กล้องกระดาษ!
มันก็คือกล้องที่มีแต่แผงวงจรกับ camera module แล้วก็เอากระดาษหุ้มไว้เป็นบอดี้กล้อง
เมื่อแรกที่ผมได้ข่าวของกล้องนี้ก็ตอนที่ IKEA แจก 'คแนปป้า' เมื่อสักสองสามปีก่อน ตอนนั้นอยากได้มาก แต่หาซื้อไม่ได้
http://petapixel.com/2012/05/04/a-review-of-the-ikea-cardboard-camera/
โฆษณาว่ามีซูมกับระบบกันสั่นด้วย เอากะมันสิ แต่เดี๋ยวนะ!
ต่อมาผมเห็นอีกครั้งในรายการ DigitalRev ที่ ไค วอง เอาให้ Alex Ogle ใช้ใน Pro Photographer, Cheap Camera Challenge
-------------------------------------------
ในที่สุดมันก็มีขาย!!
ผมก็เลยหาว่ามันชื่ออะไรขายที่ไหน ก็ได้ความว่าตอนนี้เป็นกล้องไต้หวันชื่อ Paper Shoot (
https://www.papershoot.com) จากเท่าที่ดูภาพทดสอบเทียบกัน Paper Shoot ให้ภาพที่ดีกว่า Knappa ไปอีกมาก และเพิ่มฟังก์ชั่นขึ้นมาอีกหลายอย่างไปในทางที่ดีขึ้น
พอถามหาในเฟสบุ๊คกับบรรดา สสสส. (สมาชิกสมาคมส่งเสริมการเสียทรัพย์) ว่าจะซื้อได้ที่ไหนบ้าง น้องมิ๊งค์ร้านขายอุปกรณ์พวกไฟถ่ายภาพ (
https://www.facebook.com/Light1000Watt ) ก็ตอบกลับมาว่าฝากเขาสั่งซื้อก็ได้นะ เพราะเขาสั่งไฟต่อเนื่องกับอุปกรณ์ถ่ายภาพจากไต้หวันมาขายอยู่แล้ว พอรู้ผมก็เลยฝากให้ซื้อมาให้ด้วย
ไม่กี่วันไปรษณีย์ก็มาส่งของที่บ้านผม
นึกไม่ออกว่าตอนนั้นทำไมเลือกลายรถไฟสีแดง
ก่อนจะทำอะไรอย่างอื่น มาแกะกล่องกันก่อนเลย
ประกอบร่าง
ร้อยสายได้ 2 แบบ แบบนี้คือร้อยที่สกรูยึดบอดี้ แต่ตอนหลังผมว่าร้อยไปตรงช่องมองภาพง่ายกว่า
Paper Shoot มันคือ...?
มันคือโมดูลกล้องแบบที่ใช้กันในกล้อง web cam กล้องวงจรปิด หรือกล้องโทรศัพท์มือถือนั่นแหละครับ ติดกับแผงวงจรเปลือยๆ ห่อพลาสติกไว้กันถลอก แล้วเอากระดาษแข็งมาพับหุ้มอีกทีเป็นบอดี้ดื้อๆ เลย
ไม่มีอะไรให้บังคับควบคุมกล้องได้ทั้งสิ้นตามประสากล้อง Toy ทั่วไป ทุกอย่างที่เหลือต้องฝากไว้กับโชคชะตาจะพาไป
คุณสมบัติทั่วไป
- บอดี้กระดาษแข็งหุ้มแผงวงจร
- ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 3.1 ล้านพิกเซล
- วัดแสง Exposure, White Balance เป็น full auto
- เลนส์ฟิกซ์โฟกัส องศารับภาพแคบกว่าเลนส์ 35มม. หน่อย ถ่ายใกล้สุดประมาณศอกกว่าๆ ไปจนสุดสายตา ผมจำง่ายๆ ว่าถ้ามือเอื้อมไม่ถึง หรือเอาเท้าเขี่ยไม่ถึงแปลว่าชัด
- กดปุ่มชัตเตอร์เพื่อเปิด กดซ้ำเพื่อถ่าย กดค้างเพื่อปิด
- หน่วยความจำ microSD card
- แบตเตอรี่ AAA ใช้ถ่านอัลคาไลน์ถ่ายได้ไม่เยอะเท่าไหร่
- ไฟ LED 2 หลอด หลอดขวาพร้อมถ่าย หลอดซ้ายกำลังถ่าย หลอดขวากระพริบแบตอ่อน หลอดซ้ายกระพริบเมมเต็ม
- mini USB port สำหรับถ่ายข้อมูล
มีโหมดสีให้เลือกใช้ได้ 4 โหมด
- Classic Lomo เป็นโหมดที่คาดเดาได้ยากที่สุดว่ามันจะได้สีออกมาเป็นอย่างไร บางทีก็จืดๆ ทึบๆ บางทีก็ออกมาเหมือนรูปปกติ บางทีก็เป็นคล้ายๆ กล้องโลโม่
- Black and White ให้โทนขาวดำไฮคอนทราสท์ได้ไม่เลวเลยทีเดียว
- Golden Memories สีอุ่นๆ ติดไปทางเหลืองเขียวมากกว่าเหลืองส้ม ผมว่าสีนี้ไม่เข้าตาเลย
- Blue November สีเย็น ให้โทนสีฟ้าเขียวที่สวยสดสะใจทีเดียว
คุณภาพของภาพ
ปกติเป็นสิ่งที่ไม่ต้องพูดกัน เพราะกล้องทอยสำหรับการถ่ายภาพแนว lo-fi photography ไม่เน้นเรื่องนี้อยู่แล้ว ผมเลยไม่ได้เเทสเรื่องคุณภาพกันเป็นจริงเป็นจังนัก บอกคร่าวๆ ได้ว่าคุณภาพค่อนข้างดีในระดับกล้องโทรศัพท์มือถือระดับกลางๆ ดีกว่ากล้องทอยอื่นๆ ที่ผมเคยเล่นอยู่มาก
ความคมชัดใช้ได้ อันที่จริงต้องบอกว่าดีเหนือกว่าที่คาดไว้ด้วย ไดนามิคเรนจ์น้อยไปหน่อย chromatic aberration ไม่ค่อยมี barrel distortion กับ vignette มีพอสมควร
รวมๆ เรื่องคุณภาพไม่ต้องเอาสาระอะไรกับมันมาก มันคือกล้องทอยเต็มตัว ให้ภาพดีบ้าง แย่บ้าง คาดเดาไม่ได้ยิ่งกว่าถ่ายฟิล์มอีก ได้ภาพแบบที่คิดไม่ถึงออกมาตลอดเวลา ได้ภาพที่ต่างกันไปแม้ใช้โหมดเดียวกัน แปรปรวนยิ่งกว่าฟิล์มอนาล็อก น่าจะเป็นที่ถูกใจกับคนนิยมกล้อง Toy หรือนักถ่ายภาพสาย Lo-Fi
ฃ้อจำกัดในการใช้งาน
- ชัตเตอร์ lag มาก ประมาณ 1-2 วินาที ต้องวางแผนก่อนกดชัตเตอร์ให้ดีๆ
- rolling shutter effect รุนแรงหนักหนาสาหัสมาก เป็นบุคลิกประจำกล้องเลย จังหวะถ่ายภาพด้านบนกับด้านล่างของภาพอาจจะดีเลย์ห่างกันได้เป็นครึ่งวินาที จำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับมันให้ได้ก่อน แต่พอรู้จักเข้าใจกันแล้ว มันจะกลายเป็นของเล่นแสนสนุกที่เอามาเล่นอะไรได้เยอะเลย
- ปัญหาสองอย่างนี้ทำให้ต้องถือกล้องนิ่งๆ ประมาณ 2 วินาทีตอนถ่าย เพื่อให้ได้ภาพที่นิ่งคมชัด
- ไม่สามารถมองเห็นภาพได้ทั้งก่อนถ่าย และหลังถ่าย ต้องอาศัยจินตนาการเอาเอง แล้วค่อยไปลุ้นกันตอนเปิดดูภาพในคอมพ์
- บันทึกวันเวลาไม่ได้ กล้องไม่มีวิธีตั้งวันเวลา ทุกภาพจะถูกแท็กด้วยวันเวลาเดียวกันหมด แค่เรียงหมายเลขลำดับให้เท่านั้น
- น้อยส์แย่ ไดนามิคเรนจ์น้อยไปหน่อย
บทมันจะดี มันก็ดีแฮะ มี vignette อยู่พอเห็นได้
บทมันจะเพี้ยน มันก็เพี้ยนเอาแบบไม่เตือนล่วงหน้า สีตกกันเห็นๆ เลย
ภาพข้างล่างนี้ถ่ายด้วยโหมดสี Classic Lomo แต่สีออกมาไม่เหมือนกันเท่าไหร่ ผมเอามาปรับแสงนิดหน่อย แต่สีคงเดิม
***กล้องที่ผมใช้มี defect***
ฝั่งขวาของภาพเหมือนจะหลุดโฟกัสตลอดเวลา น่าจะเกิดจากระนาบโฟกัสไม่ขนานกับเซ็นเซอร์รับภาพ ภาพที่ถ่ายมาเลยจะมีส่วนที่ไม่ชัดอยู่ทางขวาของภาพ ไม่รู้ว่ากล้องอื่นจะมีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า เพราะกล้องพวกนี้คุณภาพมันมักจะไม่ค่อยคงที่สม่ำเสมอ แต่ละกล้องมักจะมีคาแร็คเตอร์ หรือปัญหาเฉพาะตัวแปลกๆ
มันดีตรงที่
- เล็ก เบา กระทัดรัด พกพาง่าย ไม่เป็นภาระ แขวนคอไว้ได้ตลอดเวลา โยนทิ้งไว้ในกระเป๋าก็ได้
- จับถนัดกว่าที่คิด การวางมือเป็นธรรมชาติดี
- แบต AAA ซื้อง่าย ใช้ง่าย
- เปลี่ยนเปลือกกระดาษได้ จะทำเองก็ได้ หรือซื้อก็ได้ แต่ผมคิดว่าถ้าเปลือกพังผมจะไม่ซื้อเปลือกใหม่ละ ใช้เมนบอร์ดเปลือยๆ เอาเทปแปะกันถ่านหลุดก็พอ
- ภาพประหลาดดี
- ผมชอบโทนขาวดำโทนนี้ แต่อันนี้เป็นรสนิยมของแต่ละคนนะ ที่ดีมากคือในส่วนมืดของมันยังมีดีเทลให้ขุดได้อีกเยอะเลย
สรุปว่ามันห่วย แต่มันสนุก
เสน่ห์ของการใช้กล้องพวกนี้คือคาดเดาไม่ได้ ว่าเราจะได้อะไรออกมา แม้จะเป็นสถานการณ์เดียวกัน บางทีก็ได้ภาพออกมาไม่เหมือนกัน ประมาณเกินครึ่งหนึ่งของภาพที่ผมถ่ายออกมา ได้ไม่ตรงกับที่จินตนาการไว้ การทดลองเล่นอะไรแปลกๆ กับมันบางทีก็ออกมาดี บางทีก็ล้มเหลว ทุกภาพที่ถ่ายจะได้บทเรียนใหม่ๆ เสมอ และมีลุ้นตลอดว่าที่ถ่ายมานี้ พอกลับไปเปิดดูในคอมพ์มันจะได้อะไรออกมา
ตอนนี้กำลังพยายามหาทางเล่นกับ Rolling Shutter Effect อยู่ ภาพพวกนี้เป็นภาพจากกล้อง ใช้การขยับกล้องสร้างเอ็ฟเฟ็กต์ ไม่ได้ใช้ซอฟท์แวร์
เวลาแพนกล้องมันก็จะได้ประมาณนี้ ทั้งซ้ายไปขวา และขวาไปซ้าย
ผมชอบเวลามันถ่ายย้อนแสงได้แฟลร์สวยประหลาดดี
หมุนกล้องไปด้วย
ลองเปลี่ยนเป็นโหมดขาวดำบ้าง อาการคล้ายๆ กับภาพสีคือคอนทราสไม่สม่ำเสมอ บางทีก็จัด บางทีก็ flat จับทางไม่ได้
น่าซื้อมั้ย?
ถ้าซื้อมาถ่ายรูปเพราะหวังคุณภาพ ข้ามไป กล้องดีกว่านี้ในโลกมีเป็นพันเป็นหมื่นรุ่น
ถ้าซื้อมาถ่ายเล่น อยากได้ภาพประหลาดๆ มีไอเดียในการเล่นกับสี โทน หรือ rolling shutter ก็จัดไป
ผมว่าแพงไปหน่อยสำหรับกล้องของเล่น เพราะไม่มีผู้นำเข้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง ต้องอาศัยฝากซื้อ ทำให้ราคากล้องนำเข้า มันอยู่ที่สองพันกลางๆ ถ้ามีผู้นำเข้าล็อตใหญ่ๆ น่าจะทำราคาไม่เกิน 2 พันได้อยู่
แต่ซื้อของเล่นมันไม่ต้องเกี่ยงราคามั้ง คิดแล้วราคาถูกกว่าถ่ายฟิล์ม 10 ม้วน ก็พอไหวอยู่ ผมถ่ายมา 400 รูปได้ ถ้าเป็นฟิล์มป่านนี้ราคาฟิล์ม ล้าง สแกน คงประมาณเดียวกับราคากล้องตัวนี้แล้วแหละ
Full Album
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10205730617893347.1073741960.1492667919&type=1&l=8463251517
[CR] Review: Paper Shoot กล้องกระดาษ ประหลาดดี
มันก็คือกล้องที่มีแต่แผงวงจรกับ camera module แล้วก็เอากระดาษหุ้มไว้เป็นบอดี้กล้อง
เมื่อแรกที่ผมได้ข่าวของกล้องนี้ก็ตอนที่ IKEA แจก 'คแนปป้า' เมื่อสักสองสามปีก่อน ตอนนั้นอยากได้มาก แต่หาซื้อไม่ได้
http://petapixel.com/2012/05/04/a-review-of-the-ikea-cardboard-camera/
โฆษณาว่ามีซูมกับระบบกันสั่นด้วย เอากะมันสิ แต่เดี๋ยวนะ!
ต่อมาผมเห็นอีกครั้งในรายการ DigitalRev ที่ ไค วอง เอาให้ Alex Ogle ใช้ใน Pro Photographer, Cheap Camera Challenge
-------------------------------------------
ในที่สุดมันก็มีขาย!!
ผมก็เลยหาว่ามันชื่ออะไรขายที่ไหน ก็ได้ความว่าตอนนี้เป็นกล้องไต้หวันชื่อ Paper Shoot (https://www.papershoot.com) จากเท่าที่ดูภาพทดสอบเทียบกัน Paper Shoot ให้ภาพที่ดีกว่า Knappa ไปอีกมาก และเพิ่มฟังก์ชั่นขึ้นมาอีกหลายอย่างไปในทางที่ดีขึ้น
พอถามหาในเฟสบุ๊คกับบรรดา สสสส. (สมาชิกสมาคมส่งเสริมการเสียทรัพย์) ว่าจะซื้อได้ที่ไหนบ้าง น้องมิ๊งค์ร้านขายอุปกรณ์พวกไฟถ่ายภาพ ( https://www.facebook.com/Light1000Watt ) ก็ตอบกลับมาว่าฝากเขาสั่งซื้อก็ได้นะ เพราะเขาสั่งไฟต่อเนื่องกับอุปกรณ์ถ่ายภาพจากไต้หวันมาขายอยู่แล้ว พอรู้ผมก็เลยฝากให้ซื้อมาให้ด้วย
ไม่กี่วันไปรษณีย์ก็มาส่งของที่บ้านผม
นึกไม่ออกว่าตอนนั้นทำไมเลือกลายรถไฟสีแดง
ก่อนจะทำอะไรอย่างอื่น มาแกะกล่องกันก่อนเลย
ประกอบร่าง
ร้อยสายได้ 2 แบบ แบบนี้คือร้อยที่สกรูยึดบอดี้ แต่ตอนหลังผมว่าร้อยไปตรงช่องมองภาพง่ายกว่า
Paper Shoot มันคือ...?
มันคือโมดูลกล้องแบบที่ใช้กันในกล้อง web cam กล้องวงจรปิด หรือกล้องโทรศัพท์มือถือนั่นแหละครับ ติดกับแผงวงจรเปลือยๆ ห่อพลาสติกไว้กันถลอก แล้วเอากระดาษแข็งมาพับหุ้มอีกทีเป็นบอดี้ดื้อๆ เลย
ไม่มีอะไรให้บังคับควบคุมกล้องได้ทั้งสิ้นตามประสากล้อง Toy ทั่วไป ทุกอย่างที่เหลือต้องฝากไว้กับโชคชะตาจะพาไป
คุณสมบัติทั่วไป
- บอดี้กระดาษแข็งหุ้มแผงวงจร
- ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 3.1 ล้านพิกเซล
- วัดแสง Exposure, White Balance เป็น full auto
- เลนส์ฟิกซ์โฟกัส องศารับภาพแคบกว่าเลนส์ 35มม. หน่อย ถ่ายใกล้สุดประมาณศอกกว่าๆ ไปจนสุดสายตา ผมจำง่ายๆ ว่าถ้ามือเอื้อมไม่ถึง หรือเอาเท้าเขี่ยไม่ถึงแปลว่าชัด
- กดปุ่มชัตเตอร์เพื่อเปิด กดซ้ำเพื่อถ่าย กดค้างเพื่อปิด
- หน่วยความจำ microSD card
- แบตเตอรี่ AAA ใช้ถ่านอัลคาไลน์ถ่ายได้ไม่เยอะเท่าไหร่
- ไฟ LED 2 หลอด หลอดขวาพร้อมถ่าย หลอดซ้ายกำลังถ่าย หลอดขวากระพริบแบตอ่อน หลอดซ้ายกระพริบเมมเต็ม
- mini USB port สำหรับถ่ายข้อมูล
มีโหมดสีให้เลือกใช้ได้ 4 โหมด
- Classic Lomo เป็นโหมดที่คาดเดาได้ยากที่สุดว่ามันจะได้สีออกมาเป็นอย่างไร บางทีก็จืดๆ ทึบๆ บางทีก็ออกมาเหมือนรูปปกติ บางทีก็เป็นคล้ายๆ กล้องโลโม่
- Black and White ให้โทนขาวดำไฮคอนทราสท์ได้ไม่เลวเลยทีเดียว
- Golden Memories สีอุ่นๆ ติดไปทางเหลืองเขียวมากกว่าเหลืองส้ม ผมว่าสีนี้ไม่เข้าตาเลย
- Blue November สีเย็น ให้โทนสีฟ้าเขียวที่สวยสดสะใจทีเดียว
คุณภาพของภาพ
ปกติเป็นสิ่งที่ไม่ต้องพูดกัน เพราะกล้องทอยสำหรับการถ่ายภาพแนว lo-fi photography ไม่เน้นเรื่องนี้อยู่แล้ว ผมเลยไม่ได้เเทสเรื่องคุณภาพกันเป็นจริงเป็นจังนัก บอกคร่าวๆ ได้ว่าคุณภาพค่อนข้างดีในระดับกล้องโทรศัพท์มือถือระดับกลางๆ ดีกว่ากล้องทอยอื่นๆ ที่ผมเคยเล่นอยู่มาก
ความคมชัดใช้ได้ อันที่จริงต้องบอกว่าดีเหนือกว่าที่คาดไว้ด้วย ไดนามิคเรนจ์น้อยไปหน่อย chromatic aberration ไม่ค่อยมี barrel distortion กับ vignette มีพอสมควร
รวมๆ เรื่องคุณภาพไม่ต้องเอาสาระอะไรกับมันมาก มันคือกล้องทอยเต็มตัว ให้ภาพดีบ้าง แย่บ้าง คาดเดาไม่ได้ยิ่งกว่าถ่ายฟิล์มอีก ได้ภาพแบบที่คิดไม่ถึงออกมาตลอดเวลา ได้ภาพที่ต่างกันไปแม้ใช้โหมดเดียวกัน แปรปรวนยิ่งกว่าฟิล์มอนาล็อก น่าจะเป็นที่ถูกใจกับคนนิยมกล้อง Toy หรือนักถ่ายภาพสาย Lo-Fi
ฃ้อจำกัดในการใช้งาน
- ชัตเตอร์ lag มาก ประมาณ 1-2 วินาที ต้องวางแผนก่อนกดชัตเตอร์ให้ดีๆ
- rolling shutter effect รุนแรงหนักหนาสาหัสมาก เป็นบุคลิกประจำกล้องเลย จังหวะถ่ายภาพด้านบนกับด้านล่างของภาพอาจจะดีเลย์ห่างกันได้เป็นครึ่งวินาที จำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับมันให้ได้ก่อน แต่พอรู้จักเข้าใจกันแล้ว มันจะกลายเป็นของเล่นแสนสนุกที่เอามาเล่นอะไรได้เยอะเลย
- ปัญหาสองอย่างนี้ทำให้ต้องถือกล้องนิ่งๆ ประมาณ 2 วินาทีตอนถ่าย เพื่อให้ได้ภาพที่นิ่งคมชัด
- ไม่สามารถมองเห็นภาพได้ทั้งก่อนถ่าย และหลังถ่าย ต้องอาศัยจินตนาการเอาเอง แล้วค่อยไปลุ้นกันตอนเปิดดูภาพในคอมพ์
- บันทึกวันเวลาไม่ได้ กล้องไม่มีวิธีตั้งวันเวลา ทุกภาพจะถูกแท็กด้วยวันเวลาเดียวกันหมด แค่เรียงหมายเลขลำดับให้เท่านั้น
- น้อยส์แย่ ไดนามิคเรนจ์น้อยไปหน่อย
บทมันจะดี มันก็ดีแฮะ มี vignette อยู่พอเห็นได้
บทมันจะเพี้ยน มันก็เพี้ยนเอาแบบไม่เตือนล่วงหน้า สีตกกันเห็นๆ เลย
ภาพข้างล่างนี้ถ่ายด้วยโหมดสี Classic Lomo แต่สีออกมาไม่เหมือนกันเท่าไหร่ ผมเอามาปรับแสงนิดหน่อย แต่สีคงเดิม
***กล้องที่ผมใช้มี defect***
ฝั่งขวาของภาพเหมือนจะหลุดโฟกัสตลอดเวลา น่าจะเกิดจากระนาบโฟกัสไม่ขนานกับเซ็นเซอร์รับภาพ ภาพที่ถ่ายมาเลยจะมีส่วนที่ไม่ชัดอยู่ทางขวาของภาพ ไม่รู้ว่ากล้องอื่นจะมีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า เพราะกล้องพวกนี้คุณภาพมันมักจะไม่ค่อยคงที่สม่ำเสมอ แต่ละกล้องมักจะมีคาแร็คเตอร์ หรือปัญหาเฉพาะตัวแปลกๆ
มันดีตรงที่
- เล็ก เบา กระทัดรัด พกพาง่าย ไม่เป็นภาระ แขวนคอไว้ได้ตลอดเวลา โยนทิ้งไว้ในกระเป๋าก็ได้
- จับถนัดกว่าที่คิด การวางมือเป็นธรรมชาติดี
- แบต AAA ซื้อง่าย ใช้ง่าย
- เปลี่ยนเปลือกกระดาษได้ จะทำเองก็ได้ หรือซื้อก็ได้ แต่ผมคิดว่าถ้าเปลือกพังผมจะไม่ซื้อเปลือกใหม่ละ ใช้เมนบอร์ดเปลือยๆ เอาเทปแปะกันถ่านหลุดก็พอ
- ภาพประหลาดดี
- ผมชอบโทนขาวดำโทนนี้ แต่อันนี้เป็นรสนิยมของแต่ละคนนะ ที่ดีมากคือในส่วนมืดของมันยังมีดีเทลให้ขุดได้อีกเยอะเลย
สรุปว่ามันห่วย แต่มันสนุก
เสน่ห์ของการใช้กล้องพวกนี้คือคาดเดาไม่ได้ ว่าเราจะได้อะไรออกมา แม้จะเป็นสถานการณ์เดียวกัน บางทีก็ได้ภาพออกมาไม่เหมือนกัน ประมาณเกินครึ่งหนึ่งของภาพที่ผมถ่ายออกมา ได้ไม่ตรงกับที่จินตนาการไว้ การทดลองเล่นอะไรแปลกๆ กับมันบางทีก็ออกมาดี บางทีก็ล้มเหลว ทุกภาพที่ถ่ายจะได้บทเรียนใหม่ๆ เสมอ และมีลุ้นตลอดว่าที่ถ่ายมานี้ พอกลับไปเปิดดูในคอมพ์มันจะได้อะไรออกมา
ตอนนี้กำลังพยายามหาทางเล่นกับ Rolling Shutter Effect อยู่ ภาพพวกนี้เป็นภาพจากกล้อง ใช้การขยับกล้องสร้างเอ็ฟเฟ็กต์ ไม่ได้ใช้ซอฟท์แวร์
เวลาแพนกล้องมันก็จะได้ประมาณนี้ ทั้งซ้ายไปขวา และขวาไปซ้าย
ผมชอบเวลามันถ่ายย้อนแสงได้แฟลร์สวยประหลาดดี
หมุนกล้องไปด้วย
ลองเปลี่ยนเป็นโหมดขาวดำบ้าง อาการคล้ายๆ กับภาพสีคือคอนทราสไม่สม่ำเสมอ บางทีก็จัด บางทีก็ flat จับทางไม่ได้
น่าซื้อมั้ย?
ถ้าซื้อมาถ่ายรูปเพราะหวังคุณภาพ ข้ามไป กล้องดีกว่านี้ในโลกมีเป็นพันเป็นหมื่นรุ่น
ถ้าซื้อมาถ่ายเล่น อยากได้ภาพประหลาดๆ มีไอเดียในการเล่นกับสี โทน หรือ rolling shutter ก็จัดไป
ผมว่าแพงไปหน่อยสำหรับกล้องของเล่น เพราะไม่มีผู้นำเข้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง ต้องอาศัยฝากซื้อ ทำให้ราคากล้องนำเข้า มันอยู่ที่สองพันกลางๆ ถ้ามีผู้นำเข้าล็อตใหญ่ๆ น่าจะทำราคาไม่เกิน 2 พันได้อยู่
แต่ซื้อของเล่นมันไม่ต้องเกี่ยงราคามั้ง คิดแล้วราคาถูกกว่าถ่ายฟิล์ม 10 ม้วน ก็พอไหวอยู่ ผมถ่ายมา 400 รูปได้ ถ้าเป็นฟิล์มป่านนี้ราคาฟิล์ม ล้าง สแกน คงประมาณเดียวกับราคากล้องตัวนี้แล้วแหละ
Full Album
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10205730617893347.1073741960.1492667919&type=1&l=8463251517