หลังจากที่ตั้งใจบินแต่บางกอกแอร์มานานเกือบปี (ในความรู้สึกนะ แต่จริงๆ เริ่มช่วง สค. 57) ในที่สุดก็สะสมไมล์จนได้ Premier membership วันนี้เลยจะมารีวิวเสียหน่อยครับ
เริ่มต้นเรามาดูกันก่อนว่าสิทธิพิเศษของการเป็นสมาชิก Flyer Bonus ของสายการบินบางกอกมีอะไรบ้าง ข้อมูลจากเว็บไซต์บางกอกแอร์นะครับ
จะเห็นได้ว่า แค่เป็น Priority Member เฉยๆ ก็ได้สิทธิ์เพิ่มน้ำหนักกระเป๋า 10kg แล้วครับ (ถ้าเช็คอินผ่านเว็บได้เพิ่มอีก 5kg)
เที่ยวบินล่าสุดผมได้ไมล์ครบแล้ว ก็ไปดูในเว็บ Flyer Bonus แล้วก็ขอบัตร Premier membership มาแทนบัตร Blue Ribbon แบบเก่า แจ้งไปประมาณ 1 วัน ก็ได้รับอีเมลตอบกลับมาว่าจะดำเนินการให้ และจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนก่อนที่จะได้รับบัตรใหม่ ช่วงนี้ผมก็ลืมๆ ไปเลย มีแอบลุ้นบ้างบางวันว่าบัตรจะมาถึงก่อนเดินทางกลับบ้าน จนล่าสุด เมื่อวานนี้เองก่อนจะเดินทางกลับ เดินไปเช็คตู้จดหมาย ปรากฏว่ามีซองเอกสารมาถึง
เปิดซองออกมาพบกับแพ็กเกจบัตรหน้าตาสวยงามออกแบบได้น่าประทับใจครับ
เปิดกล่องมาดู ตกใจเล็กน้อย ตอนแรกเข้าใจว่าจะมีแค่บัตรใหม่ แต่ปรากฏว่ามีบัตร Key chain กับ Baggage tag ด้วย ก็สวยดีครับแต่คงไม่ได้ใช้ ไม่รู้จะเอาไปใส่ตรงไหนดี จะห้อยกระเป๋าเดินทางก็ดูจะเสร่อไปหน่อย =_=
เปรียบเทียบบัตรเก่า Blue Ribbon กับบัตรใหม่ Premier สังเกตว่าบัตรใหม่จะมีหมดอายุด้วย เราต้องบินบ่อยๆ เพื่อรักษาสถานะไว้ (เพราะงี้เค้าถึงเรียกว่า Loyalty 55)
ที่คาดหวังมากๆ ในบัตรสมาชิก Flyer Bonus Premier membership ก็คือ การใช้ Business checkin counter ครับ เป็นอะไรที่อยากใช้มาก เพราะถึงแม้เราจะเช็คอินผ่านเว็บแล้ว แค่จะไป drop กระเป๋าเฉยๆ บางทีก็ต้องต่อคิวเหมือนกัน อย่างวันนี้ไปสุวรรณภูมิก็ไปยืนรอ drop กระเป๋าอยู่ 4-5 นาที พนักงานน้อย มีคนอยู่ 2 คิว เลยเดินไปถามตรง business/premier checkin counter เขาก็บอกว่ามา drop กระเป๋าตรงนี้ได้ แล้วถามว่าเป็น Premier ใช่ไหม? ก็ตอบว่าใช่ครับ แล้วก็ไปลากกระเป๋ามา สบายเลยครับต่อไป ไม่ต้องรอนาน
พนักงานก็ให้บริการติดแท็กกระเป๋าตามปกติ แต่ว่าที่พิเศษก็คือ เค้าจะติดแท็ก Premier ใส่กระเป๋าเราด้วยครับ
พอจัดการกระเป๋าเสร็จแล้ว พนักงานก็จะแจ้งว่าเราสามารถใช้ Business Lounge ได้ และที่พิเศษสุดๆ ที่ผมไม่คาดคิดก็คือ ได้อันนี้มาครับ* เป็นบัตร Premium Lane ของสนามบิน ที่ทำให้เวลาเราจะไปสแกนกระเป๋าก่อน ตม นั้น ไม่ต้องขึ้นไปชั้นบนแล้วกลับลงมาผ่าน ตม ชั้นล่าง
*จริงๆผมก็ไม่ทราบนะครับว่าเค้าจะให้ตลอดเลยหรือเปล่า หรือว่าแค่ครั้งเดียว หรือยังไง เพราะไม่ได้ถาม ใครทราบช่วยคอนเฟิร์มทีครับ
ก็คือเค้าจะมีห้องพิเศษ เลยไปจากทางขึ้นปกติไป เขียนว่า Premium Lane ในห้องนี้ก็เหมือนห้องสแกนของปกติครับ แต่ว่าคนน้อยมากๆ ไม่รอนาน และหลังจากผ่านตรงนี้แล้วก็จะเจอ ตม ทันที บริการไวมาก ไม่ต้องต่อคิวยาวเลย ชอบมากครับ เคยเข้าครั้งนึงตอนสายการบินศรีลังกาเค้าไถ่โทษที่ไม่ให้ผมขึ้นเครื่อง ทำให้ต้องค้างอยู่กรุงเทพ 1 คืนก่อนเดินทางไปอินเดีย (กระทู้เก่า) ตอนนั้นก็สงสัยมาตลอดว่าทำยังไงจะได้บัตร Premium Lane มาใช้ เพราะประหยัดเวลาไปได้ 15-20 นาทีเลย
พอผ่าน ตม เสร็จแล้วก็ไปทำ VAT Refund นิดหน่อย แล้วเดินไป Blue Ribbon Lounge ของ Bangkok Airways ซึ่งจะอยู่โซน A นะครับ ชั้น 3 ต้องลงบันไดเลื่อนไป อยู่ขวามือ เวลาเราเข้าไปจะต้องเอา Borderpass ให้พนักงานหน้าเคาน์เตอร์สแกน แล้วเค้าก็จะให้รหัสผ่านอินเตอร์เน็ตมา
ทั้งนี้เลานจ์ของ Bangkok Airways ปกติแค่มีบัตรสีฟ้าก็ใช้ได้นะครับ แต่พอมีบัตรสีดำที่เป็นบัตร Premier พนักงานจะแจ้งว่าให้เดินไปทางขวา ซึ่งเป็น Business Lounge
เดินเข้าไปก็จะเป็นแบบนี้ครับ จะเล็กกว่าเลานจ์ปกตินิดนึง (น่าจะเล็กกว่าเกือบครึ่ง) แต่ไม่มีคนเลย แล้วก็ตกแต่งสวยงามกว่ามาก
อีกมุมนึง ทางขวามือเวลาเดินเข้าไป จะมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ด้วย น่านั่งดี
หนังสือพิมพ์จัดวางเป็นระเบียบหยิบอ่านได้
ข้างในจะเป็นมุมนี้เลยครับ สังเกตว่าไม่มีคนเลย
มองเข้าไปด้านใน จะมีห้องพิเศษแยกอีกที จะมีทั้งสองด้านเลยครับ น่าจะเพื่อความเป็นส่วนตัว
ด้านในจะเป็นแบบนี้ครับ เป็นเก้าอี้นั่งเบาะหนัง บรรยากาศเงียบสงบน่านั่งดี
พอเข้าไปนั่งแล้ว พนักงานก็จะมาถามว่า มีเมนูอะไรบ้างวันนี้ และจะรับเครื่องดื่มอะไร ซึ่งวันนี้มีข้าวมันไก่
จัดชามานั่งจิบระหว่างรอ
นอกจากอาหารตามสั่งแล้ว ก็ยังมีของทานเล่นบริการตัวเองเหมือนเดิมครับ ลองเดินไปดูกันหน่อย
อ่า ข้าวต้มมัดที่เลื่องชื่อก็ยังอยู่นะ 555
มุมเครื่องดื่ม
ที่พิเศษอีกอย่างของ Business Lounge คือเค้าจะมีห้องน้ำให้ใช้ด้วย ไม่ต้องเดินออกไปข้างนอก ลองไปดูกันหน่อย
อีกมุมนึง
หลังจากออกมาแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่า เอ้อ นี่มันห้องน้ำหญิงนี่หว่า เวรกรรม มองไปอีกฝั่งเป็นห้องน้ำชาย มีโถปัสสาวะ งึม... เข้าผิดละ แต่ไม่มีคน ไม่เป็นไร -"-
สรุป ผมใช้เวลาประมาณ 6 เดือนเพื่อสะสมคะแนนจนได้ Premier membership มา บินประมาณ 16 ครั้ง เส้นทางส่วนใหญ่คือ ไปกลับ กรุงเทพ-หลวงพระบาง มี อุดร-กรุงเทพ บ้างครั้งสองครั้ง สะสมส่วนใหญ่จะขาละ 10 แต้มบ้าง 15 แต้มบ้าง ตอนแรกคิดว่านานน่าดู บินตั้งเกือบปี แต่มาดูวันที่ดีๆ แล้ว ก็ไม่นานนะ บินเยอะด้วย (แต่จริงๆ ต้องยอมรับว่าของบางกอกแอร์นี่ไต่ระดับง่ายครับ ไม่เหมือนสายการบินไทย อันนั้นมีแยกระดับหลายระดับ แถมสะสมยากกว่าเยอะ แลดูท่าจะไม่ไปถึงไหนง่ายๆ) ส่วนสิ่งที่ได้มานั้นถือได้ว่าคุ้มครับ ใครที่ไปสนามบินเดินทางออกนอกประเทศบ่อยๆ จะเข้าใจเลยว่ารอเช็คอินเอย รอสแกนกระเป๋าเอย รอตรวจ ตม เอย มันใช้เวลานานน่าดู การใช้สิทธิ์ที่สายการบินให้มานี่ถือว่าช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะ
จบแล้วครับ ขอบคุณครับที่ติดตาม
รีวิวอื่นๆ
รีวิวโรงหนัง 6 ดาว: Emprivé Cineclub
พาทัวร์รัฐเกรละ (Kerala) ประเทศอินเดีย ตอนที่ 2
พาทัวร์รัฐเกรละ (Kerala) ประเทศอินเดีย ตอนที่ 1
[CR] รีวิว Bangkok Airways Flyer Bonus: Premier Member & Business Lounge
เริ่มต้นเรามาดูกันก่อนว่าสิทธิพิเศษของการเป็นสมาชิก Flyer Bonus ของสายการบินบางกอกมีอะไรบ้าง ข้อมูลจากเว็บไซต์บางกอกแอร์นะครับ
จะเห็นได้ว่า แค่เป็น Priority Member เฉยๆ ก็ได้สิทธิ์เพิ่มน้ำหนักกระเป๋า 10kg แล้วครับ (ถ้าเช็คอินผ่านเว็บได้เพิ่มอีก 5kg)
เที่ยวบินล่าสุดผมได้ไมล์ครบแล้ว ก็ไปดูในเว็บ Flyer Bonus แล้วก็ขอบัตร Premier membership มาแทนบัตร Blue Ribbon แบบเก่า แจ้งไปประมาณ 1 วัน ก็ได้รับอีเมลตอบกลับมาว่าจะดำเนินการให้ และจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนก่อนที่จะได้รับบัตรใหม่ ช่วงนี้ผมก็ลืมๆ ไปเลย มีแอบลุ้นบ้างบางวันว่าบัตรจะมาถึงก่อนเดินทางกลับบ้าน จนล่าสุด เมื่อวานนี้เองก่อนจะเดินทางกลับ เดินไปเช็คตู้จดหมาย ปรากฏว่ามีซองเอกสารมาถึง
เปิดซองออกมาพบกับแพ็กเกจบัตรหน้าตาสวยงามออกแบบได้น่าประทับใจครับ
เปิดกล่องมาดู ตกใจเล็กน้อย ตอนแรกเข้าใจว่าจะมีแค่บัตรใหม่ แต่ปรากฏว่ามีบัตร Key chain กับ Baggage tag ด้วย ก็สวยดีครับแต่คงไม่ได้ใช้ ไม่รู้จะเอาไปใส่ตรงไหนดี จะห้อยกระเป๋าเดินทางก็ดูจะเสร่อไปหน่อย =_=
เปรียบเทียบบัตรเก่า Blue Ribbon กับบัตรใหม่ Premier สังเกตว่าบัตรใหม่จะมีหมดอายุด้วย เราต้องบินบ่อยๆ เพื่อรักษาสถานะไว้ (เพราะงี้เค้าถึงเรียกว่า Loyalty 55)
ที่คาดหวังมากๆ ในบัตรสมาชิก Flyer Bonus Premier membership ก็คือ การใช้ Business checkin counter ครับ เป็นอะไรที่อยากใช้มาก เพราะถึงแม้เราจะเช็คอินผ่านเว็บแล้ว แค่จะไป drop กระเป๋าเฉยๆ บางทีก็ต้องต่อคิวเหมือนกัน อย่างวันนี้ไปสุวรรณภูมิก็ไปยืนรอ drop กระเป๋าอยู่ 4-5 นาที พนักงานน้อย มีคนอยู่ 2 คิว เลยเดินไปถามตรง business/premier checkin counter เขาก็บอกว่ามา drop กระเป๋าตรงนี้ได้ แล้วถามว่าเป็น Premier ใช่ไหม? ก็ตอบว่าใช่ครับ แล้วก็ไปลากกระเป๋ามา สบายเลยครับต่อไป ไม่ต้องรอนาน
พนักงานก็ให้บริการติดแท็กกระเป๋าตามปกติ แต่ว่าที่พิเศษก็คือ เค้าจะติดแท็ก Premier ใส่กระเป๋าเราด้วยครับ
พอจัดการกระเป๋าเสร็จแล้ว พนักงานก็จะแจ้งว่าเราสามารถใช้ Business Lounge ได้ และที่พิเศษสุดๆ ที่ผมไม่คาดคิดก็คือ ได้อันนี้มาครับ* เป็นบัตร Premium Lane ของสนามบิน ที่ทำให้เวลาเราจะไปสแกนกระเป๋าก่อน ตม นั้น ไม่ต้องขึ้นไปชั้นบนแล้วกลับลงมาผ่าน ตม ชั้นล่าง
*จริงๆผมก็ไม่ทราบนะครับว่าเค้าจะให้ตลอดเลยหรือเปล่า หรือว่าแค่ครั้งเดียว หรือยังไง เพราะไม่ได้ถาม ใครทราบช่วยคอนเฟิร์มทีครับ
ก็คือเค้าจะมีห้องพิเศษ เลยไปจากทางขึ้นปกติไป เขียนว่า Premium Lane ในห้องนี้ก็เหมือนห้องสแกนของปกติครับ แต่ว่าคนน้อยมากๆ ไม่รอนาน และหลังจากผ่านตรงนี้แล้วก็จะเจอ ตม ทันที บริการไวมาก ไม่ต้องต่อคิวยาวเลย ชอบมากครับ เคยเข้าครั้งนึงตอนสายการบินศรีลังกาเค้าไถ่โทษที่ไม่ให้ผมขึ้นเครื่อง ทำให้ต้องค้างอยู่กรุงเทพ 1 คืนก่อนเดินทางไปอินเดีย (กระทู้เก่า) ตอนนั้นก็สงสัยมาตลอดว่าทำยังไงจะได้บัตร Premium Lane มาใช้ เพราะประหยัดเวลาไปได้ 15-20 นาทีเลย
พอผ่าน ตม เสร็จแล้วก็ไปทำ VAT Refund นิดหน่อย แล้วเดินไป Blue Ribbon Lounge ของ Bangkok Airways ซึ่งจะอยู่โซน A นะครับ ชั้น 3 ต้องลงบันไดเลื่อนไป อยู่ขวามือ เวลาเราเข้าไปจะต้องเอา Borderpass ให้พนักงานหน้าเคาน์เตอร์สแกน แล้วเค้าก็จะให้รหัสผ่านอินเตอร์เน็ตมา
ทั้งนี้เลานจ์ของ Bangkok Airways ปกติแค่มีบัตรสีฟ้าก็ใช้ได้นะครับ แต่พอมีบัตรสีดำที่เป็นบัตร Premier พนักงานจะแจ้งว่าให้เดินไปทางขวา ซึ่งเป็น Business Lounge
เดินเข้าไปก็จะเป็นแบบนี้ครับ จะเล็กกว่าเลานจ์ปกตินิดนึง (น่าจะเล็กกว่าเกือบครึ่ง) แต่ไม่มีคนเลย แล้วก็ตกแต่งสวยงามกว่ามาก
อีกมุมนึง ทางขวามือเวลาเดินเข้าไป จะมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ด้วย น่านั่งดี
หนังสือพิมพ์จัดวางเป็นระเบียบหยิบอ่านได้
ข้างในจะเป็นมุมนี้เลยครับ สังเกตว่าไม่มีคนเลย
มองเข้าไปด้านใน จะมีห้องพิเศษแยกอีกที จะมีทั้งสองด้านเลยครับ น่าจะเพื่อความเป็นส่วนตัว
ด้านในจะเป็นแบบนี้ครับ เป็นเก้าอี้นั่งเบาะหนัง บรรยากาศเงียบสงบน่านั่งดี
พอเข้าไปนั่งแล้ว พนักงานก็จะมาถามว่า มีเมนูอะไรบ้างวันนี้ และจะรับเครื่องดื่มอะไร ซึ่งวันนี้มีข้าวมันไก่
จัดชามานั่งจิบระหว่างรอ
นอกจากอาหารตามสั่งแล้ว ก็ยังมีของทานเล่นบริการตัวเองเหมือนเดิมครับ ลองเดินไปดูกันหน่อย
อ่า ข้าวต้มมัดที่เลื่องชื่อก็ยังอยู่นะ 555
มุมเครื่องดื่ม
ที่พิเศษอีกอย่างของ Business Lounge คือเค้าจะมีห้องน้ำให้ใช้ด้วย ไม่ต้องเดินออกไปข้างนอก ลองไปดูกันหน่อย
อีกมุมนึง
หลังจากออกมาแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่า เอ้อ นี่มันห้องน้ำหญิงนี่หว่า เวรกรรม มองไปอีกฝั่งเป็นห้องน้ำชาย มีโถปัสสาวะ งึม... เข้าผิดละ แต่ไม่มีคน ไม่เป็นไร -"-
สรุป ผมใช้เวลาประมาณ 6 เดือนเพื่อสะสมคะแนนจนได้ Premier membership มา บินประมาณ 16 ครั้ง เส้นทางส่วนใหญ่คือ ไปกลับ กรุงเทพ-หลวงพระบาง มี อุดร-กรุงเทพ บ้างครั้งสองครั้ง สะสมส่วนใหญ่จะขาละ 10 แต้มบ้าง 15 แต้มบ้าง ตอนแรกคิดว่านานน่าดู บินตั้งเกือบปี แต่มาดูวันที่ดีๆ แล้ว ก็ไม่นานนะ บินเยอะด้วย (แต่จริงๆ ต้องยอมรับว่าของบางกอกแอร์นี่ไต่ระดับง่ายครับ ไม่เหมือนสายการบินไทย อันนั้นมีแยกระดับหลายระดับ แถมสะสมยากกว่าเยอะ แลดูท่าจะไม่ไปถึงไหนง่ายๆ) ส่วนสิ่งที่ได้มานั้นถือได้ว่าคุ้มครับ ใครที่ไปสนามบินเดินทางออกนอกประเทศบ่อยๆ จะเข้าใจเลยว่ารอเช็คอินเอย รอสแกนกระเป๋าเอย รอตรวจ ตม เอย มันใช้เวลานานน่าดู การใช้สิทธิ์ที่สายการบินให้มานี่ถือว่าช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะ
จบแล้วครับ ขอบคุณครับที่ติดตาม
รีวิวอื่นๆ
รีวิวโรงหนัง 6 ดาว: Emprivé Cineclub
พาทัวร์รัฐเกรละ (Kerala) ประเทศอินเดีย ตอนที่ 2
พาทัวร์รัฐเกรละ (Kerala) ประเทศอินเดีย ตอนที่ 1