กระทู้นี้ไม่ติดแท็กศาสนาพุทธ เพราะจัดใว้พิเศษสำหรับพุทธขาประจำห้องอิสลาม
(ตอนที่ 1) เราเหลือเวลาอยู่เท่าไร??
ภาคที่แล้ว ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องราวที่ชาวพุทธส่วนมากนั้นไม่รู้หรือไม่เคยพานพบมาก่อนเลย ในเมื่อพระไตรปิฎกมีเนื้อหามากมายถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ ดังนั้น...การที่ใครสักคนหรือหลาย ๆ คนจะไม่รู้ไปทั้งหมดนั้น ผมจึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดครับ
หากแต่ในเมื่อตอนนี้ท่าน(ชาวพุทธทั้งหลาย)รู้แล้ว ต่อไปท่านต้องคิดให้ได้ว่า...ท่านสมควรจะทำอย่างไร ?? กับชีวิตและลมหายใจของท่านที่เหลืออยู่ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ท่านนั้นต้องเป็นผู้เลือกเองครับ ^^
ท่านทั้งหลายจะสังเกตว่าในหัวข้อ Topic ของกระทู้ คุณ Koperrierok ได้กล่าวว่า... และทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสลายไป ก็เพราะเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอย ๆ นั้น
เป็นการกล่าวถึงเรื่องของ ** หลักอทัปปัจจยตา ** ซึ่งเป็นเรื่องของเหตุปัจจัยของการเกิดปรากฎการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติ
ซึ่งบางท่านอาจจะมองดูเหมือนว่าผมไม่ได้กล่าวถึงหรือเน้นย้ำมันตั้งแต่ต้น(จริง ๆ แล้วกำลังอธิบายอยู่) ผมคิดว่า...หากเราไม่มีพื้นฐานความรู้ในธรรมชาติที่เป็นเรื่องใกล้ ๆ ตัวเรามากพอ ก็จะทำให้เกิดความรู้ที่ผิด(อวิชชา)ในการอธิบายเหตุผลที่เกิดขึ้นของสิ่งต่าง ๆ ได้
แม้แต่เรื่องที่สำคัญที่เป็นความหวังสุดท้ายของชาวพุทธที่มักจะกล่าวว่า...ขอให้เกิดมาพบกับพระศรีอารย์ทุกชาติ ๆ เทอญ...นั้น อาจจะไม่เป็นความจริงก็เป็นได้ ??
ท่านทั้งหลายครับ เป็นที่รู้กันในหมู่นักวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ทั่วไปว่าระบบสุริยะจักรวาล(Solar System)และโลก(Earth) ของเรานั้นได้ก่อตัวหรือฟอร์มตัวขึ้นมาเมื่อประมาณ 4,500 ล้านปี หรือประมาณ 4.5 x 10(ยกกำลัง 9) ปี
และนักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า...สุริยะจักรวาล(Solar System)และโลก(Earth) ของเรานั้นได้เดินทางในห้วงอวกาศมาถึงครึ่งหนึ่งของอายุขัยแล้วนับตั้งแต่ที่มันถูกอุบัติขึ้นมา
เราเหลือเวลาเท่าไร?? คำตอบก็คือ...ประมาณ 2.0 x 10(ยกกำลัง 9) ปี หรือ น้อยกว่านั้น ( เป็นเพียงตัวเลขที่ประมาณโดยการคำนวณตามหลักวิทยาศาสตร์เท่านั้น )
สุริยะจักรวาล(Solar System) และ โลก(Earth) ของเราก็จะพบจุดจบหรือกาลอวสานอย่างแน่นอน เป็นคำตอบสุดท้าย สำหรับนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ เมื่อถึงเวลานั้นจะไม่มีมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตใดที่จะยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้เลย
อะไรคือเหตุและผล??
สาเหตุหลักมาจาก 3 สาเหตุ นั่นก็คือ...
1. ดวงอาทิตย์(Sun) ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ในระบบสุริยะจักรวาล(Solar System) ของเราสิ้นอายุขัย นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ดวงอาทิตย์เราจะทำการเผาเชื้อเพลิงไฮโดรเจน(Hydrogen) เกิดปฏิกริยานิวเคลียร์ให้แสงสว่างและความอบอุ่นกับโลกของเราได้อีกประมาณครึ่งหนึ่งของช่วงชีวิตของมันเท่านั้น
ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะหมดอายุขัยลง จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดาวยักษ์แดง (red giant) ในอีกประมาณ 5,000 ล้านปี หรือ 5.0 x 10(ยกกำลัง 9) ปีหข้างหน้า โดยตัวของมันจะเย็นลงแต่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกราว 250 เท่าของขนาดปัจจุบัน ก่อนที่มันจะยุบตัวลงด้วยแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลของตัวมันเอง
และในวันนั้น...หากโลกของเราไม่ถูกดวงอาทิตย์กลืนหรือหลอมเข้าไปกับดวงอาทิตย์ ปริมาณน้ำหรือไอน้ำก็จะไม่มีเหลืออยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก เพราะ...มันจะระเหิดออกไปในห้วงอวกาศทั้งหมดเลยทีเดียว และโลกของเราจะกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ตายซากในที่สุด
วันนั้นบางท่านอาจจะบอกว่า...เราจะได้เห็นพระอาทิตย์อยู่ห่างจากศีรษะของเราแค่คืบ ไม่ใช่นะครับ เป็นคนละเหตุการณ์กันครับ ^^"
และถ้าหากมาดแม้นครั้งนี้โชคดีหน่อย หากยังไม่ถึงกาลดับสูญ(นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า)เราจะพบกับ...
2. การพุ่งชนกับแกแล็กซี่แอนโดรเมดา(Andromeda Galaxy) ซึ่งเป็นแกแล็กซี่ที่อยู่ห่างจากเราประมาณ 2.5 ล้านปีแสง นักดาราศาสตร์คำนวณว่าแกแล็กซี่ทางช้างเผือก(Milky way galaxy) ของเราจะเข้าชนกับแกแล็กซี่แอนโดรเมดาอีกประมาณ 2,000 ล้านปี หรือ 2.0 x 10 (ยกกำลัง 9) ปี ข้างหน้านี้ ซึ่งแล็กซี่ทั้งสอง กำลังพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วประมาณ 500,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อ้างอิงข้อมูลจากเวป
http://www.marinerthai.com/sara/view.php?No=1225
และที่แย่กว่านั้น...
3.บิ๊กครันซ์ (Big Crunch) การยุบตัวของเอกภพ และจะเกิดปรากฎการณ์บดขยี้เหมือนอย่างที่เคยถูกกล่าวถึงในอัลกุรอาน จนกลับไปสภาพที่ก่อนที่มันเคยถือกำเนิดมา
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าปรากฎการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการค้นพบสสารมืด(Dark Matter)ในเอกภพเท่านั้น!!
และขณะนี้นักวิทยาศาสตร์...ก็ได้ค้นพบมันแล้ว!! แต่บิ๊กครันซ์ (Big Crunch) จะเกิดขึ้นเมื่อไรนั้น ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้นอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น วัลลอฮุอะลัม
ท่านทั้งหลายสามารถหาความรู้เกี่ยวกับสสารมืด (Dark Matter) เพิ่มเติมได้จาก...
http://th.wikipedia.org/wiki/สสารมืด
จากสาเหตุข้างต้น ตามหลักวิทยาศาสตร์สามารถสรุปได้ว่า...สุริยะจักรวาล(Solar System)และโลก(Earth) จะถึงกาลอวสานอีกในระยะเวลาประมาณ 2.0 x 10(ยกกำลัง 9 ) ปี ข้างหน้า หรือน้อยกว่านั้น!!
จากระยะเวลาที่เหลือดังกล่าว หากเรานำมันมาเปรียบเทียบกับระยะเวลาที่จะเกิดปรากฎการณ์ล้างโลกด้วยไฟตามคำทำนายของตถาคตใน ** สุริยะสูตร ** (ชาวพุทธเชื่อว่า...ใน 1 มหากัปรอบใหญ่ โลกจะมีมหากัปที่ถูกล้างด้วยไฟ น้ำ และ ลม )
และการถือกำเนิดของพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้ นาม ** อริยเมตไตรย ** ที่ชาวพุทธทั้งหลายต่างรอคอย ผลจะเป็นอย่างไร?? คุณ Koperrierok และชาวพุทธทั้งหลายทราบไหมครับ??
อินชาอัลลอฮฺ เตรียมพบกับเรื่องน่าเศร้าตอนต่อไป...การรอคอยที่สูญเปล่า
Tripitaka Exposed...เขาว่า...พระองค์ตรัสรู้ (เราเหลือเวลาอยู่เท่าไร??)
(ตอนที่ 1) เราเหลือเวลาอยู่เท่าไร??
ภาคที่แล้ว ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องราวที่ชาวพุทธส่วนมากนั้นไม่รู้หรือไม่เคยพานพบมาก่อนเลย ในเมื่อพระไตรปิฎกมีเนื้อหามากมายถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ ดังนั้น...การที่ใครสักคนหรือหลาย ๆ คนจะไม่รู้ไปทั้งหมดนั้น ผมจึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดครับ
หากแต่ในเมื่อตอนนี้ท่าน(ชาวพุทธทั้งหลาย)รู้แล้ว ต่อไปท่านต้องคิดให้ได้ว่า...ท่านสมควรจะทำอย่างไร ?? กับชีวิตและลมหายใจของท่านที่เหลืออยู่ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ท่านนั้นต้องเป็นผู้เลือกเองครับ ^^
ท่านทั้งหลายจะสังเกตว่าในหัวข้อ Topic ของกระทู้ คุณ Koperrierok ได้กล่าวว่า... และทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสลายไป ก็เพราะเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอย ๆ นั้น
เป็นการกล่าวถึงเรื่องของ ** หลักอทัปปัจจยตา ** ซึ่งเป็นเรื่องของเหตุปัจจัยของการเกิดปรากฎการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติ
ซึ่งบางท่านอาจจะมองดูเหมือนว่าผมไม่ได้กล่าวถึงหรือเน้นย้ำมันตั้งแต่ต้น(จริง ๆ แล้วกำลังอธิบายอยู่) ผมคิดว่า...หากเราไม่มีพื้นฐานความรู้ในธรรมชาติที่เป็นเรื่องใกล้ ๆ ตัวเรามากพอ ก็จะทำให้เกิดความรู้ที่ผิด(อวิชชา)ในการอธิบายเหตุผลที่เกิดขึ้นของสิ่งต่าง ๆ ได้
แม้แต่เรื่องที่สำคัญที่เป็นความหวังสุดท้ายของชาวพุทธที่มักจะกล่าวว่า...ขอให้เกิดมาพบกับพระศรีอารย์ทุกชาติ ๆ เทอญ...นั้น อาจจะไม่เป็นความจริงก็เป็นได้ ??
ท่านทั้งหลายครับ เป็นที่รู้กันในหมู่นักวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ทั่วไปว่าระบบสุริยะจักรวาล(Solar System)และโลก(Earth) ของเรานั้นได้ก่อตัวหรือฟอร์มตัวขึ้นมาเมื่อประมาณ 4,500 ล้านปี หรือประมาณ 4.5 x 10(ยกกำลัง 9) ปี
และนักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า...สุริยะจักรวาล(Solar System)และโลก(Earth) ของเรานั้นได้เดินทางในห้วงอวกาศมาถึงครึ่งหนึ่งของอายุขัยแล้วนับตั้งแต่ที่มันถูกอุบัติขึ้นมา
เราเหลือเวลาเท่าไร?? คำตอบก็คือ...ประมาณ 2.0 x 10(ยกกำลัง 9) ปี หรือ น้อยกว่านั้น ( เป็นเพียงตัวเลขที่ประมาณโดยการคำนวณตามหลักวิทยาศาสตร์เท่านั้น )
สุริยะจักรวาล(Solar System) และ โลก(Earth) ของเราก็จะพบจุดจบหรือกาลอวสานอย่างแน่นอน เป็นคำตอบสุดท้าย สำหรับนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ เมื่อถึงเวลานั้นจะไม่มีมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตใดที่จะยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้เลย
อะไรคือเหตุและผล??
สาเหตุหลักมาจาก 3 สาเหตุ นั่นก็คือ...
1. ดวงอาทิตย์(Sun) ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ในระบบสุริยะจักรวาล(Solar System) ของเราสิ้นอายุขัย นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ดวงอาทิตย์เราจะทำการเผาเชื้อเพลิงไฮโดรเจน(Hydrogen) เกิดปฏิกริยานิวเคลียร์ให้แสงสว่างและความอบอุ่นกับโลกของเราได้อีกประมาณครึ่งหนึ่งของช่วงชีวิตของมันเท่านั้น
ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะหมดอายุขัยลง จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดาวยักษ์แดง (red giant) ในอีกประมาณ 5,000 ล้านปี หรือ 5.0 x 10(ยกกำลัง 9) ปีหข้างหน้า โดยตัวของมันจะเย็นลงแต่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกราว 250 เท่าของขนาดปัจจุบัน ก่อนที่มันจะยุบตัวลงด้วยแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลของตัวมันเอง
และในวันนั้น...หากโลกของเราไม่ถูกดวงอาทิตย์กลืนหรือหลอมเข้าไปกับดวงอาทิตย์ ปริมาณน้ำหรือไอน้ำก็จะไม่มีเหลืออยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก เพราะ...มันจะระเหิดออกไปในห้วงอวกาศทั้งหมดเลยทีเดียว และโลกของเราจะกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ตายซากในที่สุด
วันนั้นบางท่านอาจจะบอกว่า...เราจะได้เห็นพระอาทิตย์อยู่ห่างจากศีรษะของเราแค่คืบ ไม่ใช่นะครับ เป็นคนละเหตุการณ์กันครับ ^^"
และถ้าหากมาดแม้นครั้งนี้โชคดีหน่อย หากยังไม่ถึงกาลดับสูญ(นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า)เราจะพบกับ...
2. การพุ่งชนกับแกแล็กซี่แอนโดรเมดา(Andromeda Galaxy) ซึ่งเป็นแกแล็กซี่ที่อยู่ห่างจากเราประมาณ 2.5 ล้านปีแสง นักดาราศาสตร์คำนวณว่าแกแล็กซี่ทางช้างเผือก(Milky way galaxy) ของเราจะเข้าชนกับแกแล็กซี่แอนโดรเมดาอีกประมาณ 2,000 ล้านปี หรือ 2.0 x 10 (ยกกำลัง 9) ปี ข้างหน้านี้ ซึ่งแล็กซี่ทั้งสอง กำลังพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วประมาณ 500,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อ้างอิงข้อมูลจากเวป
http://www.marinerthai.com/sara/view.php?No=1225
และที่แย่กว่านั้น...
3.บิ๊กครันซ์ (Big Crunch) การยุบตัวของเอกภพ และจะเกิดปรากฎการณ์บดขยี้เหมือนอย่างที่เคยถูกกล่าวถึงในอัลกุรอาน จนกลับไปสภาพที่ก่อนที่มันเคยถือกำเนิดมา
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าปรากฎการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการค้นพบสสารมืด(Dark Matter)ในเอกภพเท่านั้น!!
และขณะนี้นักวิทยาศาสตร์...ก็ได้ค้นพบมันแล้ว!! แต่บิ๊กครันซ์ (Big Crunch) จะเกิดขึ้นเมื่อไรนั้น ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้นอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น วัลลอฮุอะลัม
ท่านทั้งหลายสามารถหาความรู้เกี่ยวกับสสารมืด (Dark Matter) เพิ่มเติมได้จาก...
http://th.wikipedia.org/wiki/สสารมืด
จากสาเหตุข้างต้น ตามหลักวิทยาศาสตร์สามารถสรุปได้ว่า...สุริยะจักรวาล(Solar System)และโลก(Earth) จะถึงกาลอวสานอีกในระยะเวลาประมาณ 2.0 x 10(ยกกำลัง 9 ) ปี ข้างหน้า หรือน้อยกว่านั้น!!
จากระยะเวลาที่เหลือดังกล่าว หากเรานำมันมาเปรียบเทียบกับระยะเวลาที่จะเกิดปรากฎการณ์ล้างโลกด้วยไฟตามคำทำนายของตถาคตใน ** สุริยะสูตร ** (ชาวพุทธเชื่อว่า...ใน 1 มหากัปรอบใหญ่ โลกจะมีมหากัปที่ถูกล้างด้วยไฟ น้ำ และ ลม )
และการถือกำเนิดของพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้ นาม ** อริยเมตไตรย ** ที่ชาวพุทธทั้งหลายต่างรอคอย ผลจะเป็นอย่างไร?? คุณ Koperrierok และชาวพุทธทั้งหลายทราบไหมครับ??
อินชาอัลลอฮฺ เตรียมพบกับเรื่องน่าเศร้าตอนต่อไป...การรอคอยที่สูญเปล่า