คุณคงอยากจำชื่อสนามนี้
"Atatürk Olympic Stadium"
สนามที่เคยมอบค่ำคืนมหัศจรรย์ให้เหล่าชาว The Kop มาแล้วในปี 2005 ทีมของพวกเขาได้คว้าชัยชนะที่จบลงด้วยน้ำตาของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่คว้าชัยและฝ่ายที่พ่ายแพ้ ในเกมนั้นทั้ง เอซีมิลาน และ ลิเวอร์พูลได้ต่อสู้กับอย่างสมศักดิ์ศรีไปจนวินาทีสุดท้าย คือการดวลจุดโทษตัดสิน และมันจบลงด้วยชัยชนะของลิเวอร์พูล แชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 ของพวกเขาและเป็นแชมป์ล่าสุดในรายการยูโรเปี้ยนที่พวกเขาได้สัมผัสมาในตลอดระยะเวลา 10 มานี้
นักเตะลิเวอร์พูลเดินออกจากสนามแห่งนี้ด้วยความภาคภูมิใจและความรู้สึกตื้นตันเต็มเปี่ยม พวกเขาเอาถ้วยกลับไปยังเมืองของเขา และนำไปฝากแฟนๆอีกหลายล้านคนทั่วโลกได้ในที่สุด
Atatürk Olympic Stadium เป็นสนามกีฬาแห่งชาติที่รัฐบาลตุรกีสร้างขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในสนามที่จะใช้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้การลงแข่งขันการได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคปี 2008 สนามสร้างเสร็จในปี 2002 และตุรกีและอิสตันบูล ก็ไม่ได้สิทธิ์ดังกล่าว ในปีนั้นเป็น ปักกิ่งของประเทศจีนที่ได้สิทธิ์ไป หากยังจำได้ ปีนั้นจีนได้สร้างสถาปัตยกรรมของสนามกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นคือ สนามรังนก และสามารถเอาชนะในการเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิคปี 2008 ในที่สุด
กลับมาที่ตุรกี หลังจากพลาดในการเสนอชื่อเป็นเจ้าภาพโอลิมปิค รัฐบาลตุรกีจึงเปิดให้สนามกีฬาแห่งชาตินี้เป็นสนามให้เช่า โดยหลายสโมสรที่สร้างสนามเหย้าของตัวเองใหม่ ก็จะมาใช้บริการเช่าสนามแห่งนี้เป็นสนามเหย้าของตัวเอง ทีมแรกคือ กาลาตาซาราย ในปี 2003-04 ตอนที่พวกเขาปรับปรุงสนามเหย้าของสโมสร ก่อนมันจะว่างลงในปี 2004-05 และที่สุด Atatürk Olympic Stadium ก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นสนามในรอบชิงชนะเลิศในยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ รอบชิงชนะเลิศในที่สุด
สำหรับแฟนลิเวอร์พูล คงจำได้ดีว่า สนามแห่งนี้ในคืนวันที 23 พฤษภาคม ปี 2005 มันสวยงามแค่ไหน
และเหมือนเป็นโชคชะตาของทั้งคู่จริงๆ...
10 ปีต่อมาพวกเขากลับมายังสนามแห่งนี้อีกครั้งเพียงแต่ ลงเล่นคนละรายการกับที่เคยเล่นเมื่อ 10 ปีก่อน คราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่ทีมจากอิตาลี และนี่ไม่ใช่สนามกลาง แต่พวกเขาต้องพบเจอกับเจ้าบ้านคนล่าสุดของ "อะตาตูร์ก โอลิมปิค" นั่นคือ เบซิกตัส ที่ถือสัญญาเช่าสนามนี้มาตั้งแต่ปี 2013 และพวกเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่า สนามแห่งนี้มันมีความหมายกับแฟนลิเวอร์พูลขนาดไหน
ในแอนด์ฟิล..พวกเขาถูกเยาะหยันไว้แค่ไหน พวกเขาจะทวงมันกลับคืนให้สาสมที่สุด
ย้อนกลับไปยัง ฤดูกาล 2007-08 ลิเวอร์พูล พบกับ เบซิกตัสในรอบ Group Stage ในกลุ่ม A พลพรรคนักเตะลิเวอร์พูลต้องยกทัพไปยัง สนาม BJK İnönü Stadiumสเตเดี้ยมเดิมของพวกเขาที่ความจุที่น้อยกว่าสนามปัจจุบันถึงครึ่งหนึ่ง เกมในบ้าน พวกเขาเอาชนะไปได้ที่ 2-1
ก่อนฝันร้ายจะมาเยือนเมื่อพวกเขาต้องเดินทางไปยังอักฤษ ในเมืองลิเวอร์พูล ณ แอนด์ฟิลด์ ลิเวอร์พูลจบสกอร์และเขี่ยเบซิกตัสตกรอบแบ่งกลุ่มไปที่สกอร์ 8-0
ความพ่ายแพ้ไม่ว่าจะมากหรือน้อยแต่มันก็เจ็บปวดเสมอ
นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ เบซิกตัส ได้พบกับลิเวอร์พูล
เพราะฉะนั้นครั้งพวกเขากลับมาพบกันอีกครั้งในยูโรป้าลีก ครั้งนี้มันคือการ "แก้แค้น" ที่พวกเขารอมา 8 ปี
ป้ายผ้า "Goodbye Liverpool" และ "You'll Walk Alone" ถูกเตรียมไว้สำหรับเหล่านักเตะและแฟนๆลิเวอร์พูลโดยเฉพาะ อย่าหวังอะไรที่เป็นไปไม่ได้อย่างป้ายอวยพรหรือเสียงปรบมือชื่นชมเลย พวกเขาพร้อมต้อนรับนักเตะลิเวอร์พูลเข้าสู่ The Hell อยู่แล้ว ไม่ส่าจะ Old Hell หรือ New Hell ก็ตาม
(ปัจจุบัน Besiktas กำลังสร้างสนามเหย้าใหม่ ที่พวกเขาเรียกมันว่า The New Hell สโมสรจึงต้องมาเช่าสนามของรัฐบาลใช้แทน)
และเมื่อลิเวอร์พูลไม่ใช่คู่แข่งธรรมดา แต่มีความแค้นกันมาแต่หนหลัง ป้าย You'll Walk Alone จึงนับว่าเป็นการต้อนรับที่น่ารักมากแล้ว
อย่าลืมว่า ป้ายต้อนรับแฟนๆเฟเยร์นูร์ดตอนรอบคัดเลือกแชมป์เปี้ยนลีกส์ ของแฟนๆเบซิกตัสคือ
"Cancer Whores Fayenoord - เฟเยร์นูร์ดนังหรี่ิเป็นโรค"
(เราไม่แน่ใจว่าควรแปลเป็นภาษาไทยว่าอะไรนะคะถึงจะตรงความหมาย)
และเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี 2015 มาถึง เหล่าแฟนๆเบซิกตัสก็รอจนแทบรอไม่ไหว
พวกเขารอตอกหน้าแฟนๆลิเวอร์พูลด้วยคำว่า "ลาก่อน" เต็มแก่
มันเป็นเกมเยือนที่ย่ำแย่ของลิเวอร์พูล พวกเขาทำเกมบุกได้น้อยมากและแย่มาก โอกาสทำประตูแทบไม่มี กลับกัน
ฝั่งเจ้าบ้านก็มีลูกฮึดมาไม่หยุด จนกระทั่ง Tolgay Arslan ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครั้งหลัง ยิงประตูฮีโร่ให้กับทีมในนาทีที่ 72
ทำให้พวกเขามีประตูรวมที่สกอร์เสมอ และต้องไปตัดสินกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ และบรรยากาศเดิมๆก็กลับมา
แม้คราวนี้จะไม่ใช่นัดชิงชนะเลิศ ไม่ใช่ฟุตบอลถ้วยที่ใหญ่ที่สุด
แต่นี่คือ Istanbul นี่คือ Atatürk Olympic Stadium ที่แฟนลิเวอร์พูลมีควาทรงจำดีๆกับมันมาตลอด 10 ปีนี้
และนี่ก็เป็นหนทางการแก้แค้นที่ดีที่สุดที่ เบซิกตัสจะมอบให้ลิเวอร์พูล ด้วยเช่นกัน
พวกเขาต้องตัดสินแพ้ชนะที่การดวลจุดโทษ ที่ลิเวอร์พูลเคยสร้างปาฏิหาริย์มาแล้ว
และคราวนี้มันไม่มีอีก ครั้งที่ 2 ในที่เดิม ณ สนามเดิม
มันจบแล้วลิเวอร์พูล
ลาก่อน
ความแค้น 8-0 8 ปี มันถูกชำระแล้วในที่สุด
แม้นี่จะเป็นเกมที่น่าเศร้าสำหรับลิเวอร์พูล ที่พวกเขาต้องมาพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ในสนามที่พวกเขาเคยคว้าแชมป์สูงสุด
ที่อยู่ในความทรงจำของทุกๆคน แต่ทว่า เพราะความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในรายการใหญ่ และไม่ใช่นัดชิงชนะเลิศ
ในแง่ของความรู้สึกคาดหวัง มันจึงไม่ได้ทำร้ายความรู้สึกแฟนๆลิเวอร์พูลอะไรมากมายขนาดนั้น
แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนี้มันก็เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ที่ทำให้เราได้ระลึกว่า
แชมป์ครั้งล่าสุดของเรามันผ่านมานานแล้วถึง 10 ปี
ณ ที่แห่งนี้ ณ สนามแห่งนี้
และ คราวนี้เรายังต้องถูกทีมที่เราเคยเอาชนะได้ถึง 8-0 เขี่ยตกรอบ
พวกเขากลับมาล้างแค้นเราได้ในสถานการณ์ที่เหมาะเจาะขนาดนี้ได้ยังไง ...
ความพ่ายแพ้หนนี้มีค่ามากกว่าแค่การตกรอบในบอลถ้วยรอง
และเราควรตระหนักถึงมันอย่างมาก
เรา "ไม่ควร" รู้สึกว่ามัน "ไม่เป็นไร"
เพราะดูเหมือนเราจะพูดคำว่า "ไม่เป็นไร" กันมาบ่อยมากจนเราชินชาไปแล้วจริงๆ
เราเป็นทีมที่ชินชากับความพ่ายแพ้ไปแล้ว ..
เป็นมานานแล้ว ...
ฟังดูน่าหดหู่ท้อแท้ แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรายังคงรักลิเวอร์พูลมาตลอด
เราเหนื่อยล้าในวันที่พ่ายแพ้ แม้ไม่อยากพ่ายแพ้ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องยอมรับมันและเชียร์ต่อไป
หนทางที่ง่ายที่สุดก็คือการพยายาทำใจให้ชินนั่นเอง
และที่นี่เรามีวลีปลอบใจเล็กๆน่ารักๆที่เราพูดกันจนติดปาก
มันเป็นสิ่งเดียวกับที่สโมสรอื่นๆก็จะทำเช่นกัน เพียงแต่ที่ลิเวอร์พูล
พวกเขาได้หยิบเอาความรู้สึกเหล่านั้นมาอธิบายด้วยคำพูดสั้นๆให้เข้าใจง่าย
เป็นคำพูดสโลแกนสวยๆ ที่ได้มาจากชื่อเพลงดังอีกทีหนึ่ง
นั่นคือ คำว่า YOU'LL NEVER WALK ALONE
ทุกความพ่ายแพ้ของลิเวอร์พูล จะมีความหมายของคำว่า YOU'LL NEVER WALK ALONE อยู่เสมอ
ในวันที่เราพูดคำว่า You'll Never Walk Alone
เราก็กำลังนึกว่า เราไม่อยากพูดคำนี้เพื่อปลอบใจตัวเองเลย
เราอยากพูดมันในวันที่ชนะมากกว่า
เมื่อถูกเย้ยหยันด้วยคำว่า You'll Walk Alone มันยิ่งทำให้เราอยากตอบโต้กลับไปด้วยถ้อยคำแรงๆ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อเบซิกตัสบอกเราว่า "ลาก่อน" มันทำให้เราตาสว่างขึ้นมาได้จริงๆ
มันผ่านมา 8 ปีแล้ว.. ผ่านมา 10 ปีแล้ว...
แม้จะเคยชินกับคำพูดเย้ยหยัน หรือ ปลอบใจมากมาย
แต่คำพูดที่เราไม่ควรพยายามทำใจให้ชิน
มันคือคำนี้
"Goodbye Liverpool"
คนเราไม่ควรเคยชินกับความเจ็บปวด
และคำพูดนี้ มันเป็นคำพูดที่เจ็บปวดจริงๆ
จากใจเลย ..
[Liverpool] Goodbye Liverpool...
"Atatürk Olympic Stadium"
สนามที่เคยมอบค่ำคืนมหัศจรรย์ให้เหล่าชาว The Kop มาแล้วในปี 2005 ทีมของพวกเขาได้คว้าชัยชนะที่จบลงด้วยน้ำตาของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่คว้าชัยและฝ่ายที่พ่ายแพ้ ในเกมนั้นทั้ง เอซีมิลาน และ ลิเวอร์พูลได้ต่อสู้กับอย่างสมศักดิ์ศรีไปจนวินาทีสุดท้าย คือการดวลจุดโทษตัดสิน และมันจบลงด้วยชัยชนะของลิเวอร์พูล แชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 ของพวกเขาและเป็นแชมป์ล่าสุดในรายการยูโรเปี้ยนที่พวกเขาได้สัมผัสมาในตลอดระยะเวลา 10 มานี้
นักเตะลิเวอร์พูลเดินออกจากสนามแห่งนี้ด้วยความภาคภูมิใจและความรู้สึกตื้นตันเต็มเปี่ยม พวกเขาเอาถ้วยกลับไปยังเมืองของเขา และนำไปฝากแฟนๆอีกหลายล้านคนทั่วโลกได้ในที่สุด
Atatürk Olympic Stadium เป็นสนามกีฬาแห่งชาติที่รัฐบาลตุรกีสร้างขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในสนามที่จะใช้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้การลงแข่งขันการได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคปี 2008 สนามสร้างเสร็จในปี 2002 และตุรกีและอิสตันบูล ก็ไม่ได้สิทธิ์ดังกล่าว ในปีนั้นเป็น ปักกิ่งของประเทศจีนที่ได้สิทธิ์ไป หากยังจำได้ ปีนั้นจีนได้สร้างสถาปัตยกรรมของสนามกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นคือ สนามรังนก และสามารถเอาชนะในการเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิคปี 2008 ในที่สุด
กลับมาที่ตุรกี หลังจากพลาดในการเสนอชื่อเป็นเจ้าภาพโอลิมปิค รัฐบาลตุรกีจึงเปิดให้สนามกีฬาแห่งชาตินี้เป็นสนามให้เช่า โดยหลายสโมสรที่สร้างสนามเหย้าของตัวเองใหม่ ก็จะมาใช้บริการเช่าสนามแห่งนี้เป็นสนามเหย้าของตัวเอง ทีมแรกคือ กาลาตาซาราย ในปี 2003-04 ตอนที่พวกเขาปรับปรุงสนามเหย้าของสโมสร ก่อนมันจะว่างลงในปี 2004-05 และที่สุด Atatürk Olympic Stadium ก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นสนามในรอบชิงชนะเลิศในยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ รอบชิงชนะเลิศในที่สุด
สำหรับแฟนลิเวอร์พูล คงจำได้ดีว่า สนามแห่งนี้ในคืนวันที 23 พฤษภาคม ปี 2005 มันสวยงามแค่ไหน
และเหมือนเป็นโชคชะตาของทั้งคู่จริงๆ...
10 ปีต่อมาพวกเขากลับมายังสนามแห่งนี้อีกครั้งเพียงแต่ ลงเล่นคนละรายการกับที่เคยเล่นเมื่อ 10 ปีก่อน คราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่ทีมจากอิตาลี และนี่ไม่ใช่สนามกลาง แต่พวกเขาต้องพบเจอกับเจ้าบ้านคนล่าสุดของ "อะตาตูร์ก โอลิมปิค" นั่นคือ เบซิกตัส ที่ถือสัญญาเช่าสนามนี้มาตั้งแต่ปี 2013 และพวกเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่า สนามแห่งนี้มันมีความหมายกับแฟนลิเวอร์พูลขนาดไหน
ในแอนด์ฟิล..พวกเขาถูกเยาะหยันไว้แค่ไหน พวกเขาจะทวงมันกลับคืนให้สาสมที่สุด
ย้อนกลับไปยัง ฤดูกาล 2007-08 ลิเวอร์พูล พบกับ เบซิกตัสในรอบ Group Stage ในกลุ่ม A พลพรรคนักเตะลิเวอร์พูลต้องยกทัพไปยัง สนาม BJK İnönü Stadiumสเตเดี้ยมเดิมของพวกเขาที่ความจุที่น้อยกว่าสนามปัจจุบันถึงครึ่งหนึ่ง เกมในบ้าน พวกเขาเอาชนะไปได้ที่ 2-1
ก่อนฝันร้ายจะมาเยือนเมื่อพวกเขาต้องเดินทางไปยังอักฤษ ในเมืองลิเวอร์พูล ณ แอนด์ฟิลด์ ลิเวอร์พูลจบสกอร์และเขี่ยเบซิกตัสตกรอบแบ่งกลุ่มไปที่สกอร์ 8-0
ความพ่ายแพ้ไม่ว่าจะมากหรือน้อยแต่มันก็เจ็บปวดเสมอ
นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ เบซิกตัส ได้พบกับลิเวอร์พูล
เพราะฉะนั้นครั้งพวกเขากลับมาพบกันอีกครั้งในยูโรป้าลีก ครั้งนี้มันคือการ "แก้แค้น" ที่พวกเขารอมา 8 ปี
ป้ายผ้า "Goodbye Liverpool" และ "You'll Walk Alone" ถูกเตรียมไว้สำหรับเหล่านักเตะและแฟนๆลิเวอร์พูลโดยเฉพาะ อย่าหวังอะไรที่เป็นไปไม่ได้อย่างป้ายอวยพรหรือเสียงปรบมือชื่นชมเลย พวกเขาพร้อมต้อนรับนักเตะลิเวอร์พูลเข้าสู่ The Hell อยู่แล้ว ไม่ส่าจะ Old Hell หรือ New Hell ก็ตาม
(ปัจจุบัน Besiktas กำลังสร้างสนามเหย้าใหม่ ที่พวกเขาเรียกมันว่า The New Hell สโมสรจึงต้องมาเช่าสนามของรัฐบาลใช้แทน)
และเมื่อลิเวอร์พูลไม่ใช่คู่แข่งธรรมดา แต่มีความแค้นกันมาแต่หนหลัง ป้าย You'll Walk Alone จึงนับว่าเป็นการต้อนรับที่น่ารักมากแล้ว
อย่าลืมว่า ป้ายต้อนรับแฟนๆเฟเยร์นูร์ดตอนรอบคัดเลือกแชมป์เปี้ยนลีกส์ ของแฟนๆเบซิกตัสคือ
"Cancer Whores Fayenoord - เฟเยร์นูร์ดนังหรี่ิเป็นโรค"
(เราไม่แน่ใจว่าควรแปลเป็นภาษาไทยว่าอะไรนะคะถึงจะตรงความหมาย)
และเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี 2015 มาถึง เหล่าแฟนๆเบซิกตัสก็รอจนแทบรอไม่ไหว
พวกเขารอตอกหน้าแฟนๆลิเวอร์พูลด้วยคำว่า "ลาก่อน" เต็มแก่
มันเป็นเกมเยือนที่ย่ำแย่ของลิเวอร์พูล พวกเขาทำเกมบุกได้น้อยมากและแย่มาก โอกาสทำประตูแทบไม่มี กลับกัน
ฝั่งเจ้าบ้านก็มีลูกฮึดมาไม่หยุด จนกระทั่ง Tolgay Arslan ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครั้งหลัง ยิงประตูฮีโร่ให้กับทีมในนาทีที่ 72
ทำให้พวกเขามีประตูรวมที่สกอร์เสมอ และต้องไปตัดสินกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ และบรรยากาศเดิมๆก็กลับมา
แม้คราวนี้จะไม่ใช่นัดชิงชนะเลิศ ไม่ใช่ฟุตบอลถ้วยที่ใหญ่ที่สุด
แต่นี่คือ Istanbul นี่คือ Atatürk Olympic Stadium ที่แฟนลิเวอร์พูลมีควาทรงจำดีๆกับมันมาตลอด 10 ปีนี้
และนี่ก็เป็นหนทางการแก้แค้นที่ดีที่สุดที่ เบซิกตัสจะมอบให้ลิเวอร์พูล ด้วยเช่นกัน
พวกเขาต้องตัดสินแพ้ชนะที่การดวลจุดโทษ ที่ลิเวอร์พูลเคยสร้างปาฏิหาริย์มาแล้ว
และคราวนี้มันไม่มีอีก ครั้งที่ 2 ในที่เดิม ณ สนามเดิม
ลาก่อน
ความแค้น 8-0 8 ปี มันถูกชำระแล้วในที่สุด
แม้นี่จะเป็นเกมที่น่าเศร้าสำหรับลิเวอร์พูล ที่พวกเขาต้องมาพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ในสนามที่พวกเขาเคยคว้าแชมป์สูงสุด
ที่อยู่ในความทรงจำของทุกๆคน แต่ทว่า เพราะความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในรายการใหญ่ และไม่ใช่นัดชิงชนะเลิศ
ในแง่ของความรู้สึกคาดหวัง มันจึงไม่ได้ทำร้ายความรู้สึกแฟนๆลิเวอร์พูลอะไรมากมายขนาดนั้น
แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนี้มันก็เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ที่ทำให้เราได้ระลึกว่า
แชมป์ครั้งล่าสุดของเรามันผ่านมานานแล้วถึง 10 ปี
ณ ที่แห่งนี้ ณ สนามแห่งนี้
และ คราวนี้เรายังต้องถูกทีมที่เราเคยเอาชนะได้ถึง 8-0 เขี่ยตกรอบ
พวกเขากลับมาล้างแค้นเราได้ในสถานการณ์ที่เหมาะเจาะขนาดนี้ได้ยังไง ...
ความพ่ายแพ้หนนี้มีค่ามากกว่าแค่การตกรอบในบอลถ้วยรอง
และเราควรตระหนักถึงมันอย่างมาก
เรา "ไม่ควร" รู้สึกว่ามัน "ไม่เป็นไร"
เพราะดูเหมือนเราจะพูดคำว่า "ไม่เป็นไร" กันมาบ่อยมากจนเราชินชาไปแล้วจริงๆ
เราเป็นทีมที่ชินชากับความพ่ายแพ้ไปแล้ว ..
เป็นมานานแล้ว ...
ฟังดูน่าหดหู่ท้อแท้ แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรายังคงรักลิเวอร์พูลมาตลอด
เราเหนื่อยล้าในวันที่พ่ายแพ้ แม้ไม่อยากพ่ายแพ้ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องยอมรับมันและเชียร์ต่อไป
หนทางที่ง่ายที่สุดก็คือการพยายาทำใจให้ชินนั่นเอง
และที่นี่เรามีวลีปลอบใจเล็กๆน่ารักๆที่เราพูดกันจนติดปาก
มันเป็นสิ่งเดียวกับที่สโมสรอื่นๆก็จะทำเช่นกัน เพียงแต่ที่ลิเวอร์พูล
พวกเขาได้หยิบเอาความรู้สึกเหล่านั้นมาอธิบายด้วยคำพูดสั้นๆให้เข้าใจง่าย
เป็นคำพูดสโลแกนสวยๆ ที่ได้มาจากชื่อเพลงดังอีกทีหนึ่ง
นั่นคือ คำว่า YOU'LL NEVER WALK ALONE
ในวันที่เราพูดคำว่า You'll Never Walk Alone
เราก็กำลังนึกว่า เราไม่อยากพูดคำนี้เพื่อปลอบใจตัวเองเลย
เราอยากพูดมันในวันที่ชนะมากกว่า
เมื่อถูกเย้ยหยันด้วยคำว่า You'll Walk Alone มันยิ่งทำให้เราอยากตอบโต้กลับไปด้วยถ้อยคำแรงๆ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อเบซิกตัสบอกเราว่า "ลาก่อน" มันทำให้เราตาสว่างขึ้นมาได้จริงๆ
มันผ่านมา 8 ปีแล้ว.. ผ่านมา 10 ปีแล้ว...
แม้จะเคยชินกับคำพูดเย้ยหยัน หรือ ปลอบใจมากมาย
แต่คำพูดที่เราไม่ควรพยายามทำใจให้ชิน
มันคือคำนี้
"Goodbye Liverpool"
คนเราไม่ควรเคยชินกับความเจ็บปวด
และคำพูดนี้ มันเป็นคำพูดที่เจ็บปวดจริงๆ
จากใจเลย ..