ทำไมพระเจ้าจึงไม่สร้างมนุษย์ทุกคนให้นับถือศาสนาเดียวกันตั้งแต่ทีแรก (จากคนไม่มีศาสนาครับ)

********ก่อนอื่นผมขอโทษด้วยนะครับ ผมลืมเฉพาะเจาะจงในหัวข้อไปว่า ต้องการถามความเห็นจากผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ผมเลยถือโอกาสขออนุญาติมาเขียนเพิ่มเติมไว้ ณ ตรงนี้ก่อน  สำหรับท่านที่นับถือศาสนาคริสต์ก็สามารถร่วมตอบคำถามได้ครับ เพราะเชื่อว่ามีหลักการแนวคิดคล้ายๆ กัน และขอกราบขอบพระคุณสำหรับการสละเวลาของท่านล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ครับ ยิ้ม*******


ต้องขออนุญาติเท้าความก่อนที่จะเริ่มตั้งคำถาม ค่อนข้างยาวนิดหนึ่งนะครับ ต้องกราบขออภัย อมยิ้ม17

ในปัจจุบันผมไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ เลย และผม**อาจจะ**เลือกที่จะเป็นเช่นนี้ต่อไปเพื่อความสบายใจ เป็นอิสระตัดขาดจากทั้งหลายทั้งปวง ในชีวิตที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสหลายครั้งที่ได้พบปะพูดคุย ซักถามกับเพื่อน/คนรู้จักในศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ ซึ่งผมก็กล้าพอที่จะตั้งคำถามแบบตรงไปตรงมาพร้อมเสนอความคิดบางอย่างของตนเองลงไปแบบไม่เกรงใจ แต่หาได้แฝงด้วยอากัปกิริยาก้าวร้าวดูถูก ดูหมิ่นใดๆ ซึ่งส่วนมากทั้งคนคริสต์และคนมุสลิมจะค่อนข้างรู้สึกไม่พอใจในคำถามของผม ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นได้ออกตัวก่อนหน้าแล้วว่า ผมสามารถที่จะตั้งคำถามใดๆ ก็ได้ เพราะหลักการในศาสนาของเขาคือวิทยาศาสตร์ล้วนๆ

ครั้งหนึ่ง ผมได้มีโอกาสทำความรู้จักกับผู้ที่เคร่งศาสนาอิสลามมากท่านหนึ่ง เขาเป็นอาเพื่อนผม วันนั้นเขากำลังนั่งอธิบายเกี่ยวกับเรื่องศาสนาอิสลามให้ผมและเพื่อนที่เป็นพุทธอีก 2 คนได้เข้าใจ อาจะจะเป็นไปได้ที่อาเพื่อนผมมีความปราถนาอยู่แล้วที่อยากจะเผยแพร่ศาสนาอิสลามให้เพื่อนและผมได้เปิดใจ มันมีประเด็นหนึ่งที่อาเพื่อนผมอธิบายว่า ถ้าไม่ใช่คนในศาสนาอิสลาม คนในศาสนาอื่นจะต้องตกนรกหมด เพราะเขาปฏิเสธอัลเลาะห์ ประเด็นนี้ทำให้ผมไม่ใคร่จะรู้สึกพอใจ ผมเลยถามอาว่า (ขออธิบายแบบสั้นๆ เข้าใจง่ายนะครับ)

"พระเจ้าที่เขานับถือนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด" เขาตอบว่า "พลานุภาพของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่มาก ท่านเป็นผู้สร้างและรังสรรค์ทุกๆ สิ่งในจักรวาล"
อาก็อธิบายไปเสียยืดยาวตามประสาผู้รู้ด้วยสำเนียงที่มั่นใจและเข้าถึงอารมณ์ เมื่อผมมีจังหวะ ผมถามต่อ

"ถ้าพระเจ้ายิ่งใหญ่มีอำนาจมากขนาดนั้น แบบนี้พระเจ้าก็น่าจะสามารถที่จะดลบันดาลทุกๆ สรรพสิ่งให้เป็นไปตามที่พระเจ้าต้องการได้ใช่ไหม" อาเพื่อนผมก็ยืนยันว่าใช่ แต่ก่อนที่อาจะพรรณนาถึงพลังแห่งพระเจ้าต่อ ผมเลยถามต่อว่า

"แล้วทำไมพระเจ้าจึงไม่สร้างมนุษย์ให้เป็นไปในแบบที่พระองค์ต้องการตั้งแต่ทีแรกล่ะ" อาเพื่อนผมหยุดคิดสักครู่ แต่แกก็ยังคงยืนยันว่า
"แล้วไม่ใช่หรอที่พระองค์ทรงสร้างพวกเราทุกคนให้เป็นมุนษย์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด เป็นอย่างที่พระองค์ต้องการ" แล้วคุณอาก็อธิบายไปเรื่อยเสียยืดยาวอีก ไปจนถึงเรื่องการทำศัลยกรรมเสริมทำจมูกนั้นเป็นบาป ฯลฯ ชนิดที่ผมเกือบจะแทรกถามต่อไม่ได้ เมื่อผมมีจังหวะ ผมจี้ในประเด็นที่ผมกำลังสงสัยอยู่ต่อไปว่า

"ทำไมพระเจ้าจึงไม่สร้างให้มนุษย์ทุกคนปราศจากซึ่งความขัดแย้ง สร้างให้มีศาสนาอื่นหรือให้สิทธิมนุษย์ในการนับถือศาสนาอื่นทำไม ทำไมจึงไม่ดลบันดาลให้มนุษย์ทุกคนนับถืออิสลามไปเลย สุดท้ายมนุษย์กลับก็ต้องมาสู้รบกันเพราะเรื่องของศาสนา อาบอกว่าคนนับถืออิสลามเท่านั้นที่จะได้ขึ้นสวรรค์ ส่วนคนในศาสนาอื่นจะตกนรก แล้วคนป่าในประเทศปาปัวนิวกินีที่นับถือผีสางนางไม้และไม่เคยได้พบปะพูดคุยกับคนในศาสนาอิสลามมาก่อนเลยล่ะ พระเจ้าจะทำอย่างไรกับเขา พวกเขาต้องลงนรกทั้งหมดเลยใช่ไหม หรือคนๆ หนึ่งที่นับถือพุทธ แต่เขากลับเป็นคนที่ดีมากที่สุดคนหนึ่งของโลกใบนี้ตลอดชีวิตของเขา พระเจ้าก็จะให้เขาตกนรกอยู่ดีใช่ไหม? ถ้าพระเจ้ามีอำนาจมากมายขนาดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างน่าจะง่ายดายเหมือนกดปุ่ม กดครั้งเดียว ทุกคนเข้ารับอิสลามหมด ทุกคนรักและเชื่อในพระเจ้า เช่นนี้แล้ว เป็นไปได้ไหมว่า พระเจ้าอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ได้มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จอย่างที่เราเข้าใจ อาจจะมีข้อจำกัดอยู่ไม่น้อยที่พระองค์ไม่สามารถทำได้ทั้งหมด  ทำไมตั้งแต่อดีตเมื่อพันกว่าปีมาแล้วจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีมนุษย์คนไหนเลยที่สามารถติดต่อกับพระเจ้าและเป็นตัวแทนรุ่นถัดมาให้กับพระองค์ เป็นไปได้ไหมว่า มนุษย์ในปัจจุบันมีสติปัญญาสูงมากจนเกินกว่าที่จะเปลี่ยนความคิดหรือชักจูง ซึ่งในอีกไม่เกิน 100 ปี เราอาจจะเดินทางออกไปในจักรวาลได้เสียด้วยซ้ำ อาจจะไปเจอมนุษย์ต่างดาวทรงภูมิปัญญาซึ่งอารยธรรมของเขาอาจจะไม่ได้เชื่อในพระเจ้า แต่ก็สามารถผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านการล่มสลายจนมีอารยธรรมที่สูงส่งกว่าเรามากก็เป็นได้"

ผมเริ่มเพ้อฝันร่ายยาวไปเรื่อย แต่เห็นได้ชัดว่าอาเพื่อนผมเริ่มไม่พอใจ และพยายามอธิบายว่าที่พระเจ้าไม่บังคับให้ทุกคนนับถืออิสลามแต่ทีแรกเพราะพระองค์ต้องการที่จะทดสอบมนุษย์ว่าจะมีมนุษย์สักกี่คนที่รักและยึดมั่นในพระองค์ ถ้าวันนี้ผมและเพื่อนรับเข้าศาสนาอิสลาม พระองค์ก็จะให้อภัยเสมอ แต่ผมก็พูดต่อ

"พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาให้เขาตัดสินใจที่จะเลือกนับถือศาสนาต่างๆ ตั้งแต่ทีแรก ให้สิทธิมนุษย์ในการที่จะคิด ใตร่ตรอง ใช้สติปัญญา เลือกที่จะนับถือ/ไม่นับถือศาสนาอิสลาม เสร็จแล้วก็สร้างสวรรค์ขึ้นมาสำหรับคนมุสลิม และนรกสำหรับคนต่างศาสนาและคนเลว พระเจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร หรือว่าพระองค์มีเวลาว่างเหลือเฟือ ถ้าเป็นอย่างที่อาพูดจริง พระเจ้าได้ถามคนในศาสนาอื่นไหมครับว่า เขาอยากจะเกิดมาบนกฎเกณฑ์เหล่านี้ของพระเจ้าหรือเปล่า ถ้าหากท่านจำเป็นต้องสร้างมนุษย์ ทำไมพระองค์ไม่ตัดวิจารณญาณในส่วนนี้ของมนุษย์ไปเลยและให้ทุกคนนับถืออิสลามไปเสียแต่แรก จริงๆ แล้วมนุษย์เหล่านั้นอาจจะไม่ได้อยากเกิดมาเลยก็ได้ ถ้าผมตายไป และผมได้พบกับพระเจ้าในขณะที่พระองค์กำลังตัดสินให้ผมตกนรกทั้งๆ ที่ผมเองก็**อาจจะ**เป็นคนดีมากคนหนึ่งในสังคม ผมคงต้องถามพระองค์ว่า แล้วท่านสร้างผมขึ้นมาทำไมกัน?"

เห็นได้ชัดว่า อาเพื่อนผมโกรธ ถึงจะพยายามพูดอย่างใจเย็น ก็เห็นอยู่ว่าขบกรามตลอดเวลา ไม่ว่าคุณอาจะพยายามอธิบายสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนลงไปได้ อาจเป็นเพราะอาอาจจะไม่ได้เป็นผู้ที่รอบรู้ในศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้งมากพอที่จะตอบคำถามผมได้ สุดท้ายก็เริ่มมีน้ำเสียงดุดันมากขึ้น บอกว่าผมลบหลู่เสียมารยาทมาก ทั้งๆ ที่ให้สิทธิ์ผมที่จะถามได้ทุกๆ คำถาม ในตอนท้าย อาเพื่อนผมก็แนะนำว่า ผมจะต้องไปพูดคุยกับอิหม่ามที่เขารู้จักเพิ่มเติม ซึ่งเขาเรียนจบจากไคโร ให้ผมลองเข้าไปศึกษาศาสนาอิสลามให้มากขึ้น แล้วผมจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ พร้อมกับจะช่วยเป็นธุระนัดแนะให้ผมเลย ซึ่งผมก็ปฏิเสธไป เพราะผมเองก็ค่อนข้างยุ่งมากๆ สำหรับผมแล้ว ผมขอกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติ ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อแม่และทุกๆ คนในครอบครัวเหมือนเดิมต่อไป และให้ความฝักใฝ่ในศาสนาเป็นเรื่องรองลงมาเมื่อผมมีเวลาว่างจริงๆ แต่ไม่ได้ปิดกั้นตนเอง จนกว่าจะมีศาสนาใดๆ ที่มาพิสูจน์และตอบคำถามเปิดใจผมได้ แต่ ณ ตอนนี้ดูจะมีแต่ศาสนาพุทธนะครับ พุทธสายกลางแต่ดั้งแต่เดิม ไม่เชื่อเรื่อง นรก สวรรค์ชั้นฟ้า รุกขเทวดา ผีสาง นางไม้ เป็นเรื่องของสมาธิ จิต ปรัชญาชีวิตล้วนๆ ผมยังไม่สามารถที่จะยอมรับนับถือศาสนาที่มีพระเจ้าที่สร้างมนุษย์และกฏข้อบังคับที่ไม่เป็นธรรม ขาดซึ่งความเมตตาอย่างแท้จริง เรามักเรียกร้องหาประชาธิปไตยและสิทธิที่เท่าเทียมกัน เราคงไม่อยากไปอยู่ในสังคมเผด็จการแบบเกาหลีเหนือที่บังคับว่าทุกคนต้องรักท่านผู้นำ ใครไม่รัก จะถูกจับส่งเข้าค่ายกักกัน(นรก)หมดยกโคตรใช่ไหมครับ? ***ถ้า***พระเจ้ามีจริง พระเจ้าในความคิดของผมมจะต้องเป็นผู้ที่ไว้ซึ่งความรัก ความเมตตาอย่างแท้จริง ไม่ว่ามนุษย์ผู้ใดจะนับถือศาสนาใดก็ตาม พระองค์จะต้องต้อนรับทุกคนเข้าสววรค์เสมออย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ

***ต้องขออภัยที่ร่ายเสียยืดยาวนะครับ ผมเลยอยากจะถามผู้รู้ในศาสนาอิสลาม ณ ที่นี้ด้วยคำถามเดิมว่า***

ในเมื่อพระเจ้ามีพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถดลบันดาลทุกๆ สรรพสิ่งให้เป็นไปในทิศทางที่พระองค์ต้องการ แต่ทำไมจึงไม่ใช้อำนาจนั้นๆ กำหนดให้เป็นไปในทางที่พระองค์ต้องการตั้งแต่ทีแรก ให้ทุกคนนับถืออิสลามและเป็นคนดีเสียให้หมด ไม่ต้องมีนรก สวรรค์ เพื่อที่โลกของเราจะไม่ต้องเต็มไปด้วยความขัดแย้ง สับสนวุ่นวายดังเช่นที่เห็นได้ในปัจจุบันนี้?

อยากทราบถึงเหตุผลที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาครับ พระองค์สร้างมาทำไม มีจารึกถึงเหตุผลนี้ไว้หรือไม่ครับ?


เพราะพระองค์มอบสติปัญญาให้ผมในความกล้าที่จะใตร่ตรอง ตัดสินใจด้วยตนเองที่จะเลือกไม่นับถือศาสนา ซึ่งถ้าผมหมดลมหายใจจากโลกใบนี้ไปแล้ว และถ้าพระเจ้าในศาสนาอิสลามหรือคริสต์มีอยู่จริงๆ ผมก็คือคนหนึ่งล่ะที่จะต้องตกนรกในข้อหาที่ปฏิเสธท่าน ทั้งๆ ที่ผมก็อาจจะเป็นคนดีคนหนึ่งในสังคมตลอดชีวิตที่ผ่านมา

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วสมัยล้านกว่าปีก่อนคริสตกาล มาแล้วได้มีมนุษย์อยุ่กลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำ มนุษย์พวกนี้คือมนุษย์พวกแรกขของโลกที่เกิดออกมาดำรงค์ชีวิตหลังจากยุคไดโนเสาร์พึ่งจะสูญพันธ์ไปไม่นาน และแล้ววันหนึ่งได้เกิดฟ้าผ่าขึ้นทำให้เหล่ามนุษย์ได้แต่ก้มหัวเอามือคลุมไว้ เสียงและแสง  ที่แลบสลับไปมากับเสียงอันกึกก้องทำให้พวกเขานึกว่าปิศาจร้าย   นานวันผ่านไปก็มีมนุษย์อยู่กลุ่มหนึ่งรวบรวมความกล้าแล้วลุกผุดขึ้นมาท่ามกลางฟ้าที่ร้องและแลบสลับอันกึกก้อง เหล่ามนุษย์ที่เหลือต่างงง และคงคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นคือผู้วิเศษ และมนุษย์พวกที่ลุกขึ้นมากลุ่มแรกทำเพียงแค่กล้าที่จะทำในสิ่งที่คนคนอื่นไม่กล้า กล้าทำในข้อห้ามที่ถูกปลูกฝังไว้  มนุษย์จำพวกนี้จึงกลายเป็น พระเจ้า , หมอผี ให้พวกมนุษย์ที่ยังไม่กล้าลุกขึ้นนี้บูชา และรับใช้   นานวันไปนานวันไป ก็เริ่มมีมนุษย์กลุ่มที่สองและสาม กล้าที่จะลุกขึ้นด้วยความกล้าๆกลัวๆ และด้วยความศรัทธาในมนุษย์กลุ่มแรก  และแล้วมนุษย์กลุ่มนี้จึงกลายไปเป็น ชนชั้น กษัตริย์ และนักบวชนั่นเอง ที่ทำหน้าที่คอยรับใช้มนุษย์กลุ่มแรก และต่อๆไปก็เป็น มนุษย์กลุ่มสี่ ที่ได้แต่กลัวไม่กล้าจะทำอะไรวันๆก็ต้องคอยฟัง ต้องรับใช้ พวกกลุ่มที่ สอง และ สาม มนุษย์กลุ่มนี้ก็คือพวกเรานั่นเอง ด้วยความศรัทธาต่อ พระเจ้า นักบวช และกษัตริย์
      เมื่อเวลาล่วงผ่านไป ก็เกิดสงครามขึ้น ระหว่างมนุษย์กลุ่มที่สองและกลุ่มที่สามที่ต่างแย่งชิงอำนาจกัน  โดยอ้างว่าเป็นประสงค์ของมนุษย์กลุ่มแรก เพื่อที่จะขึ้นไปเป็นมนุษย์กลุ่มแรกเสียเอง  (สงครามเกี่ยวกับศาสนา สงครามแย่งชิงอำนาจ)  ส่วนเรามนุษย์กลุ่มสุดท้าย ก็ยังกล้าๆกลัวๆ และโดยปิดหูปิดตาตลอดไป นั่นคือพวกเรา

ผมว่ามนุษย์ คือพระเจ้า เราทุกคนคือพระเจ้า  พระเจ้ามีจริง แต่ไม่ได้อยู่ในแบบที่มนุษย์เข้าใจ   และพระเจ้าก็ไม่ได้มีส่วนช่วยในการดลบรรดาลตามสิ่งที่มนุษย์ขอพร  แต่เมื่อเราขอพรแล้วไม่เป็นผล ก็จะมีคนบางประเภทคอยหาข้ออ้างถางถางให้ดูดีไปในแต่ละศาสนา  สวดมนต์ขอพรหรอ ขอแล้วทุกคน อมตะไหม ขอแล้วรวยหรอ ไม่มี  และตอนนี้พระเจ้าคือตัวของผมเอง และผมก็คือพระเจ้าที่ตัวผมศรัทธา นั่นล่ะคือสิ่งที่ตอบโจทย์ของผม ทำให้ผมสำเร็จอะไรหลายๆ  ใช่ว่าผมไม่มีศาสนา ผมศาสนาพุทธ ผมจิตยังไม่แข็งพอผมขอมีที่ยืนหน่อย อย่างน้อยก็ดึงคำสอนของ พุทธเจ้ามายึดเหนี่ยวได้ แต่พุทธเจ้าท่านก็ไม่ใช่ พระเจ้านะครับ ท่านก็คือ มนุษย์  ลองอ่านเนื้อความข้างบนดูแล้วอาจจะเห็นภาพครับ

ผมเลิกงมงายในหลายๆอย่าง ในเรื่องเคล็ด เรื่องฮวงจุ้ยและอีกหลายๆเรื่องโดยเฉพาะคำอวยพร    ผมเริ่มไม่ใส่ใจละ
สังเกตุได้จาก นักปั่นจักรยานรอบโลก พึ่งได้รับคำอวยพรมา ให้เดินทางสวัสดิภาพ สุดท้ายโดนกะบะสอยตายเฉย   นี่หรือคือคำอวยพรที่มนุษย์ใฝ่หา มันเป็นคำพูดที่ทำให้เรารู้สึกดีเฉยๆ คือสิ่งยึดเหนี่ยว จิตแข็งพอแล้วอย่าไปใส่ใจ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  อัลกุรอ่าน ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนา
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่