ตอนที่ 1: ติ่งหนังไทยในอินโด + วิธีซ่อนเงินสดสุดล้ำ!
http://ppantip.com/topic/33280259
ในที่สุด ก็ไปกันสักที วันพฤหัสที่ 29 มกราคม ตามกำหนดการของสายการบิน Tiger Air ที่จะต้องออกจากสุวรรณภูมิเวลา 19.40
จะถึง Changi, Singapore ตอน 23.10 (เวลาสิงคโปร์) เพื่อ transit ไปจาการ์ตาตอน 8.20 (แต่ต้องเช็คอินตั้งแต่ตี 5...
)
ทีแรกตั้งใจ "ฉันจะนอนที่ชางฮี" ไหน? พิสูจน์ดูซิ เห็นบอกว่าได้รับการโหวตให้เป็นสนามบินที่เหมาะกับการนอนค้างที่สุดในโลกนิ?
มีเวลาเดินล่องลอยในเทอร์มินอลตั้งแต่ห้าทุ่มครึ่งยันตื่นตอนตี 5 กะจะนอนให้หนำใจ แลกหง่งแลกเงิน SG Dollar เรียบร้อย
ปรากฏ.... plot twist!
วันพฤหัสมีเรียนจนถึง 16.30 ค่ะ (จริงๆไปเนี่ย ต้องโดดไปหนึ่งสัปดาห์) แต่คราวนี้คุยกับอาจารย์ในคาบค่ะ
เป็นอาจารย์ฝรั่ง เราบอกเขาสัปดาห์ก่อนหน้าว่า สัปดาห์ที่จะไปสนามบินนี่ "Can I leave the class earlier at 3.00PM?"
เขาก็แนะว่า "Why don't you just dismiss from the class? So that you won't be in hurry to get to the airport."
ด้วยการเป็นเด็กดี
สร้างภาพ เลยบอกไปว่า "I promise I will come to your class for sure but I just need to leave early."
พอถึงเวลาจริง อยู่ต่อจนหมดคาบค่ะ "I don't want to break the promise I made with you." เพราะคิดว่า เฮ้ย คงทันแหละตั้งทุ่มครึ่ง
(มหาลัยอยู่ในจังหวัดทางซ้ายมือของกรุงเทพ ใช้เวลาเดินทางไปสุวรรณภูมิราวๆ 2 ชั่วโมงเศษ)
ไปถึงหน้าตั้ง counter ปิด!!!! มาช้าไปเพียง 10 นาที!!!! เป็นไงล่ะ เป็นเด็กดีจนตกเครื่อง 555
เอาแหล่วววว เอาแหล่ววววว ไฟลท์ก็จ่ายไปแล้ว รถไฟข้ามจังหวัดก็จ่ายไปแล้ว จะมาล้มแผนเพราะตกเครื่องนี่ มันไม่ได้!
เราก็ Line ไปบอกเพื่อน คนนี้รู้จักทาง InterPal มากว่า 2 ปีค่ะ บอกว่า "I miss the flight" เพื่อนเงียบ "...."
เลยตัดสินใจขึ้นไปที่เคาน์เตอร์ customer service ตรงชั้นชมเครื่องบินค่ะ ต้องเสียเงินค่าปรับและดำเนินการหาไฟลท์ใหม่ 1,244 บาท
เราก็... หงุดหงิดนิดนึงแต่ก็โอเค เพราะหารสองแล้ว = 622 บาท เอามาบวกกับไฟลท์ทั้งสองเที่ยว มันก็ยังถูกกว่านั่งหางแดงด้วยซ้ำ
ปัญหาคือ ไม่ได้เตรียมใจไงคะว่าจะมาตกเครื่อง เราเลยไม่ได้เผื่อเงินไทยเอาไว้เลย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีตังค์ไทยอยู่ 300...
เราเลยต้องเอาเงินที่เก็บไว้ในกระปุกยา เงินรูเปียห์เป็นเงินบาท ที่แค้นใจคือ ....
เรทที่สนามบินสุวรรณภูมิมันแย่มากกกกก
คือ ทราบค่ะว่า แลกเงินในสนามบินย่อมเสียเปรียบกว่าแลกข้างนอกแต่ไม่นึกว่าส่วนต่างมันจะชวนหดหู่ขนาดนี้
ขณะที่เคยแลกเงินกับเคาน์เตอร์ UOB ในชางฮีสิงคโปร์ ส่วนต่างห่างกันแค่ไม่กี่ทศนิยม แต่อันนี้ห่างกันเป็น
สิบหลัก!!
เราเช็คกับ app converter นะคะ 1,000,000IDR = 2,600~ บาท ถ้าแลกก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 2,300~ ให้แบบต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุดแล้ว
ให้ทายเราได้เท่าไหร่รู้ไหม? ..... 1,900 บาท แทบจะเรียกว่าเราเสียตรงส่วนต่างนี้ไปถึง 30% !!!
แต่จะให้นั่ง airport link ออกไปข้างนอก ตอนนั้นร้านแลกเงินพวก super rich ไรงี้ก็คงปิดกันหมดแล้ว T__T
สรุปกัดฟันเอาเรทตรงนั้น เพื่อมาจ่ายค่าเปลี่ยนไฟลท์ค่ะ
ก็เลยกลายเป็นว่า คืนนั้น เราก็หามุมโอเคที่จะนอน ไม่ได้เตรียมผ้าห่มหรือหมอนอะไรเลย เพราะกะจะไปเอาหัวหนุนนิ่มๆที่ชางฮี
เราก็มาเจอตรงนี้ค่ะ ชั้น B ที่เป็นชั้น airport rail link ชั้นนี้จะมี 7-11 ค่ะ ทำให้อุ่นใจหน่อยว่ามันไม่เปลี่ยว คนนอนกันเยอะ ประปราย
บ้างก็นอนกันใต้บันไดเลื่อนเพราะมืดดี เงียบจากเสียง ตื๊อออดืออออ ตื๊อออดืออ ของเซเว่น
แต่ไม่แนะนำให้ไปนอนใกล้ๆ walkway หรือ travellater นะ เพราะว่าจะรำคาญ E เสียง "ขออภัย สิ้นสุดทางเลื่อน Eng of the Walkway"
แล้ว E เสียง end of the walkway นี่ก็ replay มันกันทั้งวันทั้งคืนแหละค่ะ "เอ๊นออฟเดอะว๊อกเว เอ๊นออฟเดอะว๊อกเว"
ตัดฉากมาถึงตอนค่ำของวันศุกร์ที่ 30 นะคะ แพลนเลื่อนไปหนึ่งวัน มาถึงสนามบินแห่งชาติเขา Soekartno-Hatta ซึ่ง 20-30 ปีที่แล้ว
สนามบินแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสนามบินทันสมัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกในย่านอาเซียนนี้ แต่พอไปถึง........ ผิดหวังมากกกกกกก
เพราะทันทีที่ก้าวออกจากงวงช้าง กลิ่นค่ะ กลิ่นไม่น่าพิสมัยลอยมาเอย ทางเดินสกปราก ห้องน้ำซกมก และบรรยากาศอึมครึม
สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ค่อยมี ร้านรวง อาหารแทบไม่ค่อยมี ที่ช็อปปิ้งหาไม่ได้
เราถึงกับเขียนบล็อคเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่โอเคในอินโด ซึ่งสนามบินก็เป็นหนึ่งในนั้น (เราเขียนเป็นภาษาอังกฤษแบบง่อยๆนะคะ เพราะจะให้เพื่อนอ่าน
https://beauuaeb.wordpress.com/2015/02/20/things-i-was-not-okay-about-indonesia/
สุวรรณภูมิที่ว่าหน้าตาเหมือนอยู่โรงงานหรือโรงจอดรถ มาจาการ์ตานี่ได้เลยค่ะ แล้วจะรักสุวรรณภูมิยิ่งขึ้น
เพื่อนที่มารับ ก็คอยถามตอนอยู่ในแท็กซี่ว่า "เป็นไง จาการ์ตาเหมือนกรุงเทพไหม?" เราก็กึ่งถนอมน้ำใจกึ่งพูดตรงๆอ่านะ
"เออๆ ก็คล้ายอยู่นะ ส่วนใหญ่ก็ดูคล้ายดี เพียงแต่ว่าที่นี่แลสกปรกกว่า เป็นระเบียบน้อยกว่า ประเทศ Southeast Asia ที่ไม่ใช่สิงคโปร์มันก็สภาพประมาณนี้กันทั้งนั้น กรุงเทพก็เหมือนกัน เพียงแต่กรุงเทพดีกว่า ไม่โกรธใช่แมะ?" ก็เราพูดตามที่เห็นนิ
ระหว่างเดินจากโรงแรมออกไปหาอะไรทานในย่านใกล้ๆ TransJakarta สถานี Mannga Basar ที่เราอยู่ใกล้ๆ
คนนี่มองหัวกันตรึมมมมมมมมม เหมือนกับว่าเราเป็นของแปลกอ่ะ แต่คนที่นี่เขาไม่ค่อยย้อมผมจริงๆนะ หรือเป็นเพราะว่าเรากับเพื่อนหน้าตาเป็นเอเชีย แต่คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ หน้าตาก็เจ๊กๆกันทั้งคู่ค่ะ เพราะเพื่อนเป็นอินโด มุสลิมด้วยนะ ไม่ใช่เชื้อสายจีน แต่หน้าตาไม่เหมือนคนท้องถิ่น และเพื่อนก็ภาษาอังกฤษดีมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรี แต่เขาอาศัยฝึกทางอินเตอร์เน็ต
มื้อแรก มื้อก่อนนอนในอินโด เป็นข้าวผัดค่ะ Nasi Goreng (nasi = ข้าว, goreng = ผัด, ทอด)
ซึ่งใครไปก็จะได้เจอ e nasi goreng nasi goreng reng reng ทั่วประเทศแหละค่ะ เพราะเมนูอาหารตามสั่งมันวนลูปอยู่แค่นี้ -*-
เพื่อนถาม: "เป็นไง เหมือนที่เมืองไทยไหม?"
เรา: "อืม มันก็หน้าตาเหมือนกันนะ นาซิโกเร็งบ้านฉันก็แบบนี้แหละ เพียงแต่ว่ามันมีผักมากกว่า และให้ปริมาณน้อยกว่านี้ถ้าเทียบกับเงิน 15,000 รูเปียห์ ที่จ่ายไป หนึ่งจานบ้านแกนี่เท่ากับสองจานรวมกันบ้านฉันเลยรู้เปล่า"
เพื่อน: "แล้วรสชาติล่ะ? คล้ายกันไหม?"
เรา: "ก็ไม่ต่างกันนะ (gu โกหก) เพียงแต่อันนี้มันเน้นข้าวอ่ะ ข้าวเยอะมากกกก ผักกับเนื้อนิดเดียว"
คือ เราทานไม่หมดจริงๆนะ มันเยอะมากกกก กินได้แค่ 1/4 ของจานเราก็ขอห่อมาใส่กลับห้อง
(จริงๆแล้วมันไม่อร่อยแหละ และเลี่ยนมาก แต่เราไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกไปว่า มันไม่อร่อย จนเราไม่อยากทานต่อ)
วันรุ่งขึ้น...
เพื่อน: "เนี่ย nasi goreng แกที่เหลือไว้เมื่อคืน ไม่กินล่ะ?"
เรา: "เอออ จริงด้วยยยยยยยยยยย ลืมมมมมมไปเลยนะเนี่ยว่าห่อกลับมา.... เฮ้ย... แต่ว่าท่าทางบูดแล้วอ่ะ ทิ้งเหอะ!" (555+)
ส่วนภาพด้านล่างนี่สภาพร้านอาหารข้างทาง street food ที่คนทานจะทิ้งทิชชู่ไว้ใต้โต๊ะ ตอนแรกเราสงสัยมาก
เรา: "นี่ ที่นี่เหมือนกัมพูชาเลยอ่ะ ที่เวลาคนทานเสร็จแล้วเขาจะทิ้งกระดาษทิชชูไว้ใต้โต๊ะ ยิ่งทิ้งมากแสดงว่าอร่อยมากใช่ไหม?"
เพื่อน: "ไม่ใช่หรอกม้างงง ไม่เกี่ยวกับธรรมเนียมไรหรอก sandan คน"
สำหรับคืนแรกสั้นๆในจาการ์ตาก็เพียงเท่านี้นะคะ ไว้มาต่อ จาการ์ตา all-in-one กระทู้หน้าค่ะ
เด็กหญิงมหาลัย แบ็คแพ็คเดี่ยวอินโดนีเซีย ตอนที่ 2: นอนมันตรงนี้แหละ.... สุวรรณภูมิ!!
ในที่สุด ก็ไปกันสักที วันพฤหัสที่ 29 มกราคม ตามกำหนดการของสายการบิน Tiger Air ที่จะต้องออกจากสุวรรณภูมิเวลา 19.40
จะถึง Changi, Singapore ตอน 23.10 (เวลาสิงคโปร์) เพื่อ transit ไปจาการ์ตาตอน 8.20 (แต่ต้องเช็คอินตั้งแต่ตี 5... )
ทีแรกตั้งใจ "ฉันจะนอนที่ชางฮี" ไหน? พิสูจน์ดูซิ เห็นบอกว่าได้รับการโหวตให้เป็นสนามบินที่เหมาะกับการนอนค้างที่สุดในโลกนิ?
มีเวลาเดินล่องลอยในเทอร์มินอลตั้งแต่ห้าทุ่มครึ่งยันตื่นตอนตี 5 กะจะนอนให้หนำใจ แลกหง่งแลกเงิน SG Dollar เรียบร้อย
ปรากฏ.... plot twist!
วันพฤหัสมีเรียนจนถึง 16.30 ค่ะ (จริงๆไปเนี่ย ต้องโดดไปหนึ่งสัปดาห์) แต่คราวนี้คุยกับอาจารย์ในคาบค่ะ
เป็นอาจารย์ฝรั่ง เราบอกเขาสัปดาห์ก่อนหน้าว่า สัปดาห์ที่จะไปสนามบินนี่ "Can I leave the class earlier at 3.00PM?"
เขาก็แนะว่า "Why don't you just dismiss from the class? So that you won't be in hurry to get to the airport."
ด้วยการเป็นเด็กดี
สร้างภาพเลยบอกไปว่า "I promise I will come to your class for sure but I just need to leave early."พอถึงเวลาจริง อยู่ต่อจนหมดคาบค่ะ "I don't want to break the promise I made with you." เพราะคิดว่า เฮ้ย คงทันแหละตั้งทุ่มครึ่ง
(มหาลัยอยู่ในจังหวัดทางซ้ายมือของกรุงเทพ ใช้เวลาเดินทางไปสุวรรณภูมิราวๆ 2 ชั่วโมงเศษ)
ไปถึงหน้าตั้ง counter ปิด!!!! มาช้าไปเพียง 10 นาที!!!! เป็นไงล่ะ เป็นเด็กดีจนตกเครื่อง 555
เอาแหล่วววว เอาแหล่ววววว ไฟลท์ก็จ่ายไปแล้ว รถไฟข้ามจังหวัดก็จ่ายไปแล้ว จะมาล้มแผนเพราะตกเครื่องนี่ มันไม่ได้!
เราก็ Line ไปบอกเพื่อน คนนี้รู้จักทาง InterPal มากว่า 2 ปีค่ะ บอกว่า "I miss the flight" เพื่อนเงียบ "...."
เลยตัดสินใจขึ้นไปที่เคาน์เตอร์ customer service ตรงชั้นชมเครื่องบินค่ะ ต้องเสียเงินค่าปรับและดำเนินการหาไฟลท์ใหม่ 1,244 บาท
เราก็... หงุดหงิดนิดนึงแต่ก็โอเค เพราะหารสองแล้ว = 622 บาท เอามาบวกกับไฟลท์ทั้งสองเที่ยว มันก็ยังถูกกว่านั่งหางแดงด้วยซ้ำ
ปัญหาคือ ไม่ได้เตรียมใจไงคะว่าจะมาตกเครื่อง เราเลยไม่ได้เผื่อเงินไทยเอาไว้เลย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีตังค์ไทยอยู่ 300...
เราเลยต้องเอาเงินที่เก็บไว้ในกระปุกยา เงินรูเปียห์เป็นเงินบาท ที่แค้นใจคือ .... เรทที่สนามบินสุวรรณภูมิมันแย่มากกกกก
คือ ทราบค่ะว่า แลกเงินในสนามบินย่อมเสียเปรียบกว่าแลกข้างนอกแต่ไม่นึกว่าส่วนต่างมันจะชวนหดหู่ขนาดนี้
ขณะที่เคยแลกเงินกับเคาน์เตอร์ UOB ในชางฮีสิงคโปร์ ส่วนต่างห่างกันแค่ไม่กี่ทศนิยม แต่อันนี้ห่างกันเป็นสิบหลัก!!
เราเช็คกับ app converter นะคะ 1,000,000IDR = 2,600~ บาท ถ้าแลกก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 2,300~ ให้แบบต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุดแล้ว
ให้ทายเราได้เท่าไหร่รู้ไหม? ..... 1,900 บาท แทบจะเรียกว่าเราเสียตรงส่วนต่างนี้ไปถึง 30% !!!
แต่จะให้นั่ง airport link ออกไปข้างนอก ตอนนั้นร้านแลกเงินพวก super rich ไรงี้ก็คงปิดกันหมดแล้ว T__T
สรุปกัดฟันเอาเรทตรงนั้น เพื่อมาจ่ายค่าเปลี่ยนไฟลท์ค่ะ
ก็เลยกลายเป็นว่า คืนนั้น เราก็หามุมโอเคที่จะนอน ไม่ได้เตรียมผ้าห่มหรือหมอนอะไรเลย เพราะกะจะไปเอาหัวหนุนนิ่มๆที่ชางฮี
เราก็มาเจอตรงนี้ค่ะ ชั้น B ที่เป็นชั้น airport rail link ชั้นนี้จะมี 7-11 ค่ะ ทำให้อุ่นใจหน่อยว่ามันไม่เปลี่ยว คนนอนกันเยอะ ประปราย
บ้างก็นอนกันใต้บันไดเลื่อนเพราะมืดดี เงียบจากเสียง ตื๊อออดืออออ ตื๊อออดืออ ของเซเว่น
แต่ไม่แนะนำให้ไปนอนใกล้ๆ walkway หรือ travellater นะ เพราะว่าจะรำคาญ E เสียง "ขออภัย สิ้นสุดทางเลื่อน Eng of the Walkway"
แล้ว E เสียง end of the walkway นี่ก็ replay มันกันทั้งวันทั้งคืนแหละค่ะ "เอ๊นออฟเดอะว๊อกเว เอ๊นออฟเดอะว๊อกเว"
ตัดฉากมาถึงตอนค่ำของวันศุกร์ที่ 30 นะคะ แพลนเลื่อนไปหนึ่งวัน มาถึงสนามบินแห่งชาติเขา Soekartno-Hatta ซึ่ง 20-30 ปีที่แล้ว
สนามบินแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสนามบินทันสมัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกในย่านอาเซียนนี้ แต่พอไปถึง........ ผิดหวังมากกกกกกก
เพราะทันทีที่ก้าวออกจากงวงช้าง กลิ่นค่ะ กลิ่นไม่น่าพิสมัยลอยมาเอย ทางเดินสกปราก ห้องน้ำซกมก และบรรยากาศอึมครึม
สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ค่อยมี ร้านรวง อาหารแทบไม่ค่อยมี ที่ช็อปปิ้งหาไม่ได้
เราถึงกับเขียนบล็อคเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่โอเคในอินโด ซึ่งสนามบินก็เป็นหนึ่งในนั้น (เราเขียนเป็นภาษาอังกฤษแบบง่อยๆนะคะ เพราะจะให้เพื่อนอ่าน https://beauuaeb.wordpress.com/2015/02/20/things-i-was-not-okay-about-indonesia/
สุวรรณภูมิที่ว่าหน้าตาเหมือนอยู่โรงงานหรือโรงจอดรถ มาจาการ์ตานี่ได้เลยค่ะ แล้วจะรักสุวรรณภูมิยิ่งขึ้น
เพื่อนที่มารับ ก็คอยถามตอนอยู่ในแท็กซี่ว่า "เป็นไง จาการ์ตาเหมือนกรุงเทพไหม?" เราก็กึ่งถนอมน้ำใจกึ่งพูดตรงๆอ่านะ
"เออๆ ก็คล้ายอยู่นะ ส่วนใหญ่ก็ดูคล้ายดี เพียงแต่ว่าที่นี่แลสกปรกกว่า เป็นระเบียบน้อยกว่า ประเทศ Southeast Asia ที่ไม่ใช่สิงคโปร์มันก็สภาพประมาณนี้กันทั้งนั้น กรุงเทพก็เหมือนกัน เพียงแต่กรุงเทพดีกว่า ไม่โกรธใช่แมะ?" ก็เราพูดตามที่เห็นนิ
ระหว่างเดินจากโรงแรมออกไปหาอะไรทานในย่านใกล้ๆ TransJakarta สถานี Mannga Basar ที่เราอยู่ใกล้ๆ
คนนี่มองหัวกันตรึมมมมมมมมม เหมือนกับว่าเราเป็นของแปลกอ่ะ แต่คนที่นี่เขาไม่ค่อยย้อมผมจริงๆนะ หรือเป็นเพราะว่าเรากับเพื่อนหน้าตาเป็นเอเชีย แต่คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ หน้าตาก็เจ๊กๆกันทั้งคู่ค่ะ เพราะเพื่อนเป็นอินโด มุสลิมด้วยนะ ไม่ใช่เชื้อสายจีน แต่หน้าตาไม่เหมือนคนท้องถิ่น และเพื่อนก็ภาษาอังกฤษดีมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรี แต่เขาอาศัยฝึกทางอินเตอร์เน็ต
มื้อแรก มื้อก่อนนอนในอินโด เป็นข้าวผัดค่ะ Nasi Goreng (nasi = ข้าว, goreng = ผัด, ทอด)
ซึ่งใครไปก็จะได้เจอ e nasi goreng nasi goreng reng reng ทั่วประเทศแหละค่ะ เพราะเมนูอาหารตามสั่งมันวนลูปอยู่แค่นี้ -*-
เพื่อนถาม: "เป็นไง เหมือนที่เมืองไทยไหม?"
เรา: "อืม มันก็หน้าตาเหมือนกันนะ นาซิโกเร็งบ้านฉันก็แบบนี้แหละ เพียงแต่ว่ามันมีผักมากกว่า และให้ปริมาณน้อยกว่านี้ถ้าเทียบกับเงิน 15,000 รูเปียห์ ที่จ่ายไป หนึ่งจานบ้านแกนี่เท่ากับสองจานรวมกันบ้านฉันเลยรู้เปล่า"
เพื่อน: "แล้วรสชาติล่ะ? คล้ายกันไหม?"
เรา: "ก็ไม่ต่างกันนะ (gu โกหก) เพียงแต่อันนี้มันเน้นข้าวอ่ะ ข้าวเยอะมากกกก ผักกับเนื้อนิดเดียว"
คือ เราทานไม่หมดจริงๆนะ มันเยอะมากกกก กินได้แค่ 1/4 ของจานเราก็ขอห่อมาใส่กลับห้อง
(จริงๆแล้วมันไม่อร่อยแหละ และเลี่ยนมาก แต่เราไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกไปว่า มันไม่อร่อย จนเราไม่อยากทานต่อ)
วันรุ่งขึ้น...
เพื่อน: "เนี่ย nasi goreng แกที่เหลือไว้เมื่อคืน ไม่กินล่ะ?"
เรา: "เอออ จริงด้วยยยยยยยยยยย ลืมมมมมมไปเลยนะเนี่ยว่าห่อกลับมา.... เฮ้ย... แต่ว่าท่าทางบูดแล้วอ่ะ ทิ้งเหอะ!" (555+)
ส่วนภาพด้านล่างนี่สภาพร้านอาหารข้างทาง street food ที่คนทานจะทิ้งทิชชู่ไว้ใต้โต๊ะ ตอนแรกเราสงสัยมาก
เรา: "นี่ ที่นี่เหมือนกัมพูชาเลยอ่ะ ที่เวลาคนทานเสร็จแล้วเขาจะทิ้งกระดาษทิชชูไว้ใต้โต๊ะ ยิ่งทิ้งมากแสดงว่าอร่อยมากใช่ไหม?"
เพื่อน: "ไม่ใช่หรอกม้างงง ไม่เกี่ยวกับธรรมเนียมไรหรอก sandan คน"
สำหรับคืนแรกสั้นๆในจาการ์ตาก็เพียงเท่านี้นะคะ ไว้มาต่อ จาการ์ตา all-in-one กระทู้หน้าค่ะ