• ชื่อของ “ Lazarus ” นั้นเป็นการอ้างอิงถึง “ นักบุญลาซารัส ” ซึ่งเป็นบุคคลที่พระเยซูทรงชุบชีวิตขึ้นมา หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว 4 วัน
• ในช่วงตอนท้ายของตัวอย่างภาพยนตร์ เราจะเห็นภาพของคำว่า “ John 11 ” (ยอห์น 11) กระพริบขึ้นมา ซึ่งเมื่อลองไปเปิดดูในคัมภีร์ไบเบิลแล้วก็จะพบว่า ... “ ยอห์น 11 ” นั้นเป็นบทซึ่งพูดถึงเรื่องราวของพระเยซูที่ทำให้ลาซารัสฟื้นคืนชีพขึ้นมา
( ลองคลิกดูตัวอย่างกันได้ อยู่ประมาณนาทีที่ 2:07 )
• เหล่านักแสดง และทีมงาน ร่วมกันถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเวลานาน 2 เดือน
• เพื่อให้สมบทบาทกับการต้องรับบทเป็นหญิงสาวที่ฟื้นขึ้นมาจากการทดลองปลุกความตาย อันมาพร้อมกับพลังอันตรายในร่างปีศาจ ! โอลิเวีย ไวลด์ จึงจำเป็นต้องใส่คอนแทคเลนส์สีดำในหลากหลายฉาก
• ก่อนที่ “ The Lazarus Effect ” จะกลายมาเป็นชื่อภาพยนตร์หลักที่ถูกใช้นั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยใช้ชื่อว่า Reawakening และ Lazarus มาก่อน
• 2 นักแสดงนำอย่าง โอลิเวีย ไวลด์ และ มาร์ค ดูปลาส แทบจะไม่เคยแสดงในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ หรือสยองขวัญเลยด้วยซ้ำ โดยผู้อำนวยการสร้างเจสัน บลูม (จากเฟรนไชส์ภาพยนตร์สุดฮิตอย่าง Paranormal Activity และ Insidious) ได้ออกมาพูดถึงประเด็นของการคัดเลือกนักแสดงไว้ว่า
“ สิ่งสำคัญในการจะทำให้ภาพยนตร์นั้นน่ากลัว ก็คือการที่คนดูต้องไม่มองว่าพวกเขาเหล่านั้นคือนักแสดง แต่ต้องมองว่าพวกเขาคือคนธรรมดาจริงๆ ดังนั้นผมจึงคิดว่าถ้าผู้ชมได้เห็นดาราที่แทบจะไม่เคยแสดงภาพยนตร์แนวสยองขวัญมาอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ นั่นจะทำให้ภาพยนตร์ดูสมจริง และน่ากลัวขึ้นอีกหลายเท่าตัว ”
• ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นการพลิกมากำกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญครั้งแรกในชีวิตของ เดวิด เกล์บ ผู้กำกับที่โด่งดังจากผลงานภาพยนตร์สารคดีมาสเตอร์พีซอย่าง “ Jiro Dreams of Sushi ”
• “ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น ” นั้นเคยเกิดจริงขึ้นมาแล้วทั่วโลก ! โดยผู้คนที่ฟื้นคืนจากความตายมานั้นมักจะกลับมาพร้อมกับเรื่องเล่าอันชวนขนหัวลุกมากมาย
The Lazarus Effect มีโปรแกรมเข้าฉายในบ้านเรา 26 กุมภาพันธ์นี้
เกร็ดน่ารู้ : ก่อนสัมผัสกับความสยองใน " The Lazarus Effect โปรเจกต์ชุบตาย "
• ชื่อของ “ Lazarus ” นั้นเป็นการอ้างอิงถึง “ นักบุญลาซารัส ” ซึ่งเป็นบุคคลที่พระเยซูทรงชุบชีวิตขึ้นมา หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว 4 วัน
• ในช่วงตอนท้ายของตัวอย่างภาพยนตร์ เราจะเห็นภาพของคำว่า “ John 11 ” (ยอห์น 11) กระพริบขึ้นมา ซึ่งเมื่อลองไปเปิดดูในคัมภีร์ไบเบิลแล้วก็จะพบว่า ... “ ยอห์น 11 ” นั้นเป็นบทซึ่งพูดถึงเรื่องราวของพระเยซูที่ทำให้ลาซารัสฟื้นคืนชีพขึ้นมา
( ลองคลิกดูตัวอย่างกันได้ อยู่ประมาณนาทีที่ 2:07 )
• เหล่านักแสดง และทีมงาน ร่วมกันถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเวลานาน 2 เดือน
• เพื่อให้สมบทบาทกับการต้องรับบทเป็นหญิงสาวที่ฟื้นขึ้นมาจากการทดลองปลุกความตาย อันมาพร้อมกับพลังอันตรายในร่างปีศาจ ! โอลิเวีย ไวลด์ จึงจำเป็นต้องใส่คอนแทคเลนส์สีดำในหลากหลายฉาก
• ก่อนที่ “ The Lazarus Effect ” จะกลายมาเป็นชื่อภาพยนตร์หลักที่ถูกใช้นั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยใช้ชื่อว่า Reawakening และ Lazarus มาก่อน
• 2 นักแสดงนำอย่าง โอลิเวีย ไวลด์ และ มาร์ค ดูปลาส แทบจะไม่เคยแสดงในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ หรือสยองขวัญเลยด้วยซ้ำ โดยผู้อำนวยการสร้างเจสัน บลูม (จากเฟรนไชส์ภาพยนตร์สุดฮิตอย่าง Paranormal Activity และ Insidious) ได้ออกมาพูดถึงประเด็นของการคัดเลือกนักแสดงไว้ว่า
“ สิ่งสำคัญในการจะทำให้ภาพยนตร์นั้นน่ากลัว ก็คือการที่คนดูต้องไม่มองว่าพวกเขาเหล่านั้นคือนักแสดง แต่ต้องมองว่าพวกเขาคือคนธรรมดาจริงๆ ดังนั้นผมจึงคิดว่าถ้าผู้ชมได้เห็นดาราที่แทบจะไม่เคยแสดงภาพยนตร์แนวสยองขวัญมาอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ นั่นจะทำให้ภาพยนตร์ดูสมจริง และน่ากลัวขึ้นอีกหลายเท่าตัว ”
• ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นการพลิกมากำกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญครั้งแรกในชีวิตของ เดวิด เกล์บ ผู้กำกับที่โด่งดังจากผลงานภาพยนตร์สารคดีมาสเตอร์พีซอย่าง “ Jiro Dreams of Sushi ”
• “ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้น ” นั้นเคยเกิดจริงขึ้นมาแล้วทั่วโลก ! โดยผู้คนที่ฟื้นคืนจากความตายมานั้นมักจะกลับมาพร้อมกับเรื่องเล่าอันชวนขนหัวลุกมากมาย
The Lazarus Effect มีโปรแกรมเข้าฉายในบ้านเรา 26 กุมภาพันธ์นี้