เรื่องพระชนะคดีในโรงศาล แล้วเป็นอาบัติปราชิก...ต้องตีความให้ดีๆ ไม่งั้นจะเข้าใจผิด สับสนเลอะเทอะ

ต้องทำความเข้าใจให้ดี   ไม่งั้นจะสับสน  ..ในกรณีข้อความว่า  พระชนะคดีในโรงศาล แล้วเป็นอาบัติปราชิก  นั่นหมายถึง พระไปตู่เพื่อฉ้อโกงเอาทรัพย์สินของชาวบ้าน ... จนต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลกัน แล้วพระชนะคดี  ได้ทรัพย์สินนั้นมาเป็นสมบัติของตน   แบบนี้ก็คือพระไปฉ้อโกงเขามานั่นเอง ขาดความยุติธรรมและเหตุผล  จึงเป็นอาบัติปราชิก

แต่ถ้าทรัพย์สินนั้นเป็นของพระอยู่ก่อน  แล้วมีชาวบ้านขี้โกงมาตู่เอาทรัพย์สินนั้น    ฟ้องร้องจนถึงขั้นขึ้นโรงศาล แล้วพระก็ปกป้องทรัพย์สินของตน ไปขึ้นโรงขึ้นศาลจนพระชนะคดี ไม่ต้องสูญเสียทรัพย์สิน  แบบนี้ไม่ถือว่าพระเป็นอาบัติปราชิก

อ่านแล้วควรตีความให้ถูกต้อง  ไม่งั้นจะเข้าใจผิดมั่วซั่วสับสนจนเลอะเทอะ

   ---------------------------------------------------------

การอ่านวินัยบัญญัติต่างๆ  ควรต้องอ่านอนุบัญญัติและคำอธิบาย  และข้อแยกย่อยรายละเอียดต่างๆที่ตามมาให้ครบถ้วน ด้วย ...  ไม่ใช่อ่านแต่หัวข้อบัญญัติ  ทำนองเดียวกับการเรียนกฏหมายนั่นแหละ

หรืออย่างกรณีพระรับเงิน  ได้หรือไม่  ที่ชอบเถียงกันมาเรื่อยๆ  นั่นก็ควรไปอ่านรายละเอียดของวินัยข้อนี้ก่อนที่จะนึกมโนตัดสินใจเอาเองแบบผิดๆ
ใครอ่านเอาแต่หัวข้อบัญญัติเบื้องต้นที่เป็นอาทิกัมมะ แค่นั้น  ก็จะไม่เข้าใจ  จะตีความผิด กลายเป็นคนแต่กลับมีสมองกระบือ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาพุทธ พระไตรปิฎก
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่