LPN ปีนี้ตั้งเป้ารายได้โต36% แตะ1.6 หมื่นลบ. เปิด 8โครงการ มูลค่า1.93 หมื่นลบ.

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  16  มกราคม  2558  )------  "โอภาส ศรีพยัคฆ์" กรรมการผู้จัดการ บมจ. แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ LPN   ตั้งเป้ารายได้โต36% แตะ1.6 หมื่นลบ. /ยอดขายโต 18% ที่ 2 หมื่นลบ. เปิด 8โครงการใหม่ มูลค่าโครงการ 1.93หมื่นลบ. ทั้งแนวราบ-สูง   มี Backlog 1.86 หมื่นลบ. รับรู้ปีนี้ 1.6 หมื่นลบ. ที่เหลือรับรู้ปี 59  และมีสินค้ารอขายราว 3.5 หมื่นลบ. แย้มปี 57 มียอดรับรู้ปี 57 ที่ 1.17 หมื่นลบ. -ยอดขาย 1.7 หมื่นลบ.

    นายโอภาส ศรีพยัคฆ์   กรรมการผู้จัดการ   บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จากัด (มหาชน)  LPN   เปิดเผยว่า  บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2558 เติบโต 36% มาอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท  คิดเป็นการเติบโต 18% จากปีก่อน โดยปีนี้จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 30% การเน้นควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย ซึ่งรักษาไม่ไว้ที่ไม่เกิน 12%
    อีกทั้ง บริษัทจะส่งมอบงานในปี 2558 ราว 1.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีโครงการที่แล้วเสร็จในปี 58 จำนวน 7 โครงการมูลค่ารวม 1.79 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จไตรมาส 1 จำนวน 1โครงการ และแล้วเสร็จในไตรมาส 2 จำนวน 2 โครงการ และไตรมาส 3 อีกจำนวน 2 โครงการ ส่วนไตรมาส 4 มีโครงการที่จะแล้วเสร็จอีก 2 โครงการ
    สำหรับปี 2558 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 8 โครงการ ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมคิดเป็นมูลค่ารวม 1.93 หมื่นล้านบาท   และทั้งปีน่าจะเปิดโครงการใหม่ได้ประมาณ 10-12 โครงการมูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการใหม่ที่บริษัทฯ จะเปิดในปี2558 ประกอบด้วย โครงการลุมพินี ซีวิว ชะอำ มูลค่าโครงการ 1,230 ล้านบาท , โครงการลุมพินี พาร์คบีช ชะอำ มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท , โครงการลุมพินีเพลส หัวหิน ซอย7 มูลค่าโครงการ 510 ล้านบาท, โครงการลุมพินี วิลล์ นครอินทร์-ริเวอร์วิว มูลค่าโครงการ 1,750 ล้านบาท, โครงการลุมพินี พาร์ค เพชรเกษม 98เฟส2 มูลค่าโครงการ1,850 ล้านบาท , โครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต- คลอง1 เฟส2 มูลค่าโครงการ 3,600 ล้านบาทและโครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ เทพรักษ์- ศรีนครินทร์ มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาซื้อที่ดินอีก 4 โครงการ มีมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท
     ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ(Backlog) อยู่ที่18,000 ล้านบาท  โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้14,000 ล้านบาท  และจะรับรู้รายได้ในปี2559 จำนวน 4,600 ล้านบาท
     ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าในมืออยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้ถึงปี2559 คาดว่าในปี 2558 จะรับรู้เป็นรายได้ จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท และอีก1.9 หมื่นล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปี2559  
    "LPN เป็นบริษัท ที่เติบโตแบบคงเส้นคงวา ตลอดเวลาที่ผานมารายได้รวมเติบโตทุกปี มีเพียงปีที่เเล้วที่โตต่ำกว่าเป้าที่คิดเอาไว้ เเต่มาปีนี้ผมก็สบายใจขึ้นรู้สึกหายเหนื่อย เพราะเรามีงานมือรองรับแล้ว ทำให้ความอึดอัดก็หายไประดับหนึ่ง"นายโอภาส กล่าว  
    นายโอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า งบลงทุนปีนี้วางไว้ที่  4 พันล้านบาท  เป็นงบลงทุนปกติต่อปี โดยใช้ซื้อที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการใหม่  อย่างไรก็ตาม  บริษัทฯ กระจายความเสี่ยงโดยการไปพัฒนาโครงการแนวราบ เพราะมีบริษัทลูกที่สร้างผลตอบแทนได้ดีในโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ
    "คาดดีมานด์คอนฯ ยังมีต่อเนื่องในช่วง5ปีจากนี้  เนื่องจากราคาที่ดินมีแนวโน้มขยับสูงขึ้นส่งผลให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นไปยากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจำนวนยูนิตของตลาดคอนโดรวมมีการพัฒนาขึ้นมา 8 หมื่นยูนิตในปี 2558 จากปีก่อนที่ 7.8 หมื่นยูนิต  "นายโอภาส กล่าว  
    อย่างไรก็ดี ยอดปฏิเสธไตรมาส 4/57 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 12-15% จากเดิมที่ 8% หลังหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้ได้รับผลกระทบดังกล่าวบ้าง นอกจากนี้ยังทำให้ธนาคารพาณิชย์รัดกุมในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
    นายโอภาส  กล่าวอีกว่า บริษัทฯ คาดยอดรับรู้รายได้ในปี 2557 จะอยู่ที่ 1.17 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท
    ช่วงเช้า 15 ม.ค. 58 LPN แจ้งการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนา โครงการบริเวณถนนนครอินทร์ จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ 3,249.5 ตารางวา ราคา 242,426,000 บาท โดยจะชำระเงินสดทั้งหมดในวันโอนกรรมสิทธิ์ แหล่งเงินทุนจากผลกำไรจากการดาเนินงาน และจากสถาบันการเงิน
    ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียน1 บริษัทจะพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยสูง 25 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 2 หลัง2 จำนวนยูนิต ประมาณ 1,550 ยูนิต3 มูลค่าของโครงการ ประมาณ 1,700 ล้านบาท4 ระยะเวลาการขายและการพัฒนาโครงการประมาณ 18 เดือน โดยเริ่มการขายภายในปี2558 เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ และรับรู้รายได้ ใน ไตรมาส 4 ของปี 25596 ผลตอบแทนเบื้องต้น ประมาณร้อยละ 30%


    ปิดการซื้อขายวันนี้ ราคาหุ้น LPN อยู่ที่  22.30 บาท ลดลง0.40 บาท หรือ 1.76% มูลค่าการซื้อขาย 50.24 ล้านบาท
    ---จบ---
    



( ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์ เรียบเรียง ;โทร 02-664-4451-2 อีเมล์: reporter@hooninside.com  )



ที่มา: หุ้นอินไซด์

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  หุ้น Fundamental Analysis การลงทุน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่