คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 72
มาแชร์ ปสก. ส่วนตัวละกันนะครับ
ก่อนแชร์ขอเล่า background ก่อนนะครับ ผมจบมัธยมต้นจากรร.คริสต์ชื่อดัง กะมัธยมปลายรร.รัฐบาลชื่อเสียงปานกลาง แต่จบป.ตรีจากมหาลัยรัฐชั้นนำคณะที่เป็นหลักสูตรอินเตอร์ ตอนป.ตรีทำกิจกรรมเยอะครับ มีเพื่อนที่เป็นเด็กในคณะอินเตอร์เป็นร้อยคนในหลายคณะของมหาลัย มาจากทุกประเภทโรงเรียนเลย ตั้งแต่ เด็กทุนหลายคนที่ได้ทุนเรียนดีมาจากครอบครัวยากจนจากหลายภาคของประเทศไทย เด็กไทยจากรร.รัฐดังๆ เช่น สวนกุหลาบ สตรีวิทย์ มหิดลฯ สาธิตต่างๆ เด็กไทยรร.คริสต์ชื่อดัง เช่น เซนต์โยฯ เซนต์ฟรังฯ กรุงเทพคริสเตียน อัสสัม รวมถึงรร.เอกชนและรัฐอื่นๆ ที่ไม่ได้โด่งดังมากนักรวมถึง รร.จากต่างจังหวัดด้วย สุดท้ายก็พวกเด็กอินเตอร์ทั้งมาจากต่างประเทศจบจากเมกา อังกฤษ สิงคโปร์มา รวมถึงอินเตอร์ในไทยทั้งดังและไม่ดัง มีตั้งแต่ Harrow, ISB, Bangkok Pattana, RIS, Trails, NIST, etc.
สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่าแตกต่างชัดเจนมากระหว่างเด็กรร.ไทย กับ รร.อินเตอร์ คือ การพึ่งพาตัวเองและช่วยเหลือตัวเองในเรื่องต่างๆ ที่เด็กอินเตอร์นั้นเด่นชัดกว่ามากครับ เด็กอินเตอร์แทบจะทั้งหมดทั้งเรียนเก่งและไม่เก่งนั้นพยายามจะดิ้นรน หาหนทางออกให้ตัวเองอยู่ตลอด อาจจะมีที่เป๋ไปบ้างแต่สุดท้ายแล้วด้วยนิสัยบางส่วนที่ถูกปลูกฝังมาจาก รร.เหล่านั้นรวมถึงความสามารถทางภาษาและคอนเนคชั่นที่กว้างมากๆที่ไม่ได้มีอยู่แค่ในไทย มักจะทำให้เขามีทางออกที่ดีให้กับชีวิตได้เสมอๆเลย ยังไม่เห็นเพื่อนเด็กอินเตอร์คนไหนตอนนี้ที่มีการงานหรือชีวิตที่ย่ำแย่เลย (แบบไม่ได้พึ่งพ่อแม่ด้วย) หลายคนที่ไม่เก่งวิชาการเลยก็ไปสอนภาษา หางานแปลกๆบางอย่างทำ หรือไม่ก็ไปหางานทำที่ต่างประเทศไป ส่วนพวกคนเก่งๆนี่ไปไกลมากแบบระดับโลกแบบน่าปลื้มใจแทนพ่อแม่สุดๆ ได้ทุนไปเรียนต่อมหาลัยดังๆ ทำงานจนเป็น VP, Director ในต่างประเทศ รายได้ 8-9 หลักไปแล้ว แถมบริษัทที่เมืองนอกก็ส่งไปเรียนปริญญาใบอื่นๆ เพิ่มอยู่เรื่อยๆ บางคนทำงานเก็บเงินได้ก่อตั้งกิจการจนตอนนี้มีแผนจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศไปแล้ว โลกของคนพวกนี้มันใหญ่กว่าเด็กไทยอย่างผมมากเลย ทั้งๆ ที่ในไทยนี่ผมก็คิดว่าผมประสบความสำเร็จในระดับนึงเหมือนกัน
ส่วนเรื่องนิสัยอื่นๆ นี่ ผมมองว่าอยู่ที่ครอบครัวเป็นหลักเลยครับ เพื่อนสนิทผมที่มาจากตปท หรือมาจากรร.อินเตอร์แทบจะทั้งหมด นิสัยดี ตรงไปตรงมา ไม่แอ๊บ ไม่มโน ไม่โชว์ความรวยใดๆ เวลาเที่ยวช้อปปิ้งหรือทำกิจกรรมอื่นใดก็แบบไม่ได้อวดอะไรกัน หลายอย่างมันอาจจะดูแพงแต่เขาไม่ได้คิดจะมาอวดใครเหมือนมันเป็นธรรมชาติของสังคมของพวกเขา แต่หลายๆ คนก็จะดูเกรียนฮาๆ กล้าแสดงออกที่ดูแล้วมันมากเกินไปในสายตาคนไทยทั่วไป (ผมก็เห็นเช่นนั้น สำหรับเพื่อนบางคนที่มันบ้าไปหน่อย) เรื่องพวกนี้คนอื่นภายนอกอาจจะมองว่าอวดรวยหรือเกรียนก็ไม่แปลกครับ ... แต่กลับกันผมมักจะเห็นเด็กที่ชอบอวด ชอบโชว์ หรือแบ๊วมโน นี่จะจากรร.คริสต์ชื่อดังซะเยอะครับเป็นกันทั้งชายหญิงเลย -_-'
ยิ่งตอนนี้ผมมีลูกเล็กที่เพิ่งเอาเข้ารร.อินเตอร์ไปได้ไม่นาน เวลาไปคุยกับพ่อแม่เด็กอื่นๆตามสถานที่ทำกิจกรรมข้างนอก พวกที่ชอบอวดเบ่งเด่นชัดมากกกนี่มาจาก รร.คริสต์ชื่อดังทั้งนั้น เลยไม่แปลกใจกับประสบการณ์ที่เจอตอนเรียนในมหาลัยเลย ส่วนพ่อแม่เพื่อนๆลูกผมที่มีทั้งดารา เป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์มาก่อนพวกนี้กลับถ่อมตน นิสัยดีไม่ถือตัวอย่างไม่น่าเชื่อ รวมถึงพ่อแม่เพื่อนสนิทผมเป็นสิบครอบครัวที่ลูกเรียนอินเตอร์หรือตปท. นั้นล้วนแต่ผู้ใหญ่ที่น่าเคารพทั้งสิ้น (แต่ผมถูกพ่อแม่สอนมาให้เลือกกลุ่มเพื่อนที่คบพอสมควรนะครับ) ส่วนเหตุผลที่ผมเอาลูกเข้า รร.อินเตอร์เพราะว่า ผมค่อนข้างประสบความสำเร็จในการงานพอสมควร ผมทำงานประจำ+ทำธุรกิจส่วนตัวกับต่างชาติ ดึงเงินดอลล่าร์เข้าไทยมาตลอด ตอนจบมาไม่นานก็เคยได้โอกาสไปเป็น expat ในประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่เป็นปี ได้ไปทำงานท่องเที่ยวอีกในหลายสิบประเทศ เห็นโลกมาพอสมควรและรู้ได้ในเวลาไม่นานนักว่า การศึกษาไทยโดยรวมนั้นอ่อนด้อยปนน่าสงสารมาก
ทั้งนี้ผมเคยดีลธุรกิจกับคนไทย SME, OTOP มามากมายซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ผมปวดหัวกับตรรกะของคนทำธุรกิจส่วนใหญ่ในไทยมาก เป็นตรรกะความคิดที่ไม่ได้นำพามาซึ่งการพัฒนาใดๆในระยะยาวเท่าไหร่ทั้งในระดับชุมชนและประเทศ ถ้าใครเคยทำธุรกิจกับคนฮ่องกงหรือสิงคโปร์น่าจะเข้าใจว่ากลยุทธ์การค้าเชิงพาณิชย์ของเรานี่มันเทียบชั้นพวกเขาไม่ได้จริงๆ ไม่ขอยกตัวอย่างในกระทู้นี้เพราะว่าจะยาวเกินและมีหลายเรื่องจริงๆ ... สุดท้ายผมก็พยายามสรุปด้วยตัวเองว่า ทั้งหลายทั้งปวงนั้นมาจากการศึกษาของไทยที่อ้างอิงการเมืองแล้วมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเข้าถึงข้อมูลในระดับสากลมีน้อยมาก ภาษายิ่งไม่ต้องพูดถึง ภาษาไทยเองวัยรุ่นสมัยนี้ยังใช้กันมั่วๆ อยู่เลย อนาคตวงการศึกษาไทยนี่ก็แทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสุดจะคาดเดาได้จริงๆ
ส่วนคนที่คิดว่าตัวเองก็เรียนรร.ไทยๆ ทั้งรร.วัดบ้าง รัฐบาลบ้าง เอกชนบ้าง (เช่นผมคนนึงละ) ถ้าลองพิจารณาสิ่งแวดล้อมแห่งกาลเวลาที่เปลี่ยนไปอาจจะมองภาพอะไรได้มากขึ้นนะครับ โลกปัจจุบันต่างจากโลกในอดีต 20-40 ปีก่อนมากมายนะครับ (อย่าว่าแต่ รร.วัดเลย แค่เสื่อผืนหมอนใบไม่เคยเรียนหนังสือเลยอย่างบรรพบุรุษชาวจีนสมัยก่อนยังร่ำรวยมหาศาลได้) การแข่งขันในโลกเศรษฐกิจรุนแรงกว่าอดีตอย่างเปรียบกันไม่ได้ ยังมีทั้งเรื่องการเมือง(ไทย -_-')ที่ฉุดรั้งสิ่งต่างๆ ลงคลองเสมอๆ จากเหตุผลที่พูดมาเลยทำให้รร.อินเตอร์เป็นทางออกที่ดีทางนึงสำหรับคนที่พอมีรายได้สนับสนุน แต่ต้องยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายแพง-แพงมาก ซึ่งไม่ได้รับประกันว่าจะคุ้มแต่หลายคนก็คิดว่าคุ้มที่จะเสี่ยงเพราะฐานะไม่ได้เดือดร้อน แต่ผมกล้าพูดว่า มาตรฐานของรร.อินเตอร์ไทยชั้นนำนี่ไม่แพ้ รร.เอกชนดังๆ ในอังกฤษหรืออเมริกาเลย เรื่องแบบนี้ต้องไปดูเองครับ(สำหรับท่านที่หาโอกาสได้นะ) ไปเยี่ยมชมรร. ดูหลักสูตรการสอน ดูไพรไฟล์อาจารย์ ดูสถานที่ ดูอันดับมหาวิทยาลัยที่เด็กเข้าศึกษาต่อซึ่งทำผมอึ้งทึ่งไปหลายครั้งแล้ว
ปล. ในวงการเศรษฐกิจโลกนั้น รร.นานาชาติมีผลค่อนข้างมากในการกระจายความรู้ ประสบการณ์และวิทยาการในด้านต่างๆ รวมถึงมีผลอย่างมากในการเลือกลงทุนของต่างชาติ (ชาวต่างชาติระดับ Executive นี่ ถ้าไม่มีรร.ดีๆให้ลูกเขามาเรียนที่ไทย เขาไม่อยากมาเลยนะครับ) ที่พูดแบบนี้เพราะทำงานทำธุรกิจกับชาวต่างชาติในระดับ Executive มาเยอะ (ธุรกิจด้าน IT กะ Wholesale) รวมทั้งร่วมเสวนากับชาวต่างชาติจากสมาคมหอการค้าของประเทศต่างๆอยู่เป็นประจำ
ปล. 2 แนะนำให้หาข้อมูลเพิ่มจากสังคมชาว expat ที่ทำงานในไทยจากเวบ thaivisa.com นะครับ มีมุมมองความรู้อีกมากมายจากประชาคมโลกที่เขามองการศึกษาของไทยเราว่าจะเป็นยังไงในอนาคตรวมถึงวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันด้วย (อย่าไปสนใจอดีตเลยครับ -_-')
ก่อนแชร์ขอเล่า background ก่อนนะครับ ผมจบมัธยมต้นจากรร.คริสต์ชื่อดัง กะมัธยมปลายรร.รัฐบาลชื่อเสียงปานกลาง แต่จบป.ตรีจากมหาลัยรัฐชั้นนำคณะที่เป็นหลักสูตรอินเตอร์ ตอนป.ตรีทำกิจกรรมเยอะครับ มีเพื่อนที่เป็นเด็กในคณะอินเตอร์เป็นร้อยคนในหลายคณะของมหาลัย มาจากทุกประเภทโรงเรียนเลย ตั้งแต่ เด็กทุนหลายคนที่ได้ทุนเรียนดีมาจากครอบครัวยากจนจากหลายภาคของประเทศไทย เด็กไทยจากรร.รัฐดังๆ เช่น สวนกุหลาบ สตรีวิทย์ มหิดลฯ สาธิตต่างๆ เด็กไทยรร.คริสต์ชื่อดัง เช่น เซนต์โยฯ เซนต์ฟรังฯ กรุงเทพคริสเตียน อัสสัม รวมถึงรร.เอกชนและรัฐอื่นๆ ที่ไม่ได้โด่งดังมากนักรวมถึง รร.จากต่างจังหวัดด้วย สุดท้ายก็พวกเด็กอินเตอร์ทั้งมาจากต่างประเทศจบจากเมกา อังกฤษ สิงคโปร์มา รวมถึงอินเตอร์ในไทยทั้งดังและไม่ดัง มีตั้งแต่ Harrow, ISB, Bangkok Pattana, RIS, Trails, NIST, etc.
สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่าแตกต่างชัดเจนมากระหว่างเด็กรร.ไทย กับ รร.อินเตอร์ คือ การพึ่งพาตัวเองและช่วยเหลือตัวเองในเรื่องต่างๆ ที่เด็กอินเตอร์นั้นเด่นชัดกว่ามากครับ เด็กอินเตอร์แทบจะทั้งหมดทั้งเรียนเก่งและไม่เก่งนั้นพยายามจะดิ้นรน หาหนทางออกให้ตัวเองอยู่ตลอด อาจจะมีที่เป๋ไปบ้างแต่สุดท้ายแล้วด้วยนิสัยบางส่วนที่ถูกปลูกฝังมาจาก รร.เหล่านั้นรวมถึงความสามารถทางภาษาและคอนเนคชั่นที่กว้างมากๆที่ไม่ได้มีอยู่แค่ในไทย มักจะทำให้เขามีทางออกที่ดีให้กับชีวิตได้เสมอๆเลย ยังไม่เห็นเพื่อนเด็กอินเตอร์คนไหนตอนนี้ที่มีการงานหรือชีวิตที่ย่ำแย่เลย (แบบไม่ได้พึ่งพ่อแม่ด้วย) หลายคนที่ไม่เก่งวิชาการเลยก็ไปสอนภาษา หางานแปลกๆบางอย่างทำ หรือไม่ก็ไปหางานทำที่ต่างประเทศไป ส่วนพวกคนเก่งๆนี่ไปไกลมากแบบระดับโลกแบบน่าปลื้มใจแทนพ่อแม่สุดๆ ได้ทุนไปเรียนต่อมหาลัยดังๆ ทำงานจนเป็น VP, Director ในต่างประเทศ รายได้ 8-9 หลักไปแล้ว แถมบริษัทที่เมืองนอกก็ส่งไปเรียนปริญญาใบอื่นๆ เพิ่มอยู่เรื่อยๆ บางคนทำงานเก็บเงินได้ก่อตั้งกิจการจนตอนนี้มีแผนจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศไปแล้ว โลกของคนพวกนี้มันใหญ่กว่าเด็กไทยอย่างผมมากเลย ทั้งๆ ที่ในไทยนี่ผมก็คิดว่าผมประสบความสำเร็จในระดับนึงเหมือนกัน
ส่วนเรื่องนิสัยอื่นๆ นี่ ผมมองว่าอยู่ที่ครอบครัวเป็นหลักเลยครับ เพื่อนสนิทผมที่มาจากตปท หรือมาจากรร.อินเตอร์แทบจะทั้งหมด นิสัยดี ตรงไปตรงมา ไม่แอ๊บ ไม่มโน ไม่โชว์ความรวยใดๆ เวลาเที่ยวช้อปปิ้งหรือทำกิจกรรมอื่นใดก็แบบไม่ได้อวดอะไรกัน หลายอย่างมันอาจจะดูแพงแต่เขาไม่ได้คิดจะมาอวดใครเหมือนมันเป็นธรรมชาติของสังคมของพวกเขา แต่หลายๆ คนก็จะดูเกรียนฮาๆ กล้าแสดงออกที่ดูแล้วมันมากเกินไปในสายตาคนไทยทั่วไป (ผมก็เห็นเช่นนั้น สำหรับเพื่อนบางคนที่มันบ้าไปหน่อย) เรื่องพวกนี้คนอื่นภายนอกอาจจะมองว่าอวดรวยหรือเกรียนก็ไม่แปลกครับ ... แต่กลับกันผมมักจะเห็นเด็กที่ชอบอวด ชอบโชว์ หรือแบ๊วมโน นี่จะจากรร.คริสต์ชื่อดังซะเยอะครับเป็นกันทั้งชายหญิงเลย -_-'
ยิ่งตอนนี้ผมมีลูกเล็กที่เพิ่งเอาเข้ารร.อินเตอร์ไปได้ไม่นาน เวลาไปคุยกับพ่อแม่เด็กอื่นๆตามสถานที่ทำกิจกรรมข้างนอก พวกที่ชอบอวดเบ่งเด่นชัดมากกกนี่มาจาก รร.คริสต์ชื่อดังทั้งนั้น เลยไม่แปลกใจกับประสบการณ์ที่เจอตอนเรียนในมหาลัยเลย ส่วนพ่อแม่เพื่อนๆลูกผมที่มีทั้งดารา เป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์มาก่อนพวกนี้กลับถ่อมตน นิสัยดีไม่ถือตัวอย่างไม่น่าเชื่อ รวมถึงพ่อแม่เพื่อนสนิทผมเป็นสิบครอบครัวที่ลูกเรียนอินเตอร์หรือตปท. นั้นล้วนแต่ผู้ใหญ่ที่น่าเคารพทั้งสิ้น (แต่ผมถูกพ่อแม่สอนมาให้เลือกกลุ่มเพื่อนที่คบพอสมควรนะครับ) ส่วนเหตุผลที่ผมเอาลูกเข้า รร.อินเตอร์เพราะว่า ผมค่อนข้างประสบความสำเร็จในการงานพอสมควร ผมทำงานประจำ+ทำธุรกิจส่วนตัวกับต่างชาติ ดึงเงินดอลล่าร์เข้าไทยมาตลอด ตอนจบมาไม่นานก็เคยได้โอกาสไปเป็น expat ในประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่เป็นปี ได้ไปทำงานท่องเที่ยวอีกในหลายสิบประเทศ เห็นโลกมาพอสมควรและรู้ได้ในเวลาไม่นานนักว่า การศึกษาไทยโดยรวมนั้นอ่อนด้อยปนน่าสงสารมาก
ทั้งนี้ผมเคยดีลธุรกิจกับคนไทย SME, OTOP มามากมายซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ผมปวดหัวกับตรรกะของคนทำธุรกิจส่วนใหญ่ในไทยมาก เป็นตรรกะความคิดที่ไม่ได้นำพามาซึ่งการพัฒนาใดๆในระยะยาวเท่าไหร่ทั้งในระดับชุมชนและประเทศ ถ้าใครเคยทำธุรกิจกับคนฮ่องกงหรือสิงคโปร์น่าจะเข้าใจว่ากลยุทธ์การค้าเชิงพาณิชย์ของเรานี่มันเทียบชั้นพวกเขาไม่ได้จริงๆ ไม่ขอยกตัวอย่างในกระทู้นี้เพราะว่าจะยาวเกินและมีหลายเรื่องจริงๆ ... สุดท้ายผมก็พยายามสรุปด้วยตัวเองว่า ทั้งหลายทั้งปวงนั้นมาจากการศึกษาของไทยที่อ้างอิงการเมืองแล้วมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเข้าถึงข้อมูลในระดับสากลมีน้อยมาก ภาษายิ่งไม่ต้องพูดถึง ภาษาไทยเองวัยรุ่นสมัยนี้ยังใช้กันมั่วๆ อยู่เลย อนาคตวงการศึกษาไทยนี่ก็แทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสุดจะคาดเดาได้จริงๆ
ส่วนคนที่คิดว่าตัวเองก็เรียนรร.ไทยๆ ทั้งรร.วัดบ้าง รัฐบาลบ้าง เอกชนบ้าง (เช่นผมคนนึงละ) ถ้าลองพิจารณาสิ่งแวดล้อมแห่งกาลเวลาที่เปลี่ยนไปอาจจะมองภาพอะไรได้มากขึ้นนะครับ โลกปัจจุบันต่างจากโลกในอดีต 20-40 ปีก่อนมากมายนะครับ (อย่าว่าแต่ รร.วัดเลย แค่เสื่อผืนหมอนใบไม่เคยเรียนหนังสือเลยอย่างบรรพบุรุษชาวจีนสมัยก่อนยังร่ำรวยมหาศาลได้) การแข่งขันในโลกเศรษฐกิจรุนแรงกว่าอดีตอย่างเปรียบกันไม่ได้ ยังมีทั้งเรื่องการเมือง(ไทย -_-')ที่ฉุดรั้งสิ่งต่างๆ ลงคลองเสมอๆ จากเหตุผลที่พูดมาเลยทำให้รร.อินเตอร์เป็นทางออกที่ดีทางนึงสำหรับคนที่พอมีรายได้สนับสนุน แต่ต้องยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายแพง-แพงมาก ซึ่งไม่ได้รับประกันว่าจะคุ้มแต่หลายคนก็คิดว่าคุ้มที่จะเสี่ยงเพราะฐานะไม่ได้เดือดร้อน แต่ผมกล้าพูดว่า มาตรฐานของรร.อินเตอร์ไทยชั้นนำนี่ไม่แพ้ รร.เอกชนดังๆ ในอังกฤษหรืออเมริกาเลย เรื่องแบบนี้ต้องไปดูเองครับ(สำหรับท่านที่หาโอกาสได้นะ) ไปเยี่ยมชมรร. ดูหลักสูตรการสอน ดูไพรไฟล์อาจารย์ ดูสถานที่ ดูอันดับมหาวิทยาลัยที่เด็กเข้าศึกษาต่อซึ่งทำผมอึ้งทึ่งไปหลายครั้งแล้ว
ปล. ในวงการเศรษฐกิจโลกนั้น รร.นานาชาติมีผลค่อนข้างมากในการกระจายความรู้ ประสบการณ์และวิทยาการในด้านต่างๆ รวมถึงมีผลอย่างมากในการเลือกลงทุนของต่างชาติ (ชาวต่างชาติระดับ Executive นี่ ถ้าไม่มีรร.ดีๆให้ลูกเขามาเรียนที่ไทย เขาไม่อยากมาเลยนะครับ) ที่พูดแบบนี้เพราะทำงานทำธุรกิจกับชาวต่างชาติในระดับ Executive มาเยอะ (ธุรกิจด้าน IT กะ Wholesale) รวมทั้งร่วมเสวนากับชาวต่างชาติจากสมาคมหอการค้าของประเทศต่างๆอยู่เป็นประจำ
ปล. 2 แนะนำให้หาข้อมูลเพิ่มจากสังคมชาว expat ที่ทำงานในไทยจากเวบ thaivisa.com นะครับ มีมุมมองความรู้อีกมากมายจากประชาคมโลกที่เขามองการศึกษาของไทยเราว่าจะเป็นยังไงในอนาคตรวมถึงวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันด้วย (อย่าไปสนใจอดีตเลยครับ -_-')
ความคิดเห็นที่ 52
เลือกนานาชาติครับ (ส่งแล้วจริง)
เรื่องสังคมฟรุ้งฟริ้ง สาธิตกับนานาชาติเดี๋ยวนี้ แทบไม่แตกต่างกันแล้วครับ
เรื่องวิชาการ อินเตอร์จะอ่อนกว่าจริงครับ ไม่เร่ง ตามวัย
เรื่องสัมมาคาราเต้ มันมักจะสวนทางกับการกล้าแสดงออก เรียกรวมๆว่า เด็กอาจจะเกรียนแต่กล้าแสดงออก
ถ้าต้องเลือกอันใดอันหนึ่ง ผมยอมให้ลูกเกรียนนิดๆ แต่ไม่หงอ เวลาถูกถาม กล้าตอบเสียงดังๆดีกว่าตอบหงอยๆ กล้าเถียงกลับ ดีกว่าครับๆๆๆไปเรื่อย
เรื่องเรียนแล้วมีความสุข อินเตอร์ชนะขาดลอย (ความเห็นส่วนตัว อย่าถามหาหลักฐาน)
เรื่องภาษา ภาษาไทยผมไม่ได้ต้องการให้ปึ้กระดับเซียน คำยากๆที่พวกเราใช้กันปีละไม่ถึง1ครั้ง ทิ้งๆมันไปเหอะ รกสมอง
ภาษาอังกฤษ ถ้าเรียนในรร.ไทย (สาธิต EP) ก็จะประสบปัญหาคือ อ่านเขียนอย่างปึ้ก ฟังพูดแทบไม่ได้เลย ซึ่งไร้ประโยชน์สิ้นดี (ผมเข้าข่ายนี้)
เรื่องหน้าที่การงานหลังจบ ไกลเกิน ยังไม่ได้คิด
สำคัญที่สุด ไม่แน่ใจว่าระบบการศึกษาไทย(สมัยนี้) ครูจะมีเวลามาสอนนักเรียนมากพอรึเปล่า (อ่านจากข่าว มโนเอาเอง แล้วกลัวขึ้นมา)
เรื่องสังคมฟรุ้งฟริ้ง สาธิตกับนานาชาติเดี๋ยวนี้ แทบไม่แตกต่างกันแล้วครับ
เรื่องวิชาการ อินเตอร์จะอ่อนกว่าจริงครับ ไม่เร่ง ตามวัย
เรื่องสัมมาคาราเต้ มันมักจะสวนทางกับการกล้าแสดงออก เรียกรวมๆว่า เด็กอาจจะเกรียนแต่กล้าแสดงออก
ถ้าต้องเลือกอันใดอันหนึ่ง ผมยอมให้ลูกเกรียนนิดๆ แต่ไม่หงอ เวลาถูกถาม กล้าตอบเสียงดังๆดีกว่าตอบหงอยๆ กล้าเถียงกลับ ดีกว่าครับๆๆๆไปเรื่อย
เรื่องเรียนแล้วมีความสุข อินเตอร์ชนะขาดลอย (ความเห็นส่วนตัว อย่าถามหาหลักฐาน)
เรื่องภาษา ภาษาไทยผมไม่ได้ต้องการให้ปึ้กระดับเซียน คำยากๆที่พวกเราใช้กันปีละไม่ถึง1ครั้ง ทิ้งๆมันไปเหอะ รกสมอง
ภาษาอังกฤษ ถ้าเรียนในรร.ไทย (สาธิต EP) ก็จะประสบปัญหาคือ อ่านเขียนอย่างปึ้ก ฟังพูดแทบไม่ได้เลย ซึ่งไร้ประโยชน์สิ้นดี (ผมเข้าข่ายนี้)
เรื่องหน้าที่การงานหลังจบ ไกลเกิน ยังไม่ได้คิด
สำคัญที่สุด ไม่แน่ใจว่าระบบการศึกษาไทย(สมัยนี้) ครูจะมีเวลามาสอนนักเรียนมากพอรึเปล่า (อ่านจากข่าว มโนเอาเอง แล้วกลัวขึ้นมา)
ความคิดเห็นที่ 20
อุปทานหมู่ล้วนๆ แต่ก็บอกไม่ได้ใครถูก-ผิด
ผมเลี้ยงตามหลักการของผมที่มโนเอาเอง
อนุบาล-ปฐมต้นเเอาไกล้บ้านสภาพแวดล้อมดีๆหน่อยค่าใช้จ่ายไม่แพง ผลอ่านออกเเขียนได้ + - * / คล่องภาษาพอใช้
ประถมปลาย-มัธยมต้น ไปอยู่พวกสองภาษาค่าใช้จ่ายพอไหวเทอมหนึ่ประมาณ3-3.5หมื่น ผลอ่านพูดเขียนพอใช้งานได้ทั้งสองภาษา สอบชิงทุนประเภทแลกเปลี่ยนได้
มัธยมปลายสอบเข้า รร.รัฐบาลมีชื่อเสียงดีสภาพแววดล้อมพอใช้ได้ไม่ไกลจากบ้านจนสาหัส ผลสอบตรงเข้าคณะและมหาวิยาลัยที่เขาต้องการได้
มหาวิทยาลัย ทั้งเรียน-กิจกรรม เอาหมด ตอนจบก็ได้เกียรตินิยมอันดับ1 อีกคนอยู่สถาปัตย์ปี4ยังไม่จบแต่ก็น่าจะได้เกียรตินิยมอันดับ2
ทำงานสมัครไปเขาก็เรียกไปทดสอบเกือบทุกที่แล้วส่วนใหญ่ก็ได้ ปัจจุบันก็ยังมีโทรมาให้ไปทำงานด้วย เขาเลือกทำในโรงงานเงินเดือนจิ๊บๆ
อนาคต เมื่อมีความเข้มเแข็ง รู้จักชีวิต และรับผิดชอบสามารถดูแลบุคลากรระดับต่างๆได้ ก็่ค่อยกลับมาดูแลกิจการเล็กๆของครอบครัวต่อไป(ถ้ายังอยากทำ)
ผมเลี้ยงตามหลักการของผมที่มโนเอาเอง
อนุบาล-ปฐมต้นเเอาไกล้บ้านสภาพแวดล้อมดีๆหน่อยค่าใช้จ่ายไม่แพง ผลอ่านออกเเขียนได้ + - * / คล่องภาษาพอใช้
ประถมปลาย-มัธยมต้น ไปอยู่พวกสองภาษาค่าใช้จ่ายพอไหวเทอมหนึ่ประมาณ3-3.5หมื่น ผลอ่านพูดเขียนพอใช้งานได้ทั้งสองภาษา สอบชิงทุนประเภทแลกเปลี่ยนได้
มัธยมปลายสอบเข้า รร.รัฐบาลมีชื่อเสียงดีสภาพแววดล้อมพอใช้ได้ไม่ไกลจากบ้านจนสาหัส ผลสอบตรงเข้าคณะและมหาวิยาลัยที่เขาต้องการได้
มหาวิทยาลัย ทั้งเรียน-กิจกรรม เอาหมด ตอนจบก็ได้เกียรตินิยมอันดับ1 อีกคนอยู่สถาปัตย์ปี4ยังไม่จบแต่ก็น่าจะได้เกียรตินิยมอันดับ2
ทำงานสมัครไปเขาก็เรียกไปทดสอบเกือบทุกที่แล้วส่วนใหญ่ก็ได้ ปัจจุบันก็ยังมีโทรมาให้ไปทำงานด้วย เขาเลือกทำในโรงงานเงินเดือนจิ๊บๆ
อนาคต เมื่อมีความเข้มเแข็ง รู้จักชีวิต และรับผิดชอบสามารถดูแลบุคลากรระดับต่างๆได้ ก็่ค่อยกลับมาดูแลกิจการเล็กๆของครอบครัวต่อไป(ถ้ายังอยากทำ)
แสดงความคิดเห็น
ถามคนที่มีกำลังทรัพย์พอ นะครับ ว่า เหตุผลอะไร ที่ทำให้ท่าน ไม่ส่ง ลูก เรียน โรงเรียน อินเตอร์ ดี ๆ ดัง ๆ
เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ไปปรึกษาเจ้านาย ว่าควรจะส่งลูกเรียน โรงเรียนสาธิต หรืออินเตอร์ แบบดัง ๆ (แถวๆ หลักสี่ ดอนเมือง) ดีไหม เจ้านายเชียร์เต็มที่ ว่าเป็นอินเตอร์ไปเลย ด้วยเหตุผล ความรู้ สังคม ฐานะ และ .......... ดีกว่า เรียนสาธิต หรือ คริสเตียน ดัง ๆ อยู่แล้ว
แต่มีเพื่อนอีกหลายคน ที่อยู่ในฐานะ ที่จะส่งให้เรียนแบบนั้นได้ ไม่เห็นพวก mon จะสนใจ อินเตอร์ชื่อดัง โปรไฟล์เพียบ แบบนั้น เห็น เน้นไปที่ สาธิต หรือไม่ ก็ โรงเรียน คริสเตียน ดัง ๆ มากกว่า
ก็ เลยอยากจะสอบถามความเห็นเพื่อน ๆ ว่า มีเหตุผลอะไร หรือเปล่าครับ ที่ พวกท่านจะไม่ส่งลูกเรียน อินเดอร์ดี ๆ ดัง ๆ (ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องกะตังค์)