คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
คิดว่าเพราะใช้บอดี้เดียวกันหมดทั้งโลก (เว้นที่ญี่ปุ่นเอง) ก็เลยมีมาให้ แต่ไส้ในไม่มีอะไร
เพราะมันเป็นช่องต่อ CI Card สำหรับรับชมเคเบิ้ลทีวีครับ แต่เป็นมาตรฐานทางยุโรปเค้า
--------------------------------------------
ทีวีที่ขายในยุโรป หลายๆประเทศจะรองรับเคเบิ้ลดิจิตอลด้วย (DVB-C) หรือบางรุ่นดีๆหน่อยก็ใส่ตัวรับดาวเทียมมาให้ (DVB-S/S2)
ซึ่งถ้าเป็นช่องฟรี ก็ดูได้ ไม่ต้องใส่การ์ด แต่ถ้าเป็นช่องที่เข้ารหัส สำหรับ Pay TV ก็จะใส่การ์ดเข้าไปเพื่อให้สามารถดูช่องนั้นๆได้ครับ
ตัวการ์ดจะเป็นมาตรฐาน PC Card (แบบเดียวกับการ์ดที่สามรถใส่ในโน๊ตบุ๊คสมัยก่อนได้ เช่น USB เอย Wi-Fi เอย ปัจจุบันแทบไม่มีช่องต่อนี้แล้วในโน๊ตบุ๊ค) แล้วเอาบัตรที่สมัคร Pay TV ใส่เข้าไปอีกชั้นนึง (บางเจ้าจะเป็นซิม แล้วใส่กับตัว PC Card)
ที่อเมริกาจะเป็นรูปแบบของ CableCard รูปร่างเหมือนกัน แต่ไม่ต้องมีตัวแปลงหรือใส่บัตรเป็นไส้ในเหมือน CI Card เพราะข้อมูลอยู่ภายในการ์ดแล้ว ใส่เข้าไปกับทีวีได้เลย (ทีวีที่ขายในปัจจุบันที่อเมริกาไม่มีช่องต่อ CableCard แล้ว แต่มีใช้กับกล่องทีวีหรือตัวรับทีวีสำหรับคอมพิวเตอร์)
ส่วนญี่ปุ่นจะเป็น B-CAS ขนาดเท่าบัตรเครดิตทั่วไป บังคับใส่ไม่งั้นดูทีวีไม่ได้แม้แต่ฟรีทีวี ซึ่งดูฟรีทีวีไม่ต้องสมัคร แต่ถ้าดูช่องเสียเงินก็สมัครช่องที่อยากดูไป (เนื่องจากญี่ปุ่นมีเครื่องบันทึกแบบหลาย Tuner ถ้าทีวีหรือกล่องเป็นแบบฟรีทีวี 1 + BS 1 + CS 1 ใช้ใบเดียว แต่ถ้ามีแบบนี้ 4-5 Tuner ก็ต้องใช้บัตร 4-5 ใบ ซึ่งมีให้ครบจำนวนในกล่องอยู่แล้ว)
เพราะมันเป็นช่องต่อ CI Card สำหรับรับชมเคเบิ้ลทีวีครับ แต่เป็นมาตรฐานทางยุโรปเค้า
--------------------------------------------
ทีวีที่ขายในยุโรป หลายๆประเทศจะรองรับเคเบิ้ลดิจิตอลด้วย (DVB-C) หรือบางรุ่นดีๆหน่อยก็ใส่ตัวรับดาวเทียมมาให้ (DVB-S/S2)
ซึ่งถ้าเป็นช่องฟรี ก็ดูได้ ไม่ต้องใส่การ์ด แต่ถ้าเป็นช่องที่เข้ารหัส สำหรับ Pay TV ก็จะใส่การ์ดเข้าไปเพื่อให้สามารถดูช่องนั้นๆได้ครับ
ตัวการ์ดจะเป็นมาตรฐาน PC Card (แบบเดียวกับการ์ดที่สามรถใส่ในโน๊ตบุ๊คสมัยก่อนได้ เช่น USB เอย Wi-Fi เอย ปัจจุบันแทบไม่มีช่องต่อนี้แล้วในโน๊ตบุ๊ค) แล้วเอาบัตรที่สมัคร Pay TV ใส่เข้าไปอีกชั้นนึง (บางเจ้าจะเป็นซิม แล้วใส่กับตัว PC Card)
ที่อเมริกาจะเป็นรูปแบบของ CableCard รูปร่างเหมือนกัน แต่ไม่ต้องมีตัวแปลงหรือใส่บัตรเป็นไส้ในเหมือน CI Card เพราะข้อมูลอยู่ภายในการ์ดแล้ว ใส่เข้าไปกับทีวีได้เลย (ทีวีที่ขายในปัจจุบันที่อเมริกาไม่มีช่องต่อ CableCard แล้ว แต่มีใช้กับกล่องทีวีหรือตัวรับทีวีสำหรับคอมพิวเตอร์)
ส่วนญี่ปุ่นจะเป็น B-CAS ขนาดเท่าบัตรเครดิตทั่วไป บังคับใส่ไม่งั้นดูทีวีไม่ได้แม้แต่ฟรีทีวี ซึ่งดูฟรีทีวีไม่ต้องสมัคร แต่ถ้าดูช่องเสียเงินก็สมัครช่องที่อยากดูไป (เนื่องจากญี่ปุ่นมีเครื่องบันทึกแบบหลาย Tuner ถ้าทีวีหรือกล่องเป็นแบบฟรีทีวี 1 + BS 1 + CS 1 ใช้ใบเดียว แต่ถ้ามีแบบนี้ 4-5 Tuner ก็ต้องใช้บัตร 4-5 ใบ ซึ่งมีให้ครบจำนวนในกล่องอยู่แล้ว)
แสดงความคิดเห็น
สอบถามเรื่อง TV Sharp LC-39LE155D2 ครับ
รบกวนสอบถามท่านผู้รู้ด้วยครับ
พอดีทางบ้านผมไปซื้อ TV Sharp รุ่น LC-39LE155D2 แล้วส่งรูปนี้มาถามผม
ว่าช่องดังกล่าวคือช่องไว้ทำอะไร
รบกวนท่านที่รู้ อธิบายให้ผมฟังหน่อยครับว่าช่องนี้มีไว้ทำอะไรครับ
ขอบคุณครับ