กฎหมายไทยไม่ได้แยก CC รถ ดูจากใบขับขี่ก็รู้ว่าเป็นแบบนั้น

เรื่องท่อดัง ขี่หวาดเสียว แข่งกัน เป็นเรื่องของตัวบุคคล รถเก๋งก็มีให้เห็นอยู่ทุกวัน

กฎหมายไทยมองรถจักรยานยนต์เป็นรถเล็กหมด ไม่ปลอดภัยถ้าให้มาวิ่งในช่องทางที่ใช้ความเร็ว ก็ถูก แต่กับรถ BB มันไม่ใช่ ทั้ง นน รถ อัตราเร่งที่ดีกว่ารถเก๋งมากแบบไม่เห็นฝุ่น

ประเด็นคือควรแก้กฎหมายหรือไม่

หลายคนอาจยังไม่รู้เพราะอายุน้อยหรือเกิดไม่ทัน ว่า...

ในอดีตรถกะบะ 4 ล้อถูกมองเป็นรถบรรทุกต้องวิ่งชิดซ้าย เหมือนจักรยานยนต์หรือรถบรรทุกใหญ่ทุกอย่าง จนเป็นช่องทางทำมาหากินของตำรวจ

จนกระทั่งะรถกะบะในช่วงหลังๆ เเม้ในขณะนั้นประสิทธิภาพความคล่องตัวมันมีมากกว่าที่จะเหมารวมให้เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ได้

ก็ทำผิดกฎหมายเหมือนจักรยานยนต์ทุกวันนี้นี่แหล่ะ วิ่งขวา ขึ้นสะพานลอย ไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย จนตำรวจจับกันมัน(ปาก)เลย

แถมเอาหนังสือกฎหมายเปิดหน้านี้ให้ดูรอไว้เลย ผมเคยโดนกับตัว เพราะคงเหนื่อยในการแจ้งข้อหา(มั๊ง) ก็จับกันซะสนุกเลยนี่

เป็นแบบนี้อยู่นานมาก จนสุดท้ายโดนร้องเรียนมากๆเข้าก็ยอมแก้กฎหมาย จึงทำให้รถรถกะบะ 4 ล้อสามารถวิ่งได้เหมือนรถเก๋งในปัจจุบัน

เปรียบเทียบให้เห็นว่าประเด็นเรื่องมันอยู่ที่ไหน ส่วนเรื่องท่อดัง ขี่หวาดเสียว แข่งกัน เป็นเรื่องของตัวบุคคล คนที่ขี่ดีๆก็มีไม่น้อย ใครที่ท่อดัง ขี่แข่งกัน หวาดเสียดก็สมควรโดนจับไป ผมเห็นด้วยแต่ควรเป็นคนละข้อหาแยกออกไป

ส่วนข้อหาเรื่อง BB ขี่ช่องทางด่วนไม่ได้ก็เป็นอีกประเด็นไป อย่าเอาไปปนกัน ถ้าผิดกฎหมายก็ใช่ แต่เห็นด้วยกับกฎหมาย(ตรงนี้)หรือไม่ ผมไม่เห็นด้วย

ถ้าตัดเรื่องทัศนคติออกไป เอาเรื่องความผิดเฉพาะบุคคลออกไป ผมถามว่ารถ BB มันไปกีดขวางหรือทำให้การจราจรติดขัดหรือเปล่า? พูดง่ายๆว่าทำให้ใครเดือดร้อนในการใช้ถนนร่วมกันหรือเปล่า?

กฎหมายไม่ได้ถูกไปตลอดกาล เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เทคโนโลยี่เปลี่ยนไป กฎหมายก็ต้องแก้ปรับให้เหมาะสมกับยุคสมัยนั้นๆ เหมือนกับที่เเก้กฎหมายรถกระบะ 4 ล้อที่ผมเขียนมาข้างบนนี่แหล่ะ คนที่เดือดร้อนก็เห็นมีแต่ตำรวจนี่ล่ะ

สิ่งที่ผมอยากจะเสนอก็คือให้แยก CC รถออกมา โดยให้แยกใบขับขี่ออกมา และกำหนดอายุเช่น 25 ปีขึ้นไปถึงขี่รถ 250CC ขึ้นไปได้

และจะเก็บภาษีรถที่มีขนาด 250CC ขึ้นไปตามขนาดของความจุกระบอกสูบ ก็สมควรทำ เพราะตอนนี้เก็บ 100 บาททุกขนาดผมว่าก็ไม่เป็นธรรมกับรถเก๋งเขาเหมือนกัน