みなさん こんにちわ〜
สวัสดีค่ะทุกคน
ตอนนี้เรามาใช้ชีวิตอยู่ที่โอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่นได้สักพักแล้วและก็กำลังจะกลับก็เลยได้โอกาสหลังจากปิดภาคเรียนชวนเพื่อนไปเที่ยว ( เพื่อนชื่อฟ้า )
ที่แรกเราคุยกันว่าจะเที่ยวในเมือง แต่เพื่อนนี๊ดสโลว์ไลฟ์ก็เลยตัดสินใจชวนกันไปเที่ยวเกาะ
เพราะที่โอกินาว่าทะเลสวยมากกกกกกกก กอไก่ล้านตัว
. . .
ในที่สุดเพื่อนก็เลือกมา 1 เกาะ คือ Tokashiki
หลังจากนั้นฟ้าก็เริ่มหาข้อมูลการเดินทางและที่พัก ส่วนเรานอนเล่นรอออออ ( ทำตัวแย่ เพิ่งนึกออกกกก TT ) ..
ที่พักบนเกาะเป็นอะไรที่หายากมากกก เพราะเป็นเกาะเล็กๆ ไม่โด่งดังอะไร อาจจะเจอบ้างก็เต็มหรือเป็นภาษาญี่ปุ่น อ่านกันไม่ออกอีก
เราก็เลยเสนอไปว่า "งั้นไปหาเอาที่นู่นเลยมั้ยยย ถ้าไม่มีก็นั่งเรือกลับตอนเย็น" ก็เลยตกลงกันตามนี้
เอาละ เราจะออกเดินทางกันวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และจะกลับวันที่ 23 ตอนเย็น เพราะวันที่ 24 โฮสต์จะจัดงานวันเกิดให้ เราต้องรีบกลับมา !!!
เช้าวันที่ 22 เราตื่นขึ้นมาตอนหกโมงและพบว่าง่วงมาก ประกอบกับพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกเลยเป็นอันต้องระงับทริปชั่วคราวว
( ง่ายไปดิ )
และเราก็พบว่าแดดจ้ามากกกกกกกกก ไหนฝน ไหนลม หนายยย ย ย ย ย ย ย ~
วันที่ 23 ก็เลยตัดสินใจว่าวันนี้แหละ เราจะไม่แคร์ฝนอีกแล้ววว ยังไงก็จะไปและจะกลับมาให้ทันปาร์ตี้วันที่ 24 แน่นอนนนนน
ออกเดินทาง
เช้าวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558
เราสองคนตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัวแต่เช้า ในระหว่างที่แต่งตัวใกล้จะเสร็จก็พบว่า "ฝนตก !!!!!" อะไรนะ "ฝนตกกกก !!!!"
แต่ว่าใจมันไปที่เกาะเรียบร้อยแล้วว เราก็ไม่อยากขัดใจตัวเองงง ง ง
( บางภาพถ่ายด้วยมือถือ อาจจะไม่ค่อยชัดบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ)
เอาล่ะ เราเข้าไปรอต่อแถวซื้อตั๋วเรือซึ่งก็จะต้องเขียนชื่อ สัญชาติ และเบอร์โทรศัพท์ลงในเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ไว้ด้วย อันนี้จำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารเอง พร้อมทั้งระบุวัน รอบเรือที่จะไปและกลับ ถ้ายังไม่รู้ก็ซื้อแค่ขาเดียวก่อนค่ะ .. .
ระหว่างรอขึ้นเรือเราเห็นว่าที่ท่าเรือมีเด็กผู้ชายวัยกลัดมัน เอ้ยย วันกระเตาะเยอะมากกก เหมือนจะไปเข้าค่ายอะไรสักอย่าง ใส่ชุดวอร์มกันทุกคนด้วยย ชายล้วนด้วยยยยย .. . และสรุปว่าได้ขึ้นเรือลำเดียวกัน ตอนเราเดินขึ้นเรือที่นั่งเต็มเกือบหมด บางทีก็ถูกจองเอาไว้บ้าง บนเรือเต็มไปด้วยเด็กชายหนุ่มที่เพิ่งจะกล่าวถึงไป คงต้องแยกกันนั่งแล้วแหละะะะ แต่ทันได้นั้นมีคุณลุงคนนึงที่นึงอยู่ตรงพิโอริตี้ซีทแบ่งที่ให้พวกเรานั่งข้างๆ ประทับจิต ประทับใจมากค่ะ ระหว่างทางเลยแบ่งขนมให้คุณลุงทานนน ลุงก็ส่ายหัวว แต่ก็รับไปอย่างงงๆ ( ไม่มียาพิษค่ะ หนูแค่ประทับใจส่วนตัววว ) นอกจากการไม่แบ่งที่นั่งให้เราของเด็กผู้ชายเหล่านั้นแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เราได้พบก็คือ บังวิววว ว ว ชายหนุ่มเดินเพ่นพ่านกันบนเรือ หัวเราะต่อกระซิกและยืนชมวิวหันก้นใส่กระจกที่นั่งเราแบบบบบบบ บ บ แบบนี้ค่ะ ! แต่พวกเราก็ไม่ถืออออออ -.,-
ตลอดทางกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็มมมม ไหนๆ ก็มองไม่เห็นวิวแล้วก็ขอหลับรอเลยละกันน
ยัตต้าาา าา า า า า า าา ~
ตอนนี้เรามาถึงท่าเรือของเกาะโทคาชิกิแล้วค่ะ
ขอถ่ายภาพยืนยันความมหาศาลของแก๊งศาลหนุ่ม นี่ยังมีที่เหลือวิ่งเล่นเพ่นพ่านกันตามท่าเรือ กับที่ยังลงมาไม่หมดอีกนะคะ หืมมมมมมม ..( เริ่มนอกประเด็นน ฮ่าๆ )
ฝนเริ่มซาลงไปบ้างแล้วววว วว ว .. ระหว่างที่เรากำลังยืนเหม่อมองผู้ชายอยู่นั้นฟ้าก็หนีไปเข้าห้องน้ำก่อนนน หันมาก็หายเสียแล้วววว feelling lose มากกกกก เราก็เลยแบกความมึนเดินเข้าไปหา Tourist Information.
เจ้าหน้าที่พูดอังกฤษไม่ได้ค่ะ อย่างที่บอกเกาะนี้ไม่ได้ทำการตลาดอะไรมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคู่มือแปลภาษาให้เราเรียบร้อย จิ้มๆ ให้กันดูตามบั๊บเบิ้ลคำพูดไปปปป "ไอ นี๊ด โฮเทลลลล" หลังจากอธิบายกันจนเข้าใจแล้วเราก็ขอให้เค้าช่วยโทรเชคกับโรงแรมให้ทีละโรงแรมเลยว่ามีที่ไหนที่ยังว่างอยู่บ้าง ขอแบบถูกที่สุดเท่าที่จะหาได้ เพราะเรางบน้อย TT เรายื่นโทรศัพท์เพื่อนให้เค้า เค้าบอกว่าไม่ต้องๆ ใช้ของเค้านี่แหละ โอ้ยยยย ใจดีไปอีก ประทับใจจัง . . . ทั้งๆ ทีความผิดเราแท้ๆ ที่ไม่ยอมจองมาก่อน โทรไปสองที่แรกห้องเต็ม ในที่สุดเราก็มาได้ที่ที่สาม ชื่อวว่า Thank you เป็นเกสเฮาส์ เค้าบอกให้นั่งรอเดี๋ยวอีกสักพักสตาฟจะมารับ โอเคจ้าาา รอจ่ะรออออ . . . (ตอบตกลงทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเลย ราคา สภาพที่พัก ที่ตั้งง บลาา ๆ ๆ )
บรรยาการในออฟฟิซท่าเรือ
(จากหลายๆ เกาะที่ได้ไปมา พบว่าคล้ายกันแทบทุกที่ คือจะมีนั่งเยอะๆ เเบบนี้ซึ่งไม่ค่อยมีคนนั่ง มีบอร์ดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเกาะเล็กๆ น้อยๆ และก็มักจะเห็นบอร์ดแสดงผลงานศิลปะของเด็กๆ ด้วย แต่ตอนไปที่นี่ลืมสังเกตค่ะ )
ตามสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมักจะมีตราประทับให้เราประทับเป็นที่ระลึกเสมออ สนุกมากเลยยย เวลาใครไปเที่ยวญี่ปุ่นก็หาสมุดเปล่าเล็มเล็กๆ คิดตัวไปไว้แสตมป์สะสมเป็นที่ระลึกนะคะ ( เคยเห็นตามร้านหนังสือที่ญี่ปุ่นมีสมุดสะสมตราประทับขายด้วย คือเค้าจริงจังและใส่ใจมากๆ )
เรานั่งคุย ถ่ายรูปเล่นรอกันไปพลางๆ สักพักสตาฟของเกสเฮาส์ก็มาถึง เธอเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและโค้งทักทายเราอย่างสุภาพมากๆ
เธอแนะนำตัวเองว่าชื่อ คินโจ . . . คินโจซังขับรถพาพวกเราไปที่เกสเฮาสศ์จากท่าเรือต้องขับรถขึ้นเขาเพื่อนลงไปยังชายหาดอีกฟากหนึ่งของเกาะ พอขับไปได้สักพักก็ผ่านจุดที่สวยมากๆ คินโจซังเลยจอดรถและชวนพวกเราลงไปถ่ายรูปเล่นกัน จากตรงนี้เราสามารถมองเห็นภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและค่อยๆ ทอดตัวต่ำลงไปจนถึงชายหาด อากาศเย็นของฝนที่เพิ่งหยุดตกช่วยเพิ่มความฟินได้อีกเท่าตัว "สบายใจจริงๆ"
ระหว่างทางบนรถเราก็พูดคุยทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ ภาษาอังกฤษบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง ผสมกันไป พอคินเธอซังรู้ว่าพวกเราเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนและพอจะสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้บ้าง เธอก็แสดงท่าทางผ่อนคลายและโล่งใจขึ้นมากทีเดียวด้วยกลัวว่าจะสื่อสารกับแขกของเธอในวันนี้ไม่รู้เรื่อง
ใช้เวลาเพียงไม่นานเราทั้ง 3 คนก็เดินทางมาถึงที่พัก
ที่นี่เป็นบ้านขนาดไม่ใหญ่มาก บรรยากาศดูอบอุ่นและเป็นกันเอง หน้าบ้านมีอุปกรณ์ว่ายน้ำ ดำน้ำตากเรียงกันอยู่ให้เรารู้ได้เลยว่านี่เป็นวิถีชาวทะเลจริงๆ
และยังมีสมาชิกคนสำคัญของบ้านที่คอยเป็นเพื่อนเล่นให้กับเราเวลาที่ต้องหลบฝนอยู่ในเกสต์เฮาส์
"วังโกะ" หมาตาโต เงียบ เรียบร้อยและน่ารัก ขนนุ่มมากกกกกกก คอนเฟิร์ม !
เรา 2 คนเดินลงจากรถและทักทายวังโกะในขณะที่คินโจซังขับรถไปเก็บ หลังจากนั้นเธอก็เชิญเราเข้าไปในบ้านเพื่อคุยรายละเอียดที่พัก
พื้นที่ตรงนี้เป็นห้องสำหรับทานอาหารร่วมกัน มีของจุกจิกตกแต่งอยู่เต็มไปหมด น่ารักจริงๆ
มีชามะลิและขนมพื้นเมืองของโอกินาว่ามาต้อนรับ (ลืมชื่อขนมไปแล้ววว ~)
คินโจซังแจกแจงรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งก็เป็นราคาที่พอรับได้ โชคดีที่เราเล่าให้เธอฟังตอนที่อยู่บนรถว่าพวกเราเป็นนักศึกษา เธอเลยถามว่ามีบัตรนักศึกษามาด้วยมั้ย ? ถ้ามีสามารถใช้เป็นส่วนลดได้ด้วยนะ (นั่นล่ะค่ะท่านผู้ชมมม โชคดีไปอีกกก) เธอบอกราคาที่พักแบบที่ไม่รวมค่าอาหารให้กับเราและก็ชวนให้เรารับประทานอาหารด้วยกัน (ต้องจ่ายเพิ่ม) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้มีการบังคับอะไรกันนะคะ แต่เรารู้สึกว่าวิธีการชักชวนของเธอน่ารักมาก เธอบอกว่าวันนี้คุณพ่อของเธอออกไปจับปลาในทะเล เย็นนี้ก็จะได้ปลาทะเลสดๆ กลับมาถ้าเอามาทำเป็นซาชิมิสำหรับมื้อเย็นนี้คงจะอร่อยน่าดู หืมมม ~ หว่านล้อมกันแบบสุด ฮ่าๆ เราทั้งสองคนไม่มีใครโปรดปรานซาชิมิเป็นพิเศษด้วยเพราะความกลัวปลาดิบ กินได้แต่ไม่กล้ากินเยอะ แต่ในบริเวณใกล้ๆ มีร้านค้าอยู่แค่ร้านเดียวเท่านั้นอีกทั้งเราคิดว่าถ้าได้ทานข้าวร่วมกับคนญี่ปุ่นก็น่าจะได้ประสบการณ์ใหม่ เลยตัดสินใจของฝากท้องมื้อเย็นวันนี้แค่เช้าวันพรุ่งนี้ไว้ที่นี่ก็แล้วกันนน น น ...
คินโจซังบอกว่าวันนี้มีแค่พวกเรา 2 คนที่มาพัก (เราคิดในใจ โหยยยย บรรยากาศส่วนตัวสุดๆ) และก็พาเราเดินชมพร้อมกับแนะนำส่วนต่างๆ มีห้องนอน มีดาดฟ้าให้นั่งดูดาวในวันที่ฝนไม่ตก มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำที่เป็นเป็นแชร์กับแขกคนอื่นๆ
บรรยากาศภายในที่พักไม่ได้หรูหราหรือตกแต่งแบบมีสไตล์อะไร แต่ให้ความรู้สึกที่น่ารักเเละเป็นกันเองมากๆ ตามผนังและมุมต่างๆ มีรูปวาดซึ่งคินโจซังเป็นคนวาดเอง เธอชอบวาดรูปและงานประดิษฐ์ประดอยย เธอก็ทำตกแต่งที่นี่เองเกือบทั้งนั้นน เธอเล่าอย่างภูมิใจตอนหลังเธอยังเอาแผนที่ แล้วก็การ์ตูนที่เธอวาดเองมาให้เราดูอีกต่างหาก เราสังเกต เธอเล่าไป ชี้นู่น ชี้นี่ แล้วก็ยิ้มไปด้วยยย . . . เธอคงทำมันด้วยความสุขจริงๆ
ที่โอกินาว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์เราสามารถออกทะเลเพื่อดูวาฬแบบใกล้ชิดได้ในบางเกาะ ที่นี่ก็เช่นกัน.. ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราตั้งใจจะทำในวันรุ่งขึ้น
แก๊งสัตว์เลี้ยงของบ้านคินโจ
บรรยากาศที่พัก
มีตู้เย็นส่วนรวม และหนังสือให้อ่านเล่น
ห้องนอนเสื่อทาทามิเเบบญี่ปุ่น (สภาพหลังนอนแล้ว)
น่าจะเพราะเราเป็นแขก 2 คนแรก คินโจซังเลือกห้องที่ดีที่สุดให้กับเรา จากหน้าต่างห้องตรงนี้เราสามารถมองเห็นวิวภูเขาลูกใหญ่ได้ชัดเจนมากก
เอาล่ะ รีบเก็บข้าวของแล้วออกไปเดินเที่ยวรอบๆ หมู่บ้านกันดีกว่า
โทคาชิกิเป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ใหญ่เพียงพอที่จะมีภูเขาอยู่บนเกาะอีกที ซึ่งเท่าที่สังเกตมาเกาะน้อยๆ ในหมูเกาะโอกินาว่ามักจะมีภูเขาเสมอ ยิ่งตัวหมู่บ้านริ่มทะเลนี้ เล็กมาจนถึงขนาดที่เราสามารถเดินรอบภายใน 1-2 ชั่วโมง เราคุยกันว่าจะเดินไปที่ชายหาดก่อนแล้วค่อยมาเดินเล่นในหมู่บ้านทีหลัง ฟ้าหยิบแผนที่ขึ้นมากางดูเพื่อหาทางเดินไปที่หาด หลังจากทีมองดูแผนที่แฮนเมดของคินโจซังอยู่พักนึงปรากฏว่า ดูไม่ออก !!! ความสามารถในการประเมินทิศทางของเราทั้งสองคนต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก
[CR] บันทึกการเดินทาง : หนีเกาะไปเที่ยวเกาะ ( She need s l o w life ) TOKASHIKI ISLAND / OKINAWA, JAPAN
สวัสดีค่ะทุกคน
ตอนนี้เรามาใช้ชีวิตอยู่ที่โอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่นได้สักพักแล้วและก็กำลังจะกลับก็เลยได้โอกาสหลังจากปิดภาคเรียนชวนเพื่อนไปเที่ยว ( เพื่อนชื่อฟ้า )
ที่แรกเราคุยกันว่าจะเที่ยวในเมือง แต่เพื่อนนี๊ดสโลว์ไลฟ์ก็เลยตัดสินใจชวนกันไปเที่ยวเกาะ
เพราะที่โอกินาว่าทะเลสวยมากกกกกกกก กอไก่ล้านตัว
. . .
ในที่สุดเพื่อนก็เลือกมา 1 เกาะ คือ Tokashiki
หลังจากนั้นฟ้าก็เริ่มหาข้อมูลการเดินทางและที่พัก ส่วนเรานอนเล่นรอออออ ( ทำตัวแย่ เพิ่งนึกออกกกก TT ) ..
ที่พักบนเกาะเป็นอะไรที่หายากมากกก เพราะเป็นเกาะเล็กๆ ไม่โด่งดังอะไร อาจจะเจอบ้างก็เต็มหรือเป็นภาษาญี่ปุ่น อ่านกันไม่ออกอีก
เราก็เลยเสนอไปว่า "งั้นไปหาเอาที่นู่นเลยมั้ยยย ถ้าไม่มีก็นั่งเรือกลับตอนเย็น" ก็เลยตกลงกันตามนี้
เอาละ เราจะออกเดินทางกันวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และจะกลับวันที่ 23 ตอนเย็น เพราะวันที่ 24 โฮสต์จะจัดงานวันเกิดให้ เราต้องรีบกลับมา !!!
เช้าวันที่ 22 เราตื่นขึ้นมาตอนหกโมงและพบว่าง่วงมาก ประกอบกับพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกเลยเป็นอันต้องระงับทริปชั่วคราวว
( ง่ายไปดิ )
และเราก็พบว่าแดดจ้ามากกกกกกกกก ไหนฝน ไหนลม หนายยย ย ย ย ย ย ย ~
วันที่ 23 ก็เลยตัดสินใจว่าวันนี้แหละ เราจะไม่แคร์ฝนอีกแล้ววว ยังไงก็จะไปและจะกลับมาให้ทันปาร์ตี้วันที่ 24 แน่นอนนนนน
เช้าวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558
เราสองคนตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัวแต่เช้า ในระหว่างที่แต่งตัวใกล้จะเสร็จก็พบว่า "ฝนตก !!!!!" อะไรนะ "ฝนตกกกก !!!!"
แต่ว่าใจมันไปที่เกาะเรียบร้อยแล้วว เราก็ไม่อยากขัดใจตัวเองงง ง ง
( บางภาพถ่ายด้วยมือถือ อาจจะไม่ค่อยชัดบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ)
เอาล่ะ เราเข้าไปรอต่อแถวซื้อตั๋วเรือซึ่งก็จะต้องเขียนชื่อ สัญชาติ และเบอร์โทรศัพท์ลงในเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ไว้ด้วย อันนี้จำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารเอง พร้อมทั้งระบุวัน รอบเรือที่จะไปและกลับ ถ้ายังไม่รู้ก็ซื้อแค่ขาเดียวก่อนค่ะ .. .
ระหว่างรอขึ้นเรือเราเห็นว่าที่ท่าเรือมีเด็กผู้ชายวัยกลัดมัน เอ้ยย วันกระเตาะเยอะมากกก เหมือนจะไปเข้าค่ายอะไรสักอย่าง ใส่ชุดวอร์มกันทุกคนด้วยย ชายล้วนด้วยยยยย .. . และสรุปว่าได้ขึ้นเรือลำเดียวกัน ตอนเราเดินขึ้นเรือที่นั่งเต็มเกือบหมด บางทีก็ถูกจองเอาไว้บ้าง บนเรือเต็มไปด้วยเด็กชายหนุ่มที่เพิ่งจะกล่าวถึงไป คงต้องแยกกันนั่งแล้วแหละะะะ แต่ทันได้นั้นมีคุณลุงคนนึงที่นึงอยู่ตรงพิโอริตี้ซีทแบ่งที่ให้พวกเรานั่งข้างๆ ประทับจิต ประทับใจมากค่ะ ระหว่างทางเลยแบ่งขนมให้คุณลุงทานนน ลุงก็ส่ายหัวว แต่ก็รับไปอย่างงงๆ ( ไม่มียาพิษค่ะ หนูแค่ประทับใจส่วนตัววว ) นอกจากการไม่แบ่งที่นั่งให้เราของเด็กผู้ชายเหล่านั้นแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เราได้พบก็คือ บังวิววว ว ว ชายหนุ่มเดินเพ่นพ่านกันบนเรือ หัวเราะต่อกระซิกและยืนชมวิวหันก้นใส่กระจกที่นั่งเราแบบบบบบบ บ บ แบบนี้ค่ะ ! แต่พวกเราก็ไม่ถืออออออ -.,-
ตลอดทางกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็มมมม ไหนๆ ก็มองไม่เห็นวิวแล้วก็ขอหลับรอเลยละกันน
ยัตต้าาา าา า า า า า าา ~
ตอนนี้เรามาถึงท่าเรือของเกาะโทคาชิกิแล้วค่ะ
ขอถ่ายภาพยืนยันความมหาศาลของแก๊งศาลหนุ่ม นี่ยังมีที่เหลือวิ่งเล่นเพ่นพ่านกันตามท่าเรือ กับที่ยังลงมาไม่หมดอีกนะคะ หืมมมมมมม ..( เริ่มนอกประเด็นน ฮ่าๆ )
ฝนเริ่มซาลงไปบ้างแล้วววว วว ว .. ระหว่างที่เรากำลังยืนเหม่อมองผู้ชายอยู่นั้นฟ้าก็หนีไปเข้าห้องน้ำก่อนนน หันมาก็หายเสียแล้วววว feelling lose มากกกกก เราก็เลยแบกความมึนเดินเข้าไปหา Tourist Information.
เจ้าหน้าที่พูดอังกฤษไม่ได้ค่ะ อย่างที่บอกเกาะนี้ไม่ได้ทำการตลาดอะไรมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคู่มือแปลภาษาให้เราเรียบร้อย จิ้มๆ ให้กันดูตามบั๊บเบิ้ลคำพูดไปปปป "ไอ นี๊ด โฮเทลลลล" หลังจากอธิบายกันจนเข้าใจแล้วเราก็ขอให้เค้าช่วยโทรเชคกับโรงแรมให้ทีละโรงแรมเลยว่ามีที่ไหนที่ยังว่างอยู่บ้าง ขอแบบถูกที่สุดเท่าที่จะหาได้ เพราะเรางบน้อย TT เรายื่นโทรศัพท์เพื่อนให้เค้า เค้าบอกว่าไม่ต้องๆ ใช้ของเค้านี่แหละ โอ้ยยยย ใจดีไปอีก ประทับใจจัง . . . ทั้งๆ ทีความผิดเราแท้ๆ ที่ไม่ยอมจองมาก่อน โทรไปสองที่แรกห้องเต็ม ในที่สุดเราก็มาได้ที่ที่สาม ชื่อวว่า Thank you เป็นเกสเฮาส์ เค้าบอกให้นั่งรอเดี๋ยวอีกสักพักสตาฟจะมารับ โอเคจ้าาา รอจ่ะรออออ . . . (ตอบตกลงทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเลย ราคา สภาพที่พัก ที่ตั้งง บลาา ๆ ๆ )
บรรยาการในออฟฟิซท่าเรือ
(จากหลายๆ เกาะที่ได้ไปมา พบว่าคล้ายกันแทบทุกที่ คือจะมีนั่งเยอะๆ เเบบนี้ซึ่งไม่ค่อยมีคนนั่ง มีบอร์ดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเกาะเล็กๆ น้อยๆ และก็มักจะเห็นบอร์ดแสดงผลงานศิลปะของเด็กๆ ด้วย แต่ตอนไปที่นี่ลืมสังเกตค่ะ )
ตามสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมักจะมีตราประทับให้เราประทับเป็นที่ระลึกเสมออ สนุกมากเลยยย เวลาใครไปเที่ยวญี่ปุ่นก็หาสมุดเปล่าเล็มเล็กๆ คิดตัวไปไว้แสตมป์สะสมเป็นที่ระลึกนะคะ ( เคยเห็นตามร้านหนังสือที่ญี่ปุ่นมีสมุดสะสมตราประทับขายด้วย คือเค้าจริงจังและใส่ใจมากๆ )
เรานั่งคุย ถ่ายรูปเล่นรอกันไปพลางๆ สักพักสตาฟของเกสเฮาส์ก็มาถึง เธอเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและโค้งทักทายเราอย่างสุภาพมากๆ
เธอแนะนำตัวเองว่าชื่อ คินโจ . . . คินโจซังขับรถพาพวกเราไปที่เกสเฮาสศ์จากท่าเรือต้องขับรถขึ้นเขาเพื่อนลงไปยังชายหาดอีกฟากหนึ่งของเกาะ พอขับไปได้สักพักก็ผ่านจุดที่สวยมากๆ คินโจซังเลยจอดรถและชวนพวกเราลงไปถ่ายรูปเล่นกัน จากตรงนี้เราสามารถมองเห็นภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและค่อยๆ ทอดตัวต่ำลงไปจนถึงชายหาด อากาศเย็นของฝนที่เพิ่งหยุดตกช่วยเพิ่มความฟินได้อีกเท่าตัว "สบายใจจริงๆ"
ใช้เวลาเพียงไม่นานเราทั้ง 3 คนก็เดินทางมาถึงที่พัก
ที่นี่เป็นบ้านขนาดไม่ใหญ่มาก บรรยากาศดูอบอุ่นและเป็นกันเอง หน้าบ้านมีอุปกรณ์ว่ายน้ำ ดำน้ำตากเรียงกันอยู่ให้เรารู้ได้เลยว่านี่เป็นวิถีชาวทะเลจริงๆ
และยังมีสมาชิกคนสำคัญของบ้านที่คอยเป็นเพื่อนเล่นให้กับเราเวลาที่ต้องหลบฝนอยู่ในเกสต์เฮาส์
"วังโกะ" หมาตาโต เงียบ เรียบร้อยและน่ารัก ขนนุ่มมากกกกกกก คอนเฟิร์ม !
เรา 2 คนเดินลงจากรถและทักทายวังโกะในขณะที่คินโจซังขับรถไปเก็บ หลังจากนั้นเธอก็เชิญเราเข้าไปในบ้านเพื่อคุยรายละเอียดที่พัก
พื้นที่ตรงนี้เป็นห้องสำหรับทานอาหารร่วมกัน มีของจุกจิกตกแต่งอยู่เต็มไปหมด น่ารักจริงๆ
มีชามะลิและขนมพื้นเมืองของโอกินาว่ามาต้อนรับ (ลืมชื่อขนมไปแล้ววว ~)
คินโจซังแจกแจงรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งก็เป็นราคาที่พอรับได้ โชคดีที่เราเล่าให้เธอฟังตอนที่อยู่บนรถว่าพวกเราเป็นนักศึกษา เธอเลยถามว่ามีบัตรนักศึกษามาด้วยมั้ย ? ถ้ามีสามารถใช้เป็นส่วนลดได้ด้วยนะ (นั่นล่ะค่ะท่านผู้ชมมม โชคดีไปอีกกก) เธอบอกราคาที่พักแบบที่ไม่รวมค่าอาหารให้กับเราและก็ชวนให้เรารับประทานอาหารด้วยกัน (ต้องจ่ายเพิ่ม) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้มีการบังคับอะไรกันนะคะ แต่เรารู้สึกว่าวิธีการชักชวนของเธอน่ารักมาก เธอบอกว่าวันนี้คุณพ่อของเธอออกไปจับปลาในทะเล เย็นนี้ก็จะได้ปลาทะเลสดๆ กลับมาถ้าเอามาทำเป็นซาชิมิสำหรับมื้อเย็นนี้คงจะอร่อยน่าดู หืมมม ~ หว่านล้อมกันแบบสุด ฮ่าๆ เราทั้งสองคนไม่มีใครโปรดปรานซาชิมิเป็นพิเศษด้วยเพราะความกลัวปลาดิบ กินได้แต่ไม่กล้ากินเยอะ แต่ในบริเวณใกล้ๆ มีร้านค้าอยู่แค่ร้านเดียวเท่านั้นอีกทั้งเราคิดว่าถ้าได้ทานข้าวร่วมกับคนญี่ปุ่นก็น่าจะได้ประสบการณ์ใหม่ เลยตัดสินใจของฝากท้องมื้อเย็นวันนี้แค่เช้าวันพรุ่งนี้ไว้ที่นี่ก็แล้วกันนน น น ...
คินโจซังบอกว่าวันนี้มีแค่พวกเรา 2 คนที่มาพัก (เราคิดในใจ โหยยยย บรรยากาศส่วนตัวสุดๆ) และก็พาเราเดินชมพร้อมกับแนะนำส่วนต่างๆ มีห้องนอน มีดาดฟ้าให้นั่งดูดาวในวันที่ฝนไม่ตก มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำที่เป็นเป็นแชร์กับแขกคนอื่นๆ
บรรยากาศภายในที่พักไม่ได้หรูหราหรือตกแต่งแบบมีสไตล์อะไร แต่ให้ความรู้สึกที่น่ารักเเละเป็นกันเองมากๆ ตามผนังและมุมต่างๆ มีรูปวาดซึ่งคินโจซังเป็นคนวาดเอง เธอชอบวาดรูปและงานประดิษฐ์ประดอยย เธอก็ทำตกแต่งที่นี่เองเกือบทั้งนั้นน เธอเล่าอย่างภูมิใจตอนหลังเธอยังเอาแผนที่ แล้วก็การ์ตูนที่เธอวาดเองมาให้เราดูอีกต่างหาก เราสังเกต เธอเล่าไป ชี้นู่น ชี้นี่ แล้วก็ยิ้มไปด้วยยย . . . เธอคงทำมันด้วยความสุขจริงๆ
ที่โอกินาว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์เราสามารถออกทะเลเพื่อดูวาฬแบบใกล้ชิดได้ในบางเกาะ ที่นี่ก็เช่นกัน.. ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราตั้งใจจะทำในวันรุ่งขึ้น
แก๊งสัตว์เลี้ยงของบ้านคินโจ
บรรยากาศที่พัก
มีตู้เย็นส่วนรวม และหนังสือให้อ่านเล่น
ห้องนอนเสื่อทาทามิเเบบญี่ปุ่น (สภาพหลังนอนแล้ว)
น่าจะเพราะเราเป็นแขก 2 คนแรก คินโจซังเลือกห้องที่ดีที่สุดให้กับเรา จากหน้าต่างห้องตรงนี้เราสามารถมองเห็นวิวภูเขาลูกใหญ่ได้ชัดเจนมากก
เอาล่ะ รีบเก็บข้าวของแล้วออกไปเดินเที่ยวรอบๆ หมู่บ้านกันดีกว่า
โทคาชิกิเป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ใหญ่เพียงพอที่จะมีภูเขาอยู่บนเกาะอีกที ซึ่งเท่าที่สังเกตมาเกาะน้อยๆ ในหมูเกาะโอกินาว่ามักจะมีภูเขาเสมอ ยิ่งตัวหมู่บ้านริ่มทะเลนี้ เล็กมาจนถึงขนาดที่เราสามารถเดินรอบภายใน 1-2 ชั่วโมง เราคุยกันว่าจะเดินไปที่ชายหาดก่อนแล้วค่อยมาเดินเล่นในหมู่บ้านทีหลัง ฟ้าหยิบแผนที่ขึ้นมากางดูเพื่อหาทางเดินไปที่หาด หลังจากทีมองดูแผนที่แฮนเมดของคินโจซังอยู่พักนึงปรากฏว่า ดูไม่ออก !!! ความสามารถในการประเมินทิศทางของเราทั้งสองคนต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น