เคยถูกทวง"ซองงานแต่งงาน"กันบ้างไหมครับ ???

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเราและน้องชายเอง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตของเราซึ่งสร้างความประหลาดใจเกินกว่าที่คาดคิดไว้
ลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งเป็นลูกชายของน้องสาวพ่อ (อา) กำลังจะแต่งงานซึ่งเป็นข่าวดีที่เราก็ยินดีนัก แต่แล้วก็รู้สึกประหลาดใจมากกับซองงานแต่งที่เราเองก็ไม่มีประสบการณ์งานแต่งงานมาก่อน เราไม่รู้ว่าธรรมเนียมปฏิบัติเป็นเช่นนี้หรือเปล่า

ความประหลาดใจที่ 1 : ที่บ้านของเรามีด้วยกัน 4 คนประกอบด้วยพ่อ แม่ เรา และน้องชาย
ตามปกติเราถูกเชิญไปงานแต่งหลายต่อหลายงาน แต่ไม่เคยถูกเชิญไปพร้อมกับพ่อแม่สักครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และซองถูกส่งมาที่บ้านจำนวน 4 ซอง แยกเป็นของแต่ละคน ???

ความประหลาดใจที่ 2 : ในวันงานแต่งงานเราใส่ซองงานแต่งไว้เรียบร้อย ส่วนน้องชายเราทำงานต่างจังหวัดแต่รีบกลับมาก่อนงานเลิก จนลืมนำซองงานแต่งงานมา ขอทางเจ้าภาพก็ไม่มีเหลือแล้ว อีกอย่างงานกำลังจะเลิก เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินเก็บซองตามโต๊ะจนเกือบครบแล้ว น้องชายเลยให้เราแกะซองแล้วใส่เงินรวมกัน
เราเลยบอกว่า ได้ แต่ให้ไปบอกอา ซึ่งเป็นแม่เจ้าบ่าวก่อนว่าเงินรวมกัน 2 คน น้องชายเราก็ไปบอกเเสร็จสรรพเรียบร้อย เราจึงกลับบ้านกัน
2 วันถัดมามีโทรศัพท์ โทรมาจากอาถามน้องเราว่า "วันนัน xxx ใส่ซองมาหรือเปล่า ทำไมไม่มีซอง" น้องเรางงมาก ว่า มีการทวงถามกันด้วยเหรอ
น้องมาเล่าให้เราฟัง เราบอกว่า เราคิดอยู่แล้ว วันนั้นจึงให้น้องชายไปบอก เพราะรู้นิสัยแต่ไม่นึกว่าจะถึงขั้นโทรมาทวงกันจริงๆ ยบอกตามตรงว่า เสียความรู้สึกสุดๆ อย่างนี้ไม่ใช่ต้องการเชิญแขกผู้มีเกียรติแล้วแต่เป็นการเชิญแขกผู้มีตังค์ เสียความรู้สึกมากๆ ขนาดเป็นญาติกัน

จริงๆก็เคยเจอเรื่องราวคล้ายๆกันนี้จากญาติท่านนี้ที่ทวงว่าไปเที่ยวมาซื้อของมาฝากหรือเปล่า
คือ ตอนนั้น พ่อแม่และเราไปสิงค์โปร เดินทางกลับมา ไม่มีของฝากใครทั้งสิ้นเพราะเดินทางกันแบบ Backpack แล้วเราเองไม่คิดว่าสิงค์โปรจะมีของฝากอะไรที่น่าสนใจจึงไม่ซื้อฝากใครทั้งสิ้น
เราได้ยินว่าญาติๆไปพูดกันว่า ครอบครัวเราไม่ซื้อของมาฝากเลย แต่เราไม่ติดใจอะไร แต่พ่อเล่าว่า เขามาถามกับตัวพ่อเองเลยว่าซื้อของมาฝากหรือเปล่า ะพ่อก็บอกไปว่า ไม่ได้โหลดกระเป๋าไม่ได้ซื้ออะไรฝากใครสักคน
ผ่านไปหลายวัน อาแอบมาถามแฟนเราว่า "พ่อเราซื้อของอะไรมาจากสิงค์โปรบ้าง" "สิงค์โปร ทำไมไม่มีขนมของฝากอะไรเลยเหรอ" แฟนมาเล่าให้ฟัง เราอามรมณ์เสียมาก เหมือนไม่เชื่อคำพูดพ่อเรา
ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่เคยคุยกับญาติท่านนี้ จนถูกเชิญไปงานแต่งนี้ล่ะ

ปล.ขอโทษที่เหมือนบ่นมากไปหน่อยครับ ขอบคุณครับ แค่รู้สึกหงุดหงิดเสียอารมณ์เสียความรู้สึกดีดีครับ

เพื่อนๆเคยเจอเรื่องราวอย่างนี้กันหรือเปล่าครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 52
ผมว่าเลิกเหอะ ความคิดแบบที่ว่า ต้องจดไว้ใครให้เท่าไรก็ให้ใส่กลับ เวลาคนนั้นๆเขามีงาน
การให้ควรจะเป็นเรื่องของ ความเหมาะสม ฐานะตัวเรา และความสเน่หา เคารพนับถือ ในบุคคลที่เราจะใส่ซองหรือเปล่า?
ถ้าคิดว่าเขาใส่มาเท่าไรเราต้องใส่กลับเท่านั้น ถ้าเราฐานะไม่ดี แต่เขาฐานะดี เขาใส่ให้เรา 5000 แต่เราไม่มีปัญญาขนาดนั้น จะต้องใส่ให้ทุกข์กันเลยเหรอครับ

ผมเองไม่เคยมานั่งคิดว่าคนนั้นคนนี้ให้เท่าไร ต้องใส่กลับเท่าไร คิดแค่เพียงว่า คนนี้เราควรใส่ให้เท่าไร ให้เหมาะสมกับงานที่เขาจัด และความมีใจให้กัน ก็เท่านั้น ถ้าจะน้อยก็อย่าน้อยจนน่าเกลียด แต่ถ้าจะมากก็ไม่มากจนเบียดเบียนตัวเรา

จริงๆแล้วถ้ามาคิดกัน การจัดงานเลี้ยงแต่งฉลองแต่งงาน ชื่อมันก็บอกแล้วว่า "งานเลี้ยง" มันคือการเลี้ยงแขกที่เขาอุตส่าเดินทางมาร่วมยินดีกับเรา เราไม่ควรมานั่งคิดว่าคนนั้นไม่ให้ซอง คนนี้ไม่ให้ซอง หรือเปล่า??? เพราะมันคือการ "เลี้ยง" ขอบคุณแขกที่มาร่วมแสดงความยินดี เขาจะช่วยเงินค่างานหรือไม่ก็ไม่ควรมานั่งคิดเลยด้วยซ้ำ ซองที่แจกๆกันนี้จริงๆแล้วเขาไม่ได้ให้ใส่เงินกันเลย แค่เป็นซองใส่การ์ดเชิญ ถ้ารักกันก็เชิญกันให้เขาไปร่วมแสดงความยินดีก็เท่านั้น แต่คนเรามันคิดอะไรกัน ถ้าไม่พร้อมจะเลี้ยง ก็อย่าเลี้ยงเลยครับ เพราะมันคืองานเลี้ยง ไม่ใช่งานเก็บเงินให้มาดูเมิงแต่งงาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่