ที่มา:
www.facebook.com/SustainW
"- มารู้จักหุ้น BWG กันครับ -"
ตลาดหุ้นปีนี้ แทบจะเป็นปีทองของหุ้นพลังงานทดแทน หุ้นที่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าเกี่ยวกับพลังงานทดแทนขึ้นกันแบบไม่ลืมหูลืมตา
สำหรับผมแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หุ้นกลุ่มนี้คงจะยังไม่หยุดนิ่ง จนกว่า การออกใบอนุญาตการตั้งโรงงานไฟฟ้าจากรัฐบาลจะจบลง
การตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนนั้น เทคโนโลยี เป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น คือ วัตถุดิบที่จะป้อนโรงไฟฟ้า ยกตัวอย่างเช่น
1) โรงไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ - ต้นทุนวัตถุดิบเป็นศูนย์ ไม่มีปัญหาเรื่องการขนส่ง แต่มีปัญหาความไม่แน่นอนเรื่องของวัตถุดิบที่ได้รับ เนื่องจากกำหนดสภาพความแรงของแสงอาทิตย์ไม่ได้
2) โรงไฟฟ้าพลังลม - ต้นทุนวัตถุดิบเป็นศูนย์เช่นกัน ไม่มีปัญหาเรื่องการขนส่ง แต่มีปัญหาความไม่แน่นอนของวัตถุดิบที่ได้รับ เนื่องจากกำหนดความเร็วแรงของลมไม่ได้
3) โรงไฟฟ้าชีวมวล - ต้นทุนวัตถุดิบไม่เป็นศูนย์ ราคาต้นทุนอาจจะสูงขึ้นในอนาคต ถ้าโรงไฟฟ้าชนิดนี้มีมากขึ้น โรงไฟฟ้าควรจะใกล้แหล่งวัตถุดิบเพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องค่าขนส่ง
4) โรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะ - ต้นทุนวัตถุดิบไม่น่าจะสูงมาก เนื่องจากขยะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ บางครั้งเจ้าของขยะ เช่นโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องจ่ายเงินให้ผู้รับจำกัดขยะด้วยซ้ำ
โรงไฟฟ้าจากขยะ ถ้าอยู่ใกล้แหล่งขยะจะเป็นการดี เพื่อลดค่าขนส่ง แต่หลายๆ ครั้ง ค่าขนส่งจะถูกบวกในค่าบริการรับกำจัดขยะแล้ว
........
จากที่กล่าวไว้ข้างบน ทำให้ผมได้ลองศึกษาหุ้นเกี่ยวกับขยะ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จนพบกับหุ้น BWG
........
BWG ดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารและจัดการสิ่งปฏิกูล (ขอเรียกง่ายๆ ว่า ขยะ) ทั้งที่อันตรายและไม่อันตราย โดยมีศูนย์จัดการอยู่ที่จังหวัดสระบุรี
โดยหลักๆ แล้ว จะมีการบริหารจัดการขยะดังนี้
1) ฝังกลบขยะที่ไม่เป็นอันตราย
2) ปรับลดความเป็นพิษของขยะที่เป็นอันตรายแล้วฝังกลบ
3) บำบัดน้ำเสียทั้งแบบระบบชีวภาพ และบำบัดน้ำเสียเคมี
4) ระบบปรับปรุงขยะเป็นเชื้อเพลิงหรือวัตถุดิบทดแทน
ซึ่งการบริหารจัดการขยะ จะทำโดยบริษัทย่อยต่างๆ ดังนี้
1) BWC - เป็นบริษัทในการติดต่อและให้คำแนะนำแก่ลูกค้า
2) ETC - เป็นผู้รวบรวมขยะเพื่อผ่านกระบวนการและนำกลับมาใช้ในด้านพลังงาน เช่น โรงไฟฟ้า
3) BWT - เป็นผู้ให้บริการในการขนส่งขยะ
4) AKP - ผู้บริหารเตาเผาขยะอุตสาหกรรมอันตรายของกรมโรงงานอุตสหกรรม
ชึ่งโรงไฟฟ้าจากขยะโรงแรกของบริษัท ขนาดประมาณ 9 MW ได้รับใบอนุญาตเรียบแล้วแล้ว พร้อมทั้งการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI คาดว่าจะสร้างเสร็จประมาณไตรมาส 3 ปี 2559
........
จุดเด่นของ BWG คือ
1) รัฐบาลได้มุ่งเน้นความสำคัญในการการกำจัดขยะให้ถูกวิธี ถือเป็นวาระแห่งชาติ ทำให้ความต้องการในการใช้บริการของ BWG จากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
2) จากข้อ 1) กรมโรงงานอุตสาหกรรมอาจจะเปิดเตาเผาขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้ AKP บริษัทลูกของ BWG ได้งานบริหารมากยิ่งขึ้น
3) รัฐบาลยังคงจะให้ใบอนุญาตสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะต่อไป ซึ่งบริษัท EIC บริษัทลูกของ BWG มีโอกาสที่จะขอและได้ใบอนุญาตเพิ่มเติม
4) เมื่อใช้ขยะที่มีอยู่เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าขยะแล้ว จำนวนขยะที่ฝังกลบในบ่อจะลดน้อยลง ทำให้มีพื้นที่ในการฝังกลบมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องกังวลในการหาหลุมฝังกลบใหม่ ในกรณีที่หลุมเต็ม ซึ่งการหาหลุมฝังขยะใหม่ เป็นเรื่องที่ยุ่งมากมากในสมัยนี้ เนื่องจากการคัดค้านจากชุมชนใกล้เคียง
5) มีโอกาสที่จะนำบริษัทลูกคิด EIC ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ BWG มีมูลค่ามากขึ้น
6) วัตถุดิบแทบจะไม่ต้องซื้อ ขยะต่างๆ ที่ได้รับมาพร้อมกับเงินที่ได้เป็นค่ากำจัดขยะ
7) มีประสบการณ์ยาวนาน และคู่แข่งมีน้อยมาก คู่แข่งที่จะก้าวเข้ามาใหม่ ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลและต้องทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ที่จะต้องโรงงานบริหารจัดการขยะ
8) เทรนด์หรือแนวโน้มการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่จะอยู่อีกยาวนานและตลอดไป
........
ความเสี่ยงของ BWG คือ
1) เรื่องเงินลงทุน สร้างโรงไฟฟ้า อาจจะต้องทำการเพิ่มทุน ถ้า BWG และ EIC ต้องการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นทั้งจุดเด่นและความเสี่ยง
2) เรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ และความเสี่ยงจากการเริ่มต้นธุรกิจโรงไฟฟ้าที่พึ่งจะเริ่ม
3) ความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาลที่อาจจะเปลี่ยนไปได้
........
สุดท้ายคงจะเป็นเรื่องของมูลค่าของบริษัท ที่ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท แต่ยอดขายยังต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท และกำไรยังน้อยกว่า 200 ล้านบาท ทำให้ P/S ratio มากกว่า 4 เท่า P/E ratio มากกว่า 30x หมายความว่า ราคาหุ้นเทียบกับธุรกิจปัจจุบันนั้น "แพงมาก"
ซึ่งราคานี้คือ นักลงทุน ได้บวกมูลค่าของโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะโรงแรกไปแล้ว
ตอนนี้ ขึ้นอยู่กับว่า จะสามารถมีโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะได้กี่โรง โดยรบกวนเงินผู้ถือหุ้นให้น้อยที่สุด
........
การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องพิจารณาข้อมูลต่างๆ ให้ดีครับ
- โชคดีครับ -
มารู้จักหุ้น BWG กันครับ
"- มารู้จักหุ้น BWG กันครับ -"
ตลาดหุ้นปีนี้ แทบจะเป็นปีทองของหุ้นพลังงานทดแทน หุ้นที่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าเกี่ยวกับพลังงานทดแทนขึ้นกันแบบไม่ลืมหูลืมตา
สำหรับผมแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หุ้นกลุ่มนี้คงจะยังไม่หยุดนิ่ง จนกว่า การออกใบอนุญาตการตั้งโรงงานไฟฟ้าจากรัฐบาลจะจบลง
การตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนนั้น เทคโนโลยี เป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น คือ วัตถุดิบที่จะป้อนโรงไฟฟ้า ยกตัวอย่างเช่น
1) โรงไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ - ต้นทุนวัตถุดิบเป็นศูนย์ ไม่มีปัญหาเรื่องการขนส่ง แต่มีปัญหาความไม่แน่นอนเรื่องของวัตถุดิบที่ได้รับ เนื่องจากกำหนดสภาพความแรงของแสงอาทิตย์ไม่ได้
2) โรงไฟฟ้าพลังลม - ต้นทุนวัตถุดิบเป็นศูนย์เช่นกัน ไม่มีปัญหาเรื่องการขนส่ง แต่มีปัญหาความไม่แน่นอนของวัตถุดิบที่ได้รับ เนื่องจากกำหนดความเร็วแรงของลมไม่ได้
3) โรงไฟฟ้าชีวมวล - ต้นทุนวัตถุดิบไม่เป็นศูนย์ ราคาต้นทุนอาจจะสูงขึ้นในอนาคต ถ้าโรงไฟฟ้าชนิดนี้มีมากขึ้น โรงไฟฟ้าควรจะใกล้แหล่งวัตถุดิบเพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องค่าขนส่ง
4) โรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะ - ต้นทุนวัตถุดิบไม่น่าจะสูงมาก เนื่องจากขยะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ บางครั้งเจ้าของขยะ เช่นโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องจ่ายเงินให้ผู้รับจำกัดขยะด้วยซ้ำ
โรงไฟฟ้าจากขยะ ถ้าอยู่ใกล้แหล่งขยะจะเป็นการดี เพื่อลดค่าขนส่ง แต่หลายๆ ครั้ง ค่าขนส่งจะถูกบวกในค่าบริการรับกำจัดขยะแล้ว
........
จากที่กล่าวไว้ข้างบน ทำให้ผมได้ลองศึกษาหุ้นเกี่ยวกับขยะ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จนพบกับหุ้น BWG
........
BWG ดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารและจัดการสิ่งปฏิกูล (ขอเรียกง่ายๆ ว่า ขยะ) ทั้งที่อันตรายและไม่อันตราย โดยมีศูนย์จัดการอยู่ที่จังหวัดสระบุรี
โดยหลักๆ แล้ว จะมีการบริหารจัดการขยะดังนี้
1) ฝังกลบขยะที่ไม่เป็นอันตราย
2) ปรับลดความเป็นพิษของขยะที่เป็นอันตรายแล้วฝังกลบ
3) บำบัดน้ำเสียทั้งแบบระบบชีวภาพ และบำบัดน้ำเสียเคมี
4) ระบบปรับปรุงขยะเป็นเชื้อเพลิงหรือวัตถุดิบทดแทน
ซึ่งการบริหารจัดการขยะ จะทำโดยบริษัทย่อยต่างๆ ดังนี้
1) BWC - เป็นบริษัทในการติดต่อและให้คำแนะนำแก่ลูกค้า
2) ETC - เป็นผู้รวบรวมขยะเพื่อผ่านกระบวนการและนำกลับมาใช้ในด้านพลังงาน เช่น โรงไฟฟ้า
3) BWT - เป็นผู้ให้บริการในการขนส่งขยะ
4) AKP - ผู้บริหารเตาเผาขยะอุตสาหกรรมอันตรายของกรมโรงงานอุตสหกรรม
ชึ่งโรงไฟฟ้าจากขยะโรงแรกของบริษัท ขนาดประมาณ 9 MW ได้รับใบอนุญาตเรียบแล้วแล้ว พร้อมทั้งการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI คาดว่าจะสร้างเสร็จประมาณไตรมาส 3 ปี 2559
........
จุดเด่นของ BWG คือ
1) รัฐบาลได้มุ่งเน้นความสำคัญในการการกำจัดขยะให้ถูกวิธี ถือเป็นวาระแห่งชาติ ทำให้ความต้องการในการใช้บริการของ BWG จากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
2) จากข้อ 1) กรมโรงงานอุตสาหกรรมอาจจะเปิดเตาเผาขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้ AKP บริษัทลูกของ BWG ได้งานบริหารมากยิ่งขึ้น
3) รัฐบาลยังคงจะให้ใบอนุญาตสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะต่อไป ซึ่งบริษัท EIC บริษัทลูกของ BWG มีโอกาสที่จะขอและได้ใบอนุญาตเพิ่มเติม
4) เมื่อใช้ขยะที่มีอยู่เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าขยะแล้ว จำนวนขยะที่ฝังกลบในบ่อจะลดน้อยลง ทำให้มีพื้นที่ในการฝังกลบมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องกังวลในการหาหลุมฝังกลบใหม่ ในกรณีที่หลุมเต็ม ซึ่งการหาหลุมฝังขยะใหม่ เป็นเรื่องที่ยุ่งมากมากในสมัยนี้ เนื่องจากการคัดค้านจากชุมชนใกล้เคียง
5) มีโอกาสที่จะนำบริษัทลูกคิด EIC ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ BWG มีมูลค่ามากขึ้น
6) วัตถุดิบแทบจะไม่ต้องซื้อ ขยะต่างๆ ที่ได้รับมาพร้อมกับเงินที่ได้เป็นค่ากำจัดขยะ
7) มีประสบการณ์ยาวนาน และคู่แข่งมีน้อยมาก คู่แข่งที่จะก้าวเข้ามาใหม่ ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลและต้องทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ที่จะต้องโรงงานบริหารจัดการขยะ
8) เทรนด์หรือแนวโน้มการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่จะอยู่อีกยาวนานและตลอดไป
........
ความเสี่ยงของ BWG คือ
1) เรื่องเงินลงทุน สร้างโรงไฟฟ้า อาจจะต้องทำการเพิ่มทุน ถ้า BWG และ EIC ต้องการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นทั้งจุดเด่นและความเสี่ยง
2) เรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ และความเสี่ยงจากการเริ่มต้นธุรกิจโรงไฟฟ้าที่พึ่งจะเริ่ม
3) ความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาลที่อาจจะเปลี่ยนไปได้
........
สุดท้ายคงจะเป็นเรื่องของมูลค่าของบริษัท ที่ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท แต่ยอดขายยังต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท และกำไรยังน้อยกว่า 200 ล้านบาท ทำให้ P/S ratio มากกว่า 4 เท่า P/E ratio มากกว่า 30x หมายความว่า ราคาหุ้นเทียบกับธุรกิจปัจจุบันนั้น "แพงมาก"
ซึ่งราคานี้คือ นักลงทุน ได้บวกมูลค่าของโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะโรงแรกไปแล้ว
ตอนนี้ ขึ้นอยู่กับว่า จะสามารถมีโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะได้กี่โรง โดยรบกวนเงินผู้ถือหุ้นให้น้อยที่สุด
........
การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องพิจารณาข้อมูลต่างๆ ให้ดีครับ
- โชคดีครับ -