แพทย์วิจัย-ยาต้านไวรัส HIV รักษามะเร็ง ใช้ยาต้าน 4 ชนิด-มีผลฆ่าเซลล์มะเร็ง 60 ชนิด

แพทย์กระทรวงสาธารณสุข โชว์ผลงานวิจัยใหม่ในต่างประเทศ ใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ 4 ชนิด เนล์ฟนาเวียร์ (Nelfinavir) ริโตนาเวียร์ (Ritonavir) ซาควินาเวียร์ (Saquinavir) และ เทโนโฟเวียร์ (Tenofovir)  รักษาโรคมะเร็ง มีผลฆ่าเซลล์มะเร็ง 60 ชนิด แต่เตือนอย่าซื้อมากินเองอาจมีผลข้างเคียง
นพ.สมยศ กิตติมั่นคง หัวหน้ากลุ่มพัฒนาการดูแลรักษาเอชไอวีและเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้มีข่าวดีสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง และน่าจะเป็นความหวังสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เพราะมีข้อมูลจากทางสหรัฐ อังกฤษ และยุโรป ได้ทำวิจัยโดยการนำยาต้านไวรัสเอดส์มาใช้ในการรักษาผู้ป่วย ซึ่งการวิจัยเรื่องนี้ได้เริ่มเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว มีการทำวิจัยทั้งในห้องปฏิบัติการ ในหนูทดลองและในคนไข้มะเร็งกลุ่มเล็กๆ ผลปรากฏว่า ยาต้านไวรัสเอดส์จะไปรบกวนการทำงานของเซลล์มะเร็งประมาณ 60 ชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก และทำให้เซลล์มะเร็งตายได้
นพ.สมยศ กล่าวต่อว่า ยาต้านไวรัสเอดส์ที่มีการทำวิจัย มีชื่อสามัญคือ เนลฟินาเวียร์ ริโทนาเวียร์ และซาควินาเวียร์ เป็นยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอ็นไซม์โปรติเอส แต่เนลฟินาเวียร์ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย มีแค่ ริโทนาเวียร์ และซาควินาเวียร์ ส่วนยาอีกชนิดที่มีการทำวิจัยและมีรายงานว่าได้ผลเช่นกัน คือ ทีโนโฟเวียร์ มีจำหน่ายในประเทศไทยเช่นกัน และมีราคาถูกกว่า ทั้งนี้ยาที่กล่าวมาทั้งหมดมีจำหน่ายใน รพ.เท่านั้นหากต้องการใช้ต้องให้แพทย์สั่ง ดังนั้นก่อนใช้ควรปรึกษาแพทย์ เพราะยาในกลุ่มนี้มีผลข้างเคียงคือ ทำให้ไขมันและน้ำตาลในเลือดสูง แก้มตอบ ขาลีบ ท้องโต ไม่ควรไปซื้อยากินเอง หรือแตกตื่นไปซื้อมากินเพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้
ข้อมูลในเรื่องนี้ถือเป็นข้อมูลใหม่มาก เพราะผมก็เพิ่งทราบเมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่านมา คิดว่าประเทศไทยก็ยังไม่มีใครใช้ยาดังกล่าวในการรักษาคนไข้ แต่ที่ต่างประเทศมีการทำวิจัยเรื่องนี้ เพราะมีกรณีคนไข้ติดเชื้อและเป็นมะเร็งด้วยแล้วกินยาต้านไวรัสเอดส์ แทนที่จะเป็นอะไรแต่กลับมีสุขภาพแข็งแรงอยู่ ซึ่งตอนนี้ทั่วโลกมีการทำวิจัยประมาณ 28 ชิ้นแล้ว บางงานวิจัยเสร็จแล้วแต่บางงานวิจัยอยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนตัวผมเองก็ดูแลคนไข้มะเร็งระยะสุดท้ายอยู่ด้วย ก็คงจะมีการพูดคุยกับคนไข้ในเรื่องนี้เช่นกันโดยเฉพาะคนไข้ที่หมดหวังแล้ว นพ.สมยศ กล่าว
นพ.สมยศ ให้ข้อมูลพร้อมเปิดเว็บไซต์แห่งหนึ่งให้ดูว่า มีนักธุรกิจคนหนึ่งอายุ 42 ที่อังกฤษเป็นมะเร็งตับอ่อน และเป็นหนึ่งใน 12 คนไข้ที่กินยาดังกล่าว จากการที่เข้าร่วมวิจัยกับสถาบันแห่งหนึ่งในอังกฤษ พบว่า การรับประทานยาร่วมกับการฉายแสงทำให้เซลล์มะเร็งตอบสนองต่อการฉายแสงมากขึ้น อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า ทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่งานวิจัยอยู่ หากผู้ป่วยมะเร็งจะใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ควรปรึกษาแพทย์ก่อน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งและติดเชื้อเอชไอวีเพราะอาจทำให้ดื้อยาได้
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

Report : LIV APCO
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่