ถ้าชอบกระทู้นี้กรุณากดบวกด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
เดี๋ยวนี้มีสินค้าอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงเต็มไปหมด บ้างก็อ้างว่า ทาครีมที่หน้าแต่ไปรักษาขาโก่งได้ บ้างก็ว่าทาครีมแล้ว ลดเส้นเลือดในสมองแตกได้ เอ๊ยหรือมันครีมตัวเดียวกันหว่า น่าจะเป็นครีมที่เมพมาก บางทีก็เป็น พุทธพาณิชย์อ้างว่า ใส่องค์นี้แล้ว จะทำมาค้าขายขึ้น เวลาเจออุบัติเหตุรถชนยับทั้งคัน ใส่พระองค์นี้แล้วจะคุ้มครอง ไร้แม้ซึ่งรอยแมวข่วน บ้างก็เป็นเครื่องลดน้ำหนัก ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก กินนี่สวมนี่ไม่ต้องออกกำลังกาย ไม่ต้องคุมอาหาร ภายในเดือนเดียวน้ำหนักจะลดเองได้ตั้ง 5 กิโลกรัม และก็จะสวยฟิ้งงงง
แต่ประเด็นคือที่เห็นส่วนมาก มันหลวกลวง หลอกลวงให้ช้ำทรวงใจ
แล้วเราจะทำอย่างไร รอให้รัฐบาลท่านนายกมาจัดการนะหรือ อย่าหวังกันได้เลย มีโฆษณาสินค้าหลวกลวงมากมายเต็มไปหมด ทั้งในโทรทัศน์และเฟซบุคมากมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยทำอะไร นั้นเราประชาชนต้องมาหาวิธีป้องกันกันเองแล้ว
นั่นคือการคิดแบบนักวิทยาศาสตร์
การคิดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากใครๆก็ทำได้ คุณไม่จำเป็นต้องจำตารางธาตุได้หมดสำหรับการคิดแบบนี้ ความจริงแล้วจะพูดว่าไม่ต้องจำอะไรเลยก็ได้ ขอเพียง
คุณรักษาระดับของความใคร่รู้และความสงสัย ไม่กลัวที่จะถามคำถามและขอหลักฐาน และไม่ด่วนสรุปอะไรเร็วเกินไป รอจนคุณมีหลักฐานเพียงพอที่จะทำการสรุปผล และก็สามารถที่จะเปลี่ยนใจเมื่อสุดท้ายคุณพบว่าผลสรุปที่ได้มาตอนแรกนั้นอาจจะผิด
การตัดสินใจที่จะคิดแบบนักวิทย์เป็นส่วนที่ยากที่สุด แต่การทำนั้นค่อนข้างง่ายและตรงไปตรงมา
การพิสูจน์มาก่อนความเชื่อ ไม่มีอะไรเหนือเกินกว่าที่จะตั้งคำถามและการคิดทบทวน นี่นับเป็นสงครามที่ไม่มีวันจบ และเป็นสงครามที่จะเกิดขึ้นทุกวัน กับสินค้าหลอกลวงที่ Too good to be true
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ การขาดการคิดแบบนักวิทยาสาสตร์เป็นปัญหาสำคัญของโลก ทุกๆวันจะต้องมีผู้คนจำนวนมากโดนสินค้าลวงโลกหลอกเอา โดยเสียเวลา เสียเงิน ป่วย และบางคนอาจโชคไม่ดี ถึงกับต้องเสียชีวิต จากผลิตภัณฑ์ลวงโลกเหล่านี้
วันนี้เราจะติดอาวุธทางปัญญาเพื่อต่อสู้กับ เหล่าอธรรมเพื่อผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรม เพราะ ธรรมะกับอธรรมไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้
เข้าเรื่องกันเลย
มาดูกรณีศึกษากัน
เฮเลนา โรส โคลิตเวนซิล(Helena Kolitwenzew) เด็กสาวอายุ 8 ปีผู้ป่วยเป็นเบาหวาน เสียชีวิตหลังจากแม่ของเธอเลิกให้สารอินซูลิน จากคำแนะนำของเซลแมนที่ชื่อ ลอวเล้น เพอรี่ ก่อนหน้านั้นแม่ของเด็กสาวนั้นเลือกใช้การแพทย์ทางเลือกมากมาย เช่น การฝังเข็ม การฉีกเอมบริโอฉลามเข้าไป ?? เพอรี่เขาบอกว่าตัวเองเป็น หมอที่แท้จริง เขาใส่ชุดกาว และยังบอกอีกว่าเขาเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลเรื่องไวรัสวิทยา หลังจากการตายของโคลิตเวนซิล ผู้พิพากษาจากนอทแคโรวไรนาตัดสินว่าเพอรี่ผิดข้อหาการทำให้คนตายโดยไม่เจตนาและทำการรักษาคนโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ
อีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าเศร้าไม่แพ้กัน แต่ทีนี้ทำให้คนเสียชีวิตเป็นแสนๆคนคือ
การศึกษาของฮาวาดพบว่ามีคนที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ประมาณ 365,000 คนตายก่อนเวลาที่ควร ในระหว่างปี 2000 ถึงปี 2005 ที่ประเทศแอฟริกาใต้เพราะรับบาลตัดสินใจใช้แพทย์ทางเลือกแทนที่จะใช้แพทย์แผนปัจจุบันที่เป็น evidence-based medicine
เดี๋ยวก่อน ท่านอาจจะคิดว่าคนเหล่านี้ ไม่รวย ไม่ฉลาดแน่เลยถึงถูกหลอก
ก็อาจจะถูกก็ได้ แต่ คนรวยก็อาจจะถูกหลอกได้เช่นกันกัน แม้แต่คนที่เรายกย่องให้เป็นผู้สร้างนวัตกรรมที่ส่งผลยิ่งใหญ่ต่อมนุษย์
อย่างท่าน สตีฟ จ๊อบ เอง ท่านก็พลาดมาแล้ว พลาดครั้งนี้ส่งผลคือการเสียชีวิตเลยทีเดียว
ย้อนไปตอนนั้น ในระหว่างที่สตีป จ๊อบ เป็นมะเร็งที่ตับอ่อน (pancreatic cancer) เขาไม่ยอมใช้การแพทย์สมัยใหม่รักษาแต่ไปเสียเวลาอันสำคัญไปใช้วิธีอื่นๆรักษา จนทำให้เขาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ถ้าเขามารักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เขาจะมีชีวิตรอดยืนยาวมาอีก เขาดันไปเสียเวลากับ ไฮโดรเธอราพี (Hydrotherapy) , การฝังเข็ม , การรักษาด้วยสมุนไพร และแม้แต่ ไปหาคนทรง ให้ทำการรักษาให้ ซึ่งตอนหลังเขาบอกว่าเขาเสียใจกับเวลาที่เสียไป
วอลเตอร์ ไอแซกซันคนเขียนชีวประวัติของเขาก็บอกว่าช่วงใกล้เสียชีวิต จ๊อบก็บอกแบบนี้ หรือแม้แต่เพื่อนสนิทของจ๊อบ เดวิด เคลลี่ ซึ่งเป็นมะเร็งทีหลังจ๊อบ ก็รอดชีวิตมาได้เพราะจ๊อบเป็นคนบอกเขาว่าอย่ามัวไปเสียเวลากับยา สินค้า และการรักษาหลอกลวง จงมุ่งตรงไปที่การแพทย์แผนปัจจุบันเลย ดังที่เขาให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 minutes ลองดูคลิปประกอบ สักประมาณนาทีที่ 7:30 เป็นต้นไป
แน่นอนการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบันถูกโจมตีจากพวกโฆษณาสินค้าว่า รักษาไม่ได้ทุกโรค ยาบางอันก็ส่งผลเสียต่อผู้ป่วย การรักษาบางครั้งก็ทำให้คนไข้อาการหนักขึ้น ซึ่งก็ถูก การแพทย์แผนปัจจุบันไม่ได้สมบูรณ์แบบ บางโรคที่เรารักษาไม่ได้จริง แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ผู้คนมากมายทั่วโลกล้วนได้รับการรักษาให้หายจากการป่วย หลายล้านก็ได้รับการช่วยชีวิตจากแพทย์แผนปัจจุบัน และศาสตร์การแพทย์ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ยาที่รักษาอาการโรคต่างๆก็ได้รับการคิดค้นมากขึ้นเรื่อยๆ
และการบอกว่าแพทย์แผนปัจจุบันไม่สมบูรณ์แบบก็ไม่ได้ทำให้คำอวดอ้างสรรพคุณของสินค้าลวงโลกเป็นจริงขึ้นมา
แต่การแพทย์แผนปัจจุบันประสพความสำเร็จและยังเป็นที่พึ่งของมนุษย์ที่ดีมาก เมื่อเป็นโรค เกิดอาการเจ็บป่วยต่างๆ
ดังนั้นขอให้ท่านอย่าได้ตกเป็นเหยื่อและถูกหลอกโดยสินค้าที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง
จงคิดเป็นเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือ Skepticism คืออย่าเชื่ออะไรง่ายๆ คิดพิจารณาก่อน
จงคิดว่า
=คำกล่าวอ้างที่ยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมกับหลักฐานที่ยิ่งใหญ่ =
ถ้าเขาบอกว่ายาตัวนี้เยี่ยมยอดมาก กินแล้วหายเป็นมะเร็ง หายจากโรคทั้งปวง คำกล่าวอ้างนี้ยิ่งใหญ่มาก ท่านก็ควรที่จะถามหา หลักฐานที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน เช่นถามว่า ท่านคนขายจบแพทยศาสตร์หรือเภสัชศาสตร์มาหรือเปล่า ช่วยอธิบายหลักการทำงานของยานี้ที มีหลักฐานงานวิจัยอะไรรองรับบ้าง มีหลักฐานอะไรบ้าง
และเราก็ต้องมาดูอีกว่า หลักฐานนั้น น่าเชื่อถือขนาดไหน
ดังนั้นเมื่อคุณเจ็บป่วย ก็จงไปโรงพยาบาล หาหมอแพทย์แผนปัจจุบันที่เป็น evidence based medicine รักษาโดยคนที่จบแพทยศาสตร์ มีการทดลอง มีการคิดค้นตัวยา รักษาอย่างเป็นระบบ มีระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ อย่าไปทานยา ซื้อยาจากกลุ่มคนอื่น ที่อ้างตัวว่าเป็นหมอที่แท้จริง
เมื่อคุณอยากสุขภาพดี หุ่นดี ก็ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตอย่างถูกสุขลักษณะ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ใช่ไปทานยาที่อ้างว่าลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องออกกำลังกาย ไม่อย่างนั้น ทุกคนบนโลกก็ไม่ต้องไปเหนื่อยออกกำลังกาย ทานยาก็หุ่นดีกันหมดทั้งโลกแล้ว
ยังมีสินค้าที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงอีกมากมาย จำนวนมากเต็มไปหมด แต่ วิธีรับมือกับมันก็เหมือนๆกันคือแค่การใช้การคิดแบบนักวิทยาศาสตร์ ถามหาหลักฐาน ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ และดูว่าหลักฐานนั้นน่าเชื่อถือเพียงไร แค่นี้เราก็จะปลอดภัยจากเหล่าสินค้าลวงโลกทั้งหลายแล้ว
ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ สำหรับการคิดแบบนักวิทย์ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อ เหล่าสินค้าสรรพคุณเกินจริงที่มีอยู่มากมายเต็มไปหมด
สำหรับใครที่ยังสนใจรายละเอียดเรื่อง Skepticism อีกแนะนำให้ดูคลิปนี้ครับ
มีเรื่อง gt200 มาเกริ่นนำด้วย 555+
I Doubt That - The Media Guide to Skepticism
เครดิต
-Think: Why You Should Question Everything โดย Guy P. Harrison
-
http://islet.org/forum025/messages/22449.htm
-
http://en.wikipedia.org/wiki/Skepticism
ถ้าถูกใจช่วยกดบวกด้วยครับ ขอบคุณครับ
=คำกล่าวอ้างที่ยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมกับหลักฐานที่ยิ่งใหญ่ คิดแบบนักวิทย์เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเหล่าสินค้าสรรพคุณเกินจริง=
เดี๋ยวนี้มีสินค้าอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงเต็มไปหมด บ้างก็อ้างว่า ทาครีมที่หน้าแต่ไปรักษาขาโก่งได้ บ้างก็ว่าทาครีมแล้ว ลดเส้นเลือดในสมองแตกได้ เอ๊ยหรือมันครีมตัวเดียวกันหว่า น่าจะเป็นครีมที่เมพมาก บางทีก็เป็น พุทธพาณิชย์อ้างว่า ใส่องค์นี้แล้ว จะทำมาค้าขายขึ้น เวลาเจออุบัติเหตุรถชนยับทั้งคัน ใส่พระองค์นี้แล้วจะคุ้มครอง ไร้แม้ซึ่งรอยแมวข่วน บ้างก็เป็นเครื่องลดน้ำหนัก ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก กินนี่สวมนี่ไม่ต้องออกกำลังกาย ไม่ต้องคุมอาหาร ภายในเดือนเดียวน้ำหนักจะลดเองได้ตั้ง 5 กิโลกรัม และก็จะสวยฟิ้งงงง
แต่ประเด็นคือที่เห็นส่วนมาก มันหลวกลวง หลอกลวงให้ช้ำทรวงใจ
แล้วเราจะทำอย่างไร รอให้รัฐบาลท่านนายกมาจัดการนะหรือ อย่าหวังกันได้เลย มีโฆษณาสินค้าหลวกลวงมากมายเต็มไปหมด ทั้งในโทรทัศน์และเฟซบุคมากมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยทำอะไร นั้นเราประชาชนต้องมาหาวิธีป้องกันกันเองแล้ว
นั่นคือการคิดแบบนักวิทยาศาสตร์
การคิดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากใครๆก็ทำได้ คุณไม่จำเป็นต้องจำตารางธาตุได้หมดสำหรับการคิดแบบนี้ ความจริงแล้วจะพูดว่าไม่ต้องจำอะไรเลยก็ได้ ขอเพียง
คุณรักษาระดับของความใคร่รู้และความสงสัย ไม่กลัวที่จะถามคำถามและขอหลักฐาน และไม่ด่วนสรุปอะไรเร็วเกินไป รอจนคุณมีหลักฐานเพียงพอที่จะทำการสรุปผล และก็สามารถที่จะเปลี่ยนใจเมื่อสุดท้ายคุณพบว่าผลสรุปที่ได้มาตอนแรกนั้นอาจจะผิด
การตัดสินใจที่จะคิดแบบนักวิทย์เป็นส่วนที่ยากที่สุด แต่การทำนั้นค่อนข้างง่ายและตรงไปตรงมา การพิสูจน์มาก่อนความเชื่อ ไม่มีอะไรเหนือเกินกว่าที่จะตั้งคำถามและการคิดทบทวน นี่นับเป็นสงครามที่ไม่มีวันจบ และเป็นสงครามที่จะเกิดขึ้นทุกวัน กับสินค้าหลอกลวงที่ Too good to be true
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ การขาดการคิดแบบนักวิทยาสาสตร์เป็นปัญหาสำคัญของโลก ทุกๆวันจะต้องมีผู้คนจำนวนมากโดนสินค้าลวงโลกหลอกเอา โดยเสียเวลา เสียเงิน ป่วย และบางคนอาจโชคไม่ดี ถึงกับต้องเสียชีวิต จากผลิตภัณฑ์ลวงโลกเหล่านี้
วันนี้เราจะติดอาวุธทางปัญญาเพื่อต่อสู้กับ เหล่าอธรรมเพื่อผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรม เพราะ ธรรมะกับอธรรมไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้
เข้าเรื่องกันเลย
มาดูกรณีศึกษากัน
เฮเลนา โรส โคลิตเวนซิล(Helena Kolitwenzew) เด็กสาวอายุ 8 ปีผู้ป่วยเป็นเบาหวาน เสียชีวิตหลังจากแม่ของเธอเลิกให้สารอินซูลิน จากคำแนะนำของเซลแมนที่ชื่อ ลอวเล้น เพอรี่ ก่อนหน้านั้นแม่ของเด็กสาวนั้นเลือกใช้การแพทย์ทางเลือกมากมาย เช่น การฝังเข็ม การฉีกเอมบริโอฉลามเข้าไป ?? เพอรี่เขาบอกว่าตัวเองเป็น หมอที่แท้จริง เขาใส่ชุดกาว และยังบอกอีกว่าเขาเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลเรื่องไวรัสวิทยา หลังจากการตายของโคลิตเวนซิล ผู้พิพากษาจากนอทแคโรวไรนาตัดสินว่าเพอรี่ผิดข้อหาการทำให้คนตายโดยไม่เจตนาและทำการรักษาคนโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ
อีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าเศร้าไม่แพ้กัน แต่ทีนี้ทำให้คนเสียชีวิตเป็นแสนๆคนคือ
การศึกษาของฮาวาดพบว่ามีคนที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ประมาณ 365,000 คนตายก่อนเวลาที่ควร ในระหว่างปี 2000 ถึงปี 2005 ที่ประเทศแอฟริกาใต้เพราะรับบาลตัดสินใจใช้แพทย์ทางเลือกแทนที่จะใช้แพทย์แผนปัจจุบันที่เป็น evidence-based medicine
เดี๋ยวก่อน ท่านอาจจะคิดว่าคนเหล่านี้ ไม่รวย ไม่ฉลาดแน่เลยถึงถูกหลอก
ก็อาจจะถูกก็ได้ แต่ คนรวยก็อาจจะถูกหลอกได้เช่นกันกัน แม้แต่คนที่เรายกย่องให้เป็นผู้สร้างนวัตกรรมที่ส่งผลยิ่งใหญ่ต่อมนุษย์
อย่างท่าน สตีฟ จ๊อบ เอง ท่านก็พลาดมาแล้ว พลาดครั้งนี้ส่งผลคือการเสียชีวิตเลยทีเดียว
ย้อนไปตอนนั้น ในระหว่างที่สตีป จ๊อบ เป็นมะเร็งที่ตับอ่อน (pancreatic cancer) เขาไม่ยอมใช้การแพทย์สมัยใหม่รักษาแต่ไปเสียเวลาอันสำคัญไปใช้วิธีอื่นๆรักษา จนทำให้เขาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ถ้าเขามารักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เขาจะมีชีวิตรอดยืนยาวมาอีก เขาดันไปเสียเวลากับ ไฮโดรเธอราพี (Hydrotherapy) , การฝังเข็ม , การรักษาด้วยสมุนไพร และแม้แต่ ไปหาคนทรง ให้ทำการรักษาให้ ซึ่งตอนหลังเขาบอกว่าเขาเสียใจกับเวลาที่เสียไป
วอลเตอร์ ไอแซกซันคนเขียนชีวประวัติของเขาก็บอกว่าช่วงใกล้เสียชีวิต จ๊อบก็บอกแบบนี้ หรือแม้แต่เพื่อนสนิทของจ๊อบ เดวิด เคลลี่ ซึ่งเป็นมะเร็งทีหลังจ๊อบ ก็รอดชีวิตมาได้เพราะจ๊อบเป็นคนบอกเขาว่าอย่ามัวไปเสียเวลากับยา สินค้า และการรักษาหลอกลวง จงมุ่งตรงไปที่การแพทย์แผนปัจจุบันเลย ดังที่เขาให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 minutes ลองดูคลิปประกอบ สักประมาณนาทีที่ 7:30 เป็นต้นไป
แน่นอนการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบันถูกโจมตีจากพวกโฆษณาสินค้าว่า รักษาไม่ได้ทุกโรค ยาบางอันก็ส่งผลเสียต่อผู้ป่วย การรักษาบางครั้งก็ทำให้คนไข้อาการหนักขึ้น ซึ่งก็ถูก การแพทย์แผนปัจจุบันไม่ได้สมบูรณ์แบบ บางโรคที่เรารักษาไม่ได้จริง แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ผู้คนมากมายทั่วโลกล้วนได้รับการรักษาให้หายจากการป่วย หลายล้านก็ได้รับการช่วยชีวิตจากแพทย์แผนปัจจุบัน และศาสตร์การแพทย์ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ยาที่รักษาอาการโรคต่างๆก็ได้รับการคิดค้นมากขึ้นเรื่อยๆ
และการบอกว่าแพทย์แผนปัจจุบันไม่สมบูรณ์แบบก็ไม่ได้ทำให้คำอวดอ้างสรรพคุณของสินค้าลวงโลกเป็นจริงขึ้นมา
แต่การแพทย์แผนปัจจุบันประสพความสำเร็จและยังเป็นที่พึ่งของมนุษย์ที่ดีมาก เมื่อเป็นโรค เกิดอาการเจ็บป่วยต่างๆ
ดังนั้นขอให้ท่านอย่าได้ตกเป็นเหยื่อและถูกหลอกโดยสินค้าที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง
จงคิดเป็นเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือ Skepticism คืออย่าเชื่ออะไรง่ายๆ คิดพิจารณาก่อน
จงคิดว่า
=คำกล่าวอ้างที่ยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมกับหลักฐานที่ยิ่งใหญ่ =
ถ้าเขาบอกว่ายาตัวนี้เยี่ยมยอดมาก กินแล้วหายเป็นมะเร็ง หายจากโรคทั้งปวง คำกล่าวอ้างนี้ยิ่งใหญ่มาก ท่านก็ควรที่จะถามหา หลักฐานที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน เช่นถามว่า ท่านคนขายจบแพทยศาสตร์หรือเภสัชศาสตร์มาหรือเปล่า ช่วยอธิบายหลักการทำงานของยานี้ที มีหลักฐานงานวิจัยอะไรรองรับบ้าง มีหลักฐานอะไรบ้าง
และเราก็ต้องมาดูอีกว่า หลักฐานนั้น น่าเชื่อถือขนาดไหน
ดังนั้นเมื่อคุณเจ็บป่วย ก็จงไปโรงพยาบาล หาหมอแพทย์แผนปัจจุบันที่เป็น evidence based medicine รักษาโดยคนที่จบแพทยศาสตร์ มีการทดลอง มีการคิดค้นตัวยา รักษาอย่างเป็นระบบ มีระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ อย่าไปทานยา ซื้อยาจากกลุ่มคนอื่น ที่อ้างตัวว่าเป็นหมอที่แท้จริง
เมื่อคุณอยากสุขภาพดี หุ่นดี ก็ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตอย่างถูกสุขลักษณะ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ใช่ไปทานยาที่อ้างว่าลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องออกกำลังกาย ไม่อย่างนั้น ทุกคนบนโลกก็ไม่ต้องไปเหนื่อยออกกำลังกาย ทานยาก็หุ่นดีกันหมดทั้งโลกแล้ว
ยังมีสินค้าที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงอีกมากมาย จำนวนมากเต็มไปหมด แต่ วิธีรับมือกับมันก็เหมือนๆกันคือแค่การใช้การคิดแบบนักวิทยาศาสตร์ ถามหาหลักฐาน ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ และดูว่าหลักฐานนั้นน่าเชื่อถือเพียงไร แค่นี้เราก็จะปลอดภัยจากเหล่าสินค้าลวงโลกทั้งหลายแล้ว
ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ สำหรับการคิดแบบนักวิทย์ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อ เหล่าสินค้าสรรพคุณเกินจริงที่มีอยู่มากมายเต็มไปหมด
สำหรับใครที่ยังสนใจรายละเอียดเรื่อง Skepticism อีกแนะนำให้ดูคลิปนี้ครับ
มีเรื่อง gt200 มาเกริ่นนำด้วย 555+
I Doubt That - The Media Guide to Skepticism
เครดิต
-Think: Why You Should Question Everything โดย Guy P. Harrison
-http://islet.org/forum025/messages/22449.htm
-http://en.wikipedia.org/wiki/Skepticism
ถ้าถูกใจช่วยกดบวกด้วยครับ ขอบคุณครับ