอรดีเทวราชว่า...
" ข้าแต่มหาราช มหาราชทรงอย่าได้หวาดพระทัย แสงพระรัศมีที่เห็นนั้นเป็นแสงแห่ง รัศมีของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นมหาบุรุษเอกของโลก ทรงอุบัติเพื่อเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ รื้อสรรพสัตว์ทั้งหลายออกจากทุกข์ เป็นบรมศาสดาของหมู่เทพและมนุษย์ ทรงนำสรรพสัตว์ทั้งหลายบรรลุพระนิพพาน"
เมื่อพระอรดีเทวราช ได้ทรงฟังดังนั้น ทรงมีจิตใจปีติยินดีมากนัก ปีติซาบซ่านไปทั่วพระสรีระ เสด็จเพื่อจะทอดพระเนตร แต่เพราะปีติมีกำลังแรงกล้า ทำให้พระองค์มีพระพักต์มืดมนขณะหนึ่ง ล้มลงจากชานพระทวาร ลงมาเบื้องล่างน่ากลัวจะสิ้นพระชนม์
แต่ด้วยพระราชศรัทธาอันแรงกล้า จึงบังเกิดอัศจรรย์มีดอกบัวเท่ากงเกวียน ผุดขึ้นมารับประคับประคองพระองค์ไว้ ครั้นทรงได้สติทรงเลื่อนจากดอกบัว เสด็จไปด้วยพระบาทเปล่า เข้าไปหาเฉพาะพระพักตร์แห่งองค์!%พระพรหมเทวา สัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วถวายนมัสการกระทำสักการะบูชาด้วยศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ได้แต่ทรงนิ่งงัน อยู่เป็นเวลานาน
ภายหลังพระเจ้าอรดีเทวราช ก็ทรงบำเพ็ญกุศลมากมาย ต่อพุทธองค์และพระสงฆ์สาวก แล้วบังเกิดความคิดปราถนาซึ่งพระพุทธภูมิ จึงทรงซบพระเศียรเกล้าลงกราบ ตั้งพระทัยปรารถนาพุทธภูมิว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้สัพพัญญู พระองค์ยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้ล่วงพ้นจากภพได้พ้นจากทุกข์ได้ ขอให้ข้าพระองค์ได้ตรัสรู้ดั่งเช่นพระพุทธองค์และสามารถเปลื้องสัตว์โลกทั้งหลาย ให้ล่วงจากภพจากทุกข์ได้ดังเช่นพระพุทธองค์"
เป็นการอธิษฐานสร้างบารมีปารถนาในใจเป็นชาติแรกต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้า
หลังจากนั้นพระอรดีเทวราชทรงหมั่นสร้างบุญกุศล สร้างบารมีอย่างมากมาย จนสิ้นพระชนม์ชีพ เวียนเกิดตายอีกนานแสนนาน เมื่อได้ประสบพบพระพุทธเจ้า ก็ทรงตั้งความปารถนาพุทธภูมิในใจตลอด 7 อสงไขย
ภายใน 7 อสงไขยพระโพธิสัตว์ได้เจอพระพุทธเจ้าดังนี้ (สรุปมาจาก หนังสือ สัมภารวิบาก ของท่าน นาคะปะทีป ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย)
นันทะอสงไขย 1 พบ พระพุทธเจ้า 5,000 พระองค์
สุนันทะอสงไขย 2 พบพระพุทธเจ้า 9,000 พระองค์
ปัฐวีอสงไขย 3 พบพระพุทธเจ้า 10,000 พระองค์
มัณทะอสงไขย 4 พบพระพุทธเจ้า 11,000 พระองค์
ธรณีอสงไขย 5 พบพระพุทธเจ้า 20,000 พระองค์
สาคระอสงไขย 6 พบพระพุทธเจ้า 30,000 พระองค์
ปุณทริกะอสงไขย 7 พบพระพุทธเจ้า 40,000 พระองค์
รวมใน 7 อสงไขย ได้พบพระพุทธเจ้า 125,000 พระองค์
ที่มา
http://www.vichadham.com/
Tripitaka Exposed...เขาว่า...พระองค์ตรัสรู้( ว่าด้วยเรื่องจำนวนของตถาคต)
ท่านทั้งหลายทราบหรือไม่ครับว่า?? ....อันที่จริงนั้น ตามความเชื่อของชาวพุทธนั้นเชื่อว่า...ได้มีพระพุทธเจ้าหรือตถาคตที่ได้อุบัติในแสนโกฏิจักรวาลแล้วจำนวนนับไม่ถ้วน อุปมาดังเม็ดทรายในมหาสมุทรทั้ง 4 เลยทีเดียวและตามความเชื่อของชาวพุทธถือได้ว่าเป็นเรื่องอจินไตย ไม่ควรมาคิด เพราะถ้าคิดมากอาจจะเสียสติก็เป็นได้
และก่อนที่ตถาคต(องค์ปัจจุบัน)จะมาอุบัติขึ้น ก็ได้มีตถาคตมาอุบัติแล้วและได้พบกับพระองค์ จำนวน 125,000 องค์ ซึ่งมีจำนวนๆใกล้เคียงกับจำนวนของนบีและรอซูลที่ถูกส่งมา จำนวน 124,000 ท่าน ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น (ซึ่งจริง ๆ แล้วต่างกันทั้งช่วงของกาลเวลาและสถานที่ด้วย) ตรงนี้อาจทำให้มุสลิม(บางท่าน)เกิดความเข้าใจผิดได้
ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวความเป็นมาของจำนวนตถาคตที่มาอุบัตินับตั้งแต่พระโพธิสัตว์เริ่มอธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้า...
เมื่อพระนางสุมิตตา*~^ี สิ้นพระชนมายุ ก็ไปเกิดบนดุสิตเทวโลก เป็นเทพบุตร หลังจากนั้นก็เวียนเกิดเวียนตายอีกนานแสนนาน เป็นเวลา ถึงหนึ่งแสนกัป ในกัปที่ หนึ่งแสนนั้นเป็น สารกัป คือบังเกิดมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น หนึ่งพระองค์ ทรงพระนามว่า พระพรหมเทวสัมมาสัมพุทธเจ้า
และในขณะนั้นพระโพธิสัตว์ก็ได้เกิดเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร และมีอำมาตย์นามว่า สิริคุตมหาอำมาตย์ เป็นอาจารย์บอกอรรถธรรม
ในกาลครั้งนั้น พระพรหมเทวพุทธเจ้า ทรงเสด็จมายังพระนครของพระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดชาวประชามากมาย พร้อมทั้งทรงฉัพพัณณรังษีหกประการซ่านออกจากพุทธสรีระ คลอบคลุมทั้งพระนาคร รัศมีรุ่งเรื่องสว่างไสวน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ในขณะนั้น พระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร กำลังประทับนั่งอยู่บนราชบัลลังก์ บนมหาปราสาท มีสิริคุตมหาอำมาตย์หมอบเฝ้าอยู่ ครั้นพระเจ้าอรดี ทอดพระเนตรเห็นพุทธรังษีปรากฏอย่างอัศจรรย์ ทรงตกพระทัยหวาดเสียวเป็นที่สุดมีอาการแทบจะทรุดลง
ท่านสิริคุตมหาอำมาตย์ เมื่อเห็นพระเจ้าอรดีทรงสะดุ้งตกพระทัยดังนั้น จึงได้มองไปที่ช่องหน้าต่าง ก็แลเห็นพระบรมศาสดา ทรงประกอบด้วย มหาปริสลักษณ์ พร้อมฉัพพรรณรังษีสว่างไสวไปทั่ว ก็ทราบได้ทันที่ว่าเป็นพระ!%พระสัมมาพุทธเจ้า เพราะท่านเป็นศึกษามามาก และท่านก็คือพระโพธิสัตว์ ที่จะได้ตรัสรู้ เป็นพระศรีอริยเมตไตรพุทธเจ้า ซึ่งสร้างสมบารมีมายาวนานกว่า พระเจ้าอรดีเทวราช
และได้เคยประสบพระพุทธเจ้าในอดีตมาหลายร้อยชาติ เมื่อทราบด้วยใจชัดอย่างนั้น ก็มีความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบลนลานกราบทูลพระเจ้าอรดีเทวราชว่า...
" ข้าแต่มหาราช มหาราชทรงอย่าได้หวาดพระทัย แสงพระรัศมีที่เห็นนั้นเป็นแสงแห่ง รัศมีของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นมหาบุรุษเอกของโลก ทรงอุบัติเพื่อเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ รื้อสรรพสัตว์ทั้งหลายออกจากทุกข์ เป็นบรมศาสดาของหมู่เทพและมนุษย์ ทรงนำสรรพสัตว์ทั้งหลายบรรลุพระนิพพาน"
เมื่อพระอรดีเทวราช ได้ทรงฟังดังนั้น ทรงมีจิตใจปีติยินดีมากนัก ปีติซาบซ่านไปทั่วพระสรีระ เสด็จเพื่อจะทอดพระเนตร แต่เพราะปีติมีกำลังแรงกล้า ทำให้พระองค์มีพระพักต์มืดมนขณะหนึ่ง ล้มลงจากชานพระทวาร ลงมาเบื้องล่างน่ากลัวจะสิ้นพระชนม์
แต่ด้วยพระราชศรัทธาอันแรงกล้า จึงบังเกิดอัศจรรย์มีดอกบัวเท่ากงเกวียน ผุดขึ้นมารับประคับประคองพระองค์ไว้ ครั้นทรงได้สติทรงเลื่อนจากดอกบัว เสด็จไปด้วยพระบาทเปล่า เข้าไปหาเฉพาะพระพักตร์แห่งองค์!%พระพรหมเทวา สัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วถวายนมัสการกระทำสักการะบูชาด้วยศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ได้แต่ทรงนิ่งงัน อยู่เป็นเวลานาน
ภายหลังพระเจ้าอรดีเทวราช ก็ทรงบำเพ็ญกุศลมากมาย ต่อพุทธองค์และพระสงฆ์สาวก แล้วบังเกิดความคิดปราถนาซึ่งพระพุทธภูมิ จึงทรงซบพระเศียรเกล้าลงกราบ ตั้งพระทัยปรารถนาพุทธภูมิว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้สัพพัญญู พระองค์ยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้ล่วงพ้นจากภพได้พ้นจากทุกข์ได้ ขอให้ข้าพระองค์ได้ตรัสรู้ดั่งเช่นพระพุทธองค์และสามารถเปลื้องสัตว์โลกทั้งหลาย ให้ล่วงจากภพจากทุกข์ได้ดังเช่นพระพุทธองค์"
เป็นการอธิษฐานสร้างบารมีปารถนาในใจเป็นชาติแรกต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้า
หลังจากนั้นพระอรดีเทวราชทรงหมั่นสร้างบุญกุศล สร้างบารมีอย่างมากมาย จนสิ้นพระชนม์ชีพ เวียนเกิดตายอีกนานแสนนาน เมื่อได้ประสบพบพระพุทธเจ้า ก็ทรงตั้งความปารถนาพุทธภูมิในใจตลอด 7 อสงไขย
ภายใน 7 อสงไขยพระโพธิสัตว์ได้เจอพระพุทธเจ้าดังนี้ (สรุปมาจาก หนังสือ สัมภารวิบาก ของท่าน นาคะปะทีป ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย)
นันทะอสงไขย 1 พบ พระพุทธเจ้า 5,000 พระองค์
สุนันทะอสงไขย 2 พบพระพุทธเจ้า 9,000 พระองค์
ปัฐวีอสงไขย 3 พบพระพุทธเจ้า 10,000 พระองค์
มัณทะอสงไขย 4 พบพระพุทธเจ้า 11,000 พระองค์
ธรณีอสงไขย 5 พบพระพุทธเจ้า 20,000 พระองค์
สาคระอสงไขย 6 พบพระพุทธเจ้า 30,000 พระองค์
ปุณทริกะอสงไขย 7 พบพระพุทธเจ้า 40,000 พระองค์
รวมใน 7 อสงไขย ได้พบพระพุทธเจ้า 125,000 พระองค์
ที่มา http://www.vichadham.com/