เนื่องจากเห็นเพื่อนรีวิวคาเฟ่ในเกาหลี '1st review: Sweet Seoul รีวิวคาเฟ่น่ารัก ขนม และร้านอาหารในเกาหลี♡
http://ppantip.com/topic/33210940' เลยอยากลองรีวิวดูมั่ง ฮ่าๆ นี่เป็นการรีวิวพันทิปครั้งแรกของเรา เผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างน๊า ถ้าผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะค๊า (ออกตัวไว้ก่อน อิอิ) โอเคเริ่ม!
เราไปโอซาก้าเมื่อวันที่ 19-21 ก.พ. ที่ผ่านมา อากาศเย็นๆสบาย ประมาณ 6-10 องศา ใส่เสื้อหนาว3ชั้นก็อยู่แล้วค่ะ เรานั่งเครื่องไปลงสนามบินคันไซ และต้องต่อรถไฟเข้าเมือง ก่อนอื่นก็ต้องไปซื้อบัตรก่อนที่ Travel Desk เราซื้อ Kaiyukan 1 Day Pass 3,010 เยน (เราจะใช้วันที่ 3 ค่ะ ซื้อไว้ก่อน) จากนั้นขึ้นไปชั้น 2 ออกนอกอาคารเลยค่ะ ข้ามสะพานไปยังสถานี ไปตรงเค้าเตอร์ขายตั๋ว Nankai เพื่อซื้อ Osaka Amazing 1 Day Pass แบบรวมรถไฟสาย Nankai ย้ำนะคะ! ว่าแบบนี้จะรวม Nankai เข้าเมืองไปลง Namba ด้วย จะเป็น 2,900 เยน (ประมาณ 870 บาท) ถ้าจะเอาแบบธรรมดาก็ซื้อที่ Travel desk ค่ะ ราคา 2,300 เยน เราว่ารวม Nankai ด้วยจะคุ้มกว่า ฮี่ๆ จากนั้นนั่งยาวโลดดด สุดสายไปเลยค่ะ ลง Namba เพื่อเปลี่ยนสายไปลง Minami-Morimachi โรงแรมอยู่แถวนั้นค่ะ เอากระเป๋าไปเก็บก่อน
โรงแรมที่เราพักชื่อ Hotel Il Grande Umeda
how to go: สถานี Minami-Morimachi ทางออก 2 เลี้ยวซ้าย ตรงไป ข้ามถนน1ที ตรงไปอีกนิด ถึงแล้วจย้าาา ใกล้มาก : )
ได้เวลาเที่ยวแล้วค่าาา~~ ระหว่างทางเดินมีตู้กดน้ำค่ะ ขอซะหน่อย น้ำแอปเปิ้ล Qoo 130 เยนค่ะ
วันนี้เราใช้บัตร Osaka Amazing 1 Day Pass ทั้งวัน มาดูกันว่าเราจะไปไหนบ้าง! ขอเริ่มทริปที่ Osaka Castle ปราสาทโอซาก้านั่นเอง เป็นเหมือนแลนด์มาร์คของโอซาก้าเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นเราต้องมาสร้างแลนด์มาร์คค่ะ! ฮ่าๆๆ
*ใช้บัตร Osaka Amazing Pass เข้าฟรีด้วยนะค๊า*
เจอเด็กน้อยมาทัศนศึกษา น่าลัก เอ้ย น่ารักมากค่ะ ฮี่ๆ
ขึ้นไปดูวิวชั้น8กัน
ก่อนกลับอย่าลืมแวะทาน soft cream หน้าปราสาทนะคะ 350 เยน ขอแนะนำรสชาเขียว อร่อยมากค่ะ recommended!
how to go: สถานี Tanimachi-Yon(4)chome ทางออก 1B เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นสถานีโทรทัศน์ NHK อยู่ด้านขวามือ พอข้าม4แยกมาก็จะเห็นปราสาทอยู่ไกลๆแล้วค่ะ จากนั้นก็เดินตามทางเข้าไปเลย เดินไกลหน่อย ประมาณ 10 นาทีค่ะ ถือว่าออกกำลังกาย อิอิ : )
ไปต่อกันเลยที่ Osaka Musuem of Housing and Living เป็นการจำลองวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนหรือสิ่งของต่างๆ และมีให้เช่าชุดกิโมโนด้วย! เอาให้หลุดไปสมัยนั้นกันจริงๆเลย เราขอแนะนำถ้าใครอยากเช่าชุดให้มาเร็วๆหน่อย เพราะช่วงสายอาจจะต้องรอคิวประมาณชั่วโมงนึง ค่าเช่า 200 เยน ใส่เดินเล่นถ่ายรูปกันได้ครึ่งชั่วโมงจ้า
*ใช้บัตร Osaka Amazing Pass เข้าฟรีค่า*
how to go: สถานี Tenjimbashisuji-Roku(6)chome ทางออก 3 จะเห็นบันไดเลื่อนขึ้นไปข้างนอก ไม่ต้องขึ้นนะคะ มองไปด้านซ้ายจะมีทางเข้าอาคาร เข้าไปเลยค่า กดลิฟท์ขึ้นไปชั้น8 เปิดมาก็เจอเล้ยยย : )
ต่อๆๆ เอาให้คุ้มๆ ฮ่าๆ Tempozan Giant Ferris Wheel ชิงช้าสวรรค์ใหญ่อลังการมากค่ะ ที่นี่จะอยู่ติดกับ Osaka Aquarium Kaiyukan ด้วย ตามขึ้นมากันค่ะ เราเลือกแบบพื้นเป็นกระจก สามารถมองเห็นวิวด้านล่างได้ด้วย (หวาดเสียวววว) รอนานหน่อยเพราะมีไม่กี่อันค่ะ ตอนขึ้นไปคือสูงมากจริงๆค่ะ ผมนี่มองบนเลย ฮ่าๆ ไม่กล้ามองลงไปเลย ฮือออ ㅠ_ㅠ
*ใช้บัตร Osaka Amazing Pass ขึ้นฟรีค่า*
how to go: สถานี Osakako ทางออก 1 เดินตรงไป จะเห็นสะพานแขวนอยู่ด้านขวา ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นชิงช้าสวรรค์อันใหญ่บึ้ม ข้ามถนน1ที ถึงแล้ว! โหย ไปง่ายเว่อ : )
เย็นๆค่ำๆแบบนี้ ได้เวลาไปหาหนุ่มกูลิโกะแล้ววว ย่าน Shinsaibashi นั่นเอง เป็นอีกที่นึงที่ต้องมาให้ได้นะคะ แต่เรามาเร็วเกิน เค้ายังไม่เปิดไฟ เลยมากินปูรอ ฮี่ๆ จะบอกว่าเนื้อหวานมากกกก 700เยน ได้ปูมา2อัน
พี่บอกว่ามีร้านนึงซูชิถูกมาก อร่อยด้วย รีบเลยค่ะ ต่อคิวเลยค่ะ ชั่วโมงนึงค่ะ จิเป็นลมมมม เลยไปซื้อทาโกะยากิกินไปพลาง ต่อคิวเหมือนกัน แต่ได้เร็ว เราซื้อ12ลูก 760 เยน อร่อยอีกแล้ววว ฟินนนน >,< ร้านนี้อยู่ซอยเดียวกับร้านปูเลย เดินตรงไป ร้านอยู่ซ้ายมือ จุดสังเกตคือปลาหมึกยักษ์
ปล. ส่วนใหญ่เราจะถ่ายหน้าร้านมาให้ดูน้า คือเราอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ฮ่าๆ
กินจนหมดก็ถึงคิวซูชิพอดีเลย ร้านนี้จะเป็นซูชิสายพาน จานละ135เยนทุกจาน! ตกจานละ40บาท! ถูกไปอีก ดีไปอี๊กกก แซลมอนดี๊ดีอร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำมาก บนโต๊ะมีน้ำร้อนให้กดฟรีแถมมีผงชาเขียวให้ใส่ชงกับน้ำร้อนด้วยค่ะ หอมมากกก ร้านนี้อยู่เลยร้านทาโกะมานิดนึง จุดสังเกตคือมือจกซูชิ (จกเนอะ เหมือนจกข้าวเหนียว)
กินอิ่มก็มืดพอดี ไปถ่ายรูปที่สะพานกูลิโกะกัน~~ มุมมหาชน มาแล้วก็อย่าลืมชูมือ2ข้างและยกขาซ้ายถ่ายรูปกันด้วยน้า อิอิ
ได้เวลาช็อปปิ้งแล้วค่า!!! ถนนทั้งเส้นจะเป็นร้านค้า ส่วนใหญ่จะขายพวกเครื่องสำอางค์และเสื้อผ้า มีร้านขนมนิดหน่อย เราว่าโดยรวมราคาถูกกว่าบ้านเราเยอะแต่อาจจะไม่ถูกที่สุดในโอซาก้าค่ะ เราไม่ค่อยอินกับคสอ.ญี่ปุ่นเท่าไหร่เลยไปหาไรนั่งกินรอดีกว่า ฮ่าๆ เจอ Cheese Tart ร้านดังค่ะ Pablo นั่นเอง เราสั่งแบบ Plain 680 เยนค่ะ เสิร์ฟพร้อมไอติม หวานๆเลี่ยนๆดีค่ะ คนอื่นเค้ากินอร่อย ทำไมเรากินแล้วเฉยๆ ฮ่าๆ ร้านอยู่ก่อนข้ามถนนมาร้านปู มองไปด้านซ้ายก็เจอแล้วค่ะ : )
how to go: สถานี Namba ทางออก 14 ออกมาแล้วเลี้ยวซ้ายซอยแรกเลยค่ะ เดินไปอีกนิดก็จะเจอทางตัดที่เป็นถนนช็อปปิ้งยาวๆ เลี้ยวซ้ายค่ะ ถนนเส้นนี้คือ Ebisu Bashi-Suji เดินตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอร้านปูอยู่ขวามือ เดินเลยร้านปูไปนิดนึงก็จะเจอสะพานกูลิโกะแล้วค่ะ : )
จบไปแล้วกับวันแรก ขอบอกเลยค่ะว่าร่างพัง เดินเยอะมาก กินเยอะมากเช่นกัน ฮ่าๆ วันที่ 2 จะไป Universal Studio Japan ค่า ฝากติดตามกันต่อด้วยน้า♡
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ig: yyhongg
[CR] 1st Time in OSAKA: เที่ยวเองก็ได้ง่ายจะตาย!
http://ppantip.com/topic/33210940' เลยอยากลองรีวิวดูมั่ง ฮ่าๆ นี่เป็นการรีวิวพันทิปครั้งแรกของเรา เผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างน๊า ถ้าผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะค๊า (ออกตัวไว้ก่อน อิอิ) โอเคเริ่ม!
เราไปโอซาก้าเมื่อวันที่ 19-21 ก.พ. ที่ผ่านมา อากาศเย็นๆสบาย ประมาณ 6-10 องศา ใส่เสื้อหนาว3ชั้นก็อยู่แล้วค่ะ เรานั่งเครื่องไปลงสนามบินคันไซ และต้องต่อรถไฟเข้าเมือง ก่อนอื่นก็ต้องไปซื้อบัตรก่อนที่ Travel Desk เราซื้อ Kaiyukan 1 Day Pass 3,010 เยน (เราจะใช้วันที่ 3 ค่ะ ซื้อไว้ก่อน) จากนั้นขึ้นไปชั้น 2 ออกนอกอาคารเลยค่ะ ข้ามสะพานไปยังสถานี ไปตรงเค้าเตอร์ขายตั๋ว Nankai เพื่อซื้อ Osaka Amazing 1 Day Pass แบบรวมรถไฟสาย Nankai ย้ำนะคะ! ว่าแบบนี้จะรวม Nankai เข้าเมืองไปลง Namba ด้วย จะเป็น 2,900 เยน (ประมาณ 870 บาท) ถ้าจะเอาแบบธรรมดาก็ซื้อที่ Travel desk ค่ะ ราคา 2,300 เยน เราว่ารวม Nankai ด้วยจะคุ้มกว่า ฮี่ๆ จากนั้นนั่งยาวโลดดด สุดสายไปเลยค่ะ ลง Namba เพื่อเปลี่ยนสายไปลง Minami-Morimachi โรงแรมอยู่แถวนั้นค่ะ เอากระเป๋าไปเก็บก่อน
โรงแรมที่เราพักชื่อ Hotel Il Grande Umeda
how to go: สถานี Minami-Morimachi ทางออก 2 เลี้ยวซ้าย ตรงไป ข้ามถนน1ที ตรงไปอีกนิด ถึงแล้วจย้าาา ใกล้มาก : )
ได้เวลาเที่ยวแล้วค่าาา~~ ระหว่างทางเดินมีตู้กดน้ำค่ะ ขอซะหน่อย น้ำแอปเปิ้ล Qoo 130 เยนค่ะ
วันนี้เราใช้บัตร Osaka Amazing 1 Day Pass ทั้งวัน มาดูกันว่าเราจะไปไหนบ้าง! ขอเริ่มทริปที่ Osaka Castle ปราสาทโอซาก้านั่นเอง เป็นเหมือนแลนด์มาร์คของโอซาก้าเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นเราต้องมาสร้างแลนด์มาร์คค่ะ! ฮ่าๆๆ
*ใช้บัตร Osaka Amazing Pass เข้าฟรีด้วยนะค๊า*
เจอเด็กน้อยมาทัศนศึกษา น่าลัก เอ้ย น่ารักมากค่ะ ฮี่ๆ
ขึ้นไปดูวิวชั้น8กัน
ก่อนกลับอย่าลืมแวะทาน soft cream หน้าปราสาทนะคะ 350 เยน ขอแนะนำรสชาเขียว อร่อยมากค่ะ recommended!
how to go: สถานี Tanimachi-Yon(4)chome ทางออก 1B เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นสถานีโทรทัศน์ NHK อยู่ด้านขวามือ พอข้าม4แยกมาก็จะเห็นปราสาทอยู่ไกลๆแล้วค่ะ จากนั้นก็เดินตามทางเข้าไปเลย เดินไกลหน่อย ประมาณ 10 นาทีค่ะ ถือว่าออกกำลังกาย อิอิ : )
ไปต่อกันเลยที่ Osaka Musuem of Housing and Living เป็นการจำลองวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนหรือสิ่งของต่างๆ และมีให้เช่าชุดกิโมโนด้วย! เอาให้หลุดไปสมัยนั้นกันจริงๆเลย เราขอแนะนำถ้าใครอยากเช่าชุดให้มาเร็วๆหน่อย เพราะช่วงสายอาจจะต้องรอคิวประมาณชั่วโมงนึง ค่าเช่า 200 เยน ใส่เดินเล่นถ่ายรูปกันได้ครึ่งชั่วโมงจ้า
*ใช้บัตร Osaka Amazing Pass เข้าฟรีค่า*
how to go: สถานี Tenjimbashisuji-Roku(6)chome ทางออก 3 จะเห็นบันไดเลื่อนขึ้นไปข้างนอก ไม่ต้องขึ้นนะคะ มองไปด้านซ้ายจะมีทางเข้าอาคาร เข้าไปเลยค่า กดลิฟท์ขึ้นไปชั้น8 เปิดมาก็เจอเล้ยยย : )
ต่อๆๆ เอาให้คุ้มๆ ฮ่าๆ Tempozan Giant Ferris Wheel ชิงช้าสวรรค์ใหญ่อลังการมากค่ะ ที่นี่จะอยู่ติดกับ Osaka Aquarium Kaiyukan ด้วย ตามขึ้นมากันค่ะ เราเลือกแบบพื้นเป็นกระจก สามารถมองเห็นวิวด้านล่างได้ด้วย (หวาดเสียวววว) รอนานหน่อยเพราะมีไม่กี่อันค่ะ ตอนขึ้นไปคือสูงมากจริงๆค่ะ ผมนี่มองบนเลย ฮ่าๆ ไม่กล้ามองลงไปเลย ฮือออ ㅠ_ㅠ
*ใช้บัตร Osaka Amazing Pass ขึ้นฟรีค่า*
how to go: สถานี Osakako ทางออก 1 เดินตรงไป จะเห็นสะพานแขวนอยู่ด้านขวา ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นชิงช้าสวรรค์อันใหญ่บึ้ม ข้ามถนน1ที ถึงแล้ว! โหย ไปง่ายเว่อ : )
เย็นๆค่ำๆแบบนี้ ได้เวลาไปหาหนุ่มกูลิโกะแล้ววว ย่าน Shinsaibashi นั่นเอง เป็นอีกที่นึงที่ต้องมาให้ได้นะคะ แต่เรามาเร็วเกิน เค้ายังไม่เปิดไฟ เลยมากินปูรอ ฮี่ๆ จะบอกว่าเนื้อหวานมากกกก 700เยน ได้ปูมา2อัน
พี่บอกว่ามีร้านนึงซูชิถูกมาก อร่อยด้วย รีบเลยค่ะ ต่อคิวเลยค่ะ ชั่วโมงนึงค่ะ จิเป็นลมมมม เลยไปซื้อทาโกะยากิกินไปพลาง ต่อคิวเหมือนกัน แต่ได้เร็ว เราซื้อ12ลูก 760 เยน อร่อยอีกแล้ววว ฟินนนน >,< ร้านนี้อยู่ซอยเดียวกับร้านปูเลย เดินตรงไป ร้านอยู่ซ้ายมือ จุดสังเกตคือปลาหมึกยักษ์
ปล. ส่วนใหญ่เราจะถ่ายหน้าร้านมาให้ดูน้า คือเราอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ฮ่าๆ
กินจนหมดก็ถึงคิวซูชิพอดีเลย ร้านนี้จะเป็นซูชิสายพาน จานละ135เยนทุกจาน! ตกจานละ40บาท! ถูกไปอีก ดีไปอี๊กกก แซลมอนดี๊ดีอร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำมาก บนโต๊ะมีน้ำร้อนให้กดฟรีแถมมีผงชาเขียวให้ใส่ชงกับน้ำร้อนด้วยค่ะ หอมมากกก ร้านนี้อยู่เลยร้านทาโกะมานิดนึง จุดสังเกตคือมือจกซูชิ (จกเนอะ เหมือนจกข้าวเหนียว)
กินอิ่มก็มืดพอดี ไปถ่ายรูปที่สะพานกูลิโกะกัน~~ มุมมหาชน มาแล้วก็อย่าลืมชูมือ2ข้างและยกขาซ้ายถ่ายรูปกันด้วยน้า อิอิ
ได้เวลาช็อปปิ้งแล้วค่า!!! ถนนทั้งเส้นจะเป็นร้านค้า ส่วนใหญ่จะขายพวกเครื่องสำอางค์และเสื้อผ้า มีร้านขนมนิดหน่อย เราว่าโดยรวมราคาถูกกว่าบ้านเราเยอะแต่อาจจะไม่ถูกที่สุดในโอซาก้าค่ะ เราไม่ค่อยอินกับคสอ.ญี่ปุ่นเท่าไหร่เลยไปหาไรนั่งกินรอดีกว่า ฮ่าๆ เจอ Cheese Tart ร้านดังค่ะ Pablo นั่นเอง เราสั่งแบบ Plain 680 เยนค่ะ เสิร์ฟพร้อมไอติม หวานๆเลี่ยนๆดีค่ะ คนอื่นเค้ากินอร่อย ทำไมเรากินแล้วเฉยๆ ฮ่าๆ ร้านอยู่ก่อนข้ามถนนมาร้านปู มองไปด้านซ้ายก็เจอแล้วค่ะ : )
how to go: สถานี Namba ทางออก 14 ออกมาแล้วเลี้ยวซ้ายซอยแรกเลยค่ะ เดินไปอีกนิดก็จะเจอทางตัดที่เป็นถนนช็อปปิ้งยาวๆ เลี้ยวซ้ายค่ะ ถนนเส้นนี้คือ Ebisu Bashi-Suji เดินตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอร้านปูอยู่ขวามือ เดินเลยร้านปูไปนิดนึงก็จะเจอสะพานกูลิโกะแล้วค่ะ : )
จบไปแล้วกับวันแรก ขอบอกเลยค่ะว่าร่างพัง เดินเยอะมาก กินเยอะมากเช่นกัน ฮ่าๆ วันที่ 2 จะไป Universal Studio Japan ค่า ฝากติดตามกันต่อด้วยน้า♡
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น