พระอภันมณีฉบับเร่งรัด ๒๑ ก.พ.๕๘

พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด

ชุดที่ ๗ สุดสาครศิษย์พระเจ้าตา

ตอนที่ ๒ เหตุทั้งนี้เพราะกรรมกระทำไว้

ฑ.มณฑา

จะกล่าวถึงเมืองการะเวก ซึ่งเป็นเมืองที่ สุดสาคร มุ่งหน้ามาตามหาไม้เท้าวิเศษของพระเจ้าตา ที่ถูกชีเปลือยลักเอาไป
เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่มีกัตริย์ชื่อ พระสุริโยทัย อายุได้ยี่สิบสองปี เพิ่งจะขึ้นครองราชสมบัติต่อจากองค์ก่อนที่สิ้นพระชนม์ไปไม่นานนัก
มเหสีชื่อ นางจันทวดี มีพระราชธิดาน้อยอายุเพิ่งจะสองปีกับสี่เดือนชื่อ เสาวคนธ์
เมืองการะเวกนี้มีความเจริญรุ่งเรือง ผาสุขสมบูรณ์มาก เพราะข้าราชการและประชาชนพลเมืองล้วนเป็นผู้อยู่ในศีลธรรมอันดี

วันหนึ่งเสนาก็มาทูลว่า มีตาเฒ่าชีเปลือยไม่นุ่งห่มเสื้อผ้า ขี่ม้าหน้าเหมือนมังกร ถือไม้เท้าหัวเป็นงูเข้ามาในเมือง
อ้างว่าเป็นผู้วิเศษจากเกาะพนมซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองนี้ เดินทางมาช่วยโปรดสัตว์ กำจัดโรคภัยแก่ผู้คนทั้งหลายด้วยการพรมน้ำมนต์
บัดนี้มีราษฎรมากมายคอยรอรดน้ำมนต์ อยู่ตั้งแต่ท้ายเมืองจนถึงหน้าวัง

พระสุริโยทัยก้เลื่อมใส ให้อำมาตย์ออกไปนิมนต์ผู้วิเศษเข้ามาทำพิธีในวังด้วย เมื่อชีเปลือยเที่ยวรดน้ำมนต์ให้ชาวบ้านจนรอบเมืองแล้ว
อำมาตย์ก็พาเข้ามาในวัง เหล่าชาววังทั้งหลายไม่เคยเห็นคนไม่นุ่งผ้า ก็มีอาการไปต่าง ๆ นานา

“หม่อมผู้หญิงชิงกันดูผู้วิเศษ
คิดว่าเปรตตกประหม่าหน้าเป็นหลัง
ร้องหวาดหวีดเกรียดเสียงสำเนียงดัง
นางชาววังวิ่งพัลวันเวียน
บ้างร้องด้วยแม่เจ้าคุณเอ๋ย
กระไรเลยเหลือร้ายไม่หายเหียร
บ้างซ่อนตัวกลัวสุดเที่ยวมุดเมี้ยน
ตกใจเจียนจะเป้นลมไม่สมประดี
............................................... .......................................................
บ้างว่าม้าน่ากลัวหัวเหมือนนาค
บ้างจุปากว่าไม้เท้ายาวจำหนับ
บ้างบอกความกระซิบสั่งนั่งคำนับ
ตรัสให้รับคุณเข้าไปในพระโรง “

เมื่อถึงหน้าท้องพระโรง ตาเฒ่าชีเปลือยก็ลงจากหลังม้าจะเข้าไปเฝ้าเจ้าเมือง
ม้ามังกรได้โอกาสก็กระโดดออกวิ่งโลดกลับไปหาเจ้านายที่จากมา ชีเปลือยใจหายเสียดายม้าถึงกับลมจับ
ล้มกลิ้งล้มหงายให้เหล่าเสนาช่วยกันพาไปที่ทิมริมโอสถ ซึ่งมีหมอหลวง พักรักษาตัวอยู่ที่นั่น
แต่ชีเปลือยก็วิตกว่าม้าหนีไปแล้ว ตนเองก็ไปไหนไม่รอด จึงป่วยไข้ได้ทุกข์อยู่หลายวัน

จนกระทั่งสุดสาคร ขี่ม้ามังกรเข้ามาถึงเมืองการะเวก ผู้คนเห็นม้าจำได้ว่าเป็นของชีเปลือย
คงจะเป็นลูกหลานท่านฤๅษี ก็ไต่ถามเรื่องราว สุดสาครก็ถามหาชีเปลือยว่าอยู่ที่ใด
ชาวบ้านก็บอกว่าอยู่ในวัง สุดสาครก้เข้าไปหาถึงในวัง

“ สุดสาครวอนว่าช่วยพาฉัน
ไปถึงทั่นหน่อยเถิดจ้าเมตตาหลาน
พวกขุนนางต่างเอ็นดูพระกุมาร
จึงว่าท่านลงเดินดำเนินไป
ในวังเวียงเยี่งอย่างไปข้างหน้า
อ้ายม้าลาอย่างนี้ขี่ไม่ได้
หน่อกษัตริย์ตรัสตอบว่าขอบใจ
สอนอย่างไรฉันจะทำไม่ก้ำเกิน
พระว่าพลางทางลงจากหลังม้า
ดังสิทธาเทพบุตรสุดสรรเสริญ
ส่วนเสนีปรีชาพากันเดิน
นาดดำเนินตรงไปเข้าในวัง “

พอถึงโรงหมอที่ในวังเห็นชีเปลือยนอนหลับอยู่ สุดสาครก็รีบเข้าไปคว้าไม้เท้าที่พิงอยู่ข้างฝา
เอามากวัดแกว่งแผลงศักดา ร้องตวาดด่าว่าเฒ่าเจ้าเล่ห์อยู่เอ็ดอึง ตาเฒ่าชีเปลือยตกใจตื่นขึ้นมาเห็นสุดสาคร
ซึ่งตนผลักตกลงเหวไปแล้วกลับคืนมาได้ ก้กลัวหัวหด วิ่งเตลิดออกจากที่พัก
พวกเสนาข้าราชการก้วิ่งตามกันไปเป็นพรวน ส่งเสียงอื้ออึงไปทั่ววัง
พระสุริโยทัยได้ยินก็ไต่ถามพวกขุนนางที่เฝ้าอยู่ใกล้ ก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

จนกระทั่งสุดสาครถือไม้เท้าเดินเข้ามากลางท้องพระโรง ร้องบอกแก่ผู้คนทั้งปวง ว่าตนมาเอาไม้เท้าคืนเท่านั้น
ไม่ได้คิดจะทำร้ายผู้ใด พระสุริโยทัยเห็นฤๅษีองค์น้อยน่ารัก จึงนิมนต์ให้ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์
แล้วซักถามเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่ต้น

“ พระหน่อไทได้ฟังรับสั่งถาม
จึงตอบความตามจริตกิจฤๅษี
อาตมาอายุได้สามปี
พระชนนีชื่อมัจฉาวิลาวัลย์
พระบิตุรงค์องค์อภัยมณีนาถ
โอรสราชรัตนามหาสวรรค์
เมื่อตัวข้ามากำเนิดเกิดในครรภ์
พระจากกันจากเกาะแก้วพิศดาร
ครั้นคลอดข้าดาบสท่านรักใคร่
ช่วยเลี้ยงไว้พันผูกเหมือนลูกหลาน
ช่วยสอนฝึกศึกษาวิชาการ
แล้วให้ฉานชื่อว่า สุดสาคร ”

แล้วก็เล่าต่อถึงเรื่องที่มาแวะพักผ่อนที่เกาะพนม ก็ถูกตาเฒ่าชีเปลือย หลอกลวงให้ขึ้นไปบนภูเขา
ว่าจะสอนเวทย์มนต์กันน้ำกรดให้ แต่กลับผลักตกลงเหวหวังจะฆ่าให้ตาย แล้วยึดเอาไม้เท้ากับม้ามังกรไป
แต่บังเอิญยังไม่ถึงที่และม้าหนีกลับไปรับได้ จึงรอดชีวิตตามมาเอาไม้เท้าคืน

เจ้ากรุงการะเวกก็โกรธแค้นว่าชีเปลือยมาหลอกลวงราษฎร จึงให้เสนาไปตามจับตัวมาให้ได้
ซึ่งชีเปลือยก็ไม่ได้หนีไปไกล คงวนเวียนอยู่ในวังนั้นเอง พวกเสนาก็ฉุดลากเอาตัวมาหมอบอยู่หน้าที่นั่ง
แม้จะสอบสวนเท่าไรชีเปลือยก้ไม่ยอมรับว่าตั้งใจจะฆ่าฤๅษีน้อย แกล้งทำเป็นบ้าบอฟั่นเฟือนไม่รู้เรื่อง
เจ้ากรุงการะเวกจึงสั่งให้เอาเอาไปประหารชีวิตเสีย สุดสาครสงสารจึงขอชีวิตไว้

“ สุดสาครอ่อนจิตคิดสงสาร
จึงทัดทานทูลท้าวเจ้ากรุงศรี
ว่าขอโทษโปรดอย่าได้ฆ่าตี
เหตุทั้งนี้เพราะว่ากรรมกระทำไว้
ไม่หุนหันฉันทาพยาบาท
นึกว่าชาติก่อนกรรมทำไฉน
จะฆ่าฟันมันก็ซ้ำเป็นกรรมไป
ต้องเวียนว่ายเวทนาอยู่ช้านาน
รูปบวชกายหมายใจจะได้ตรัส
ช่วยส่งสัตว์เสียให้พ้นวนสงสาร
จะเข่นฆ่าตาเฒ่าไม่เข้าการ
ขอประทานโทษไว้อย่าให้ตาย “

พระเจ้ากรุงการะเวกก็ว่าจะยกโทษถวายให้ก็ได้ แต่ขอให้พระดาบสน้อยอยู่เป็นโอรสจะได้หรือไม่
สุดสาครก็ตอบขอบพระคุณ แต่อยากจะไปสืบหาพระบิดาให้พบเสียก่อน แล้วจะกลับมาอยู่ด้วย
พระสุริโยทัยก็ขอร้องให้รออยู่ก่อน จะได้สืบสาวราวเรื่องว่า พระอภัยมณีอยู่ที่เมืองไหน
เมื่อได้ข่าวคราวแน่นอนแล้ว จึงค่อยเดินทางไปหา สุดสาครก็ไม่สามารถที่จะขัดความปรารถนาดีของเจ้ากรุงการะเวกได้

พระสุริโยทัยจึงสั่งให้เสนา ปล่อยตัวชีเปลือยเป็นอิสระ แต่ให้ขับออกไปจากวัง สุดสาครก็ออกมาเรียกม้ามังกรสั่งว่า
ตนจะต้องพักอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ต่อไปก่อน เวลากลางวันจะออกไปเที่ยวที่ไหนในทะเลก็ตามใจ
แต่เวลาเย็นต้องกลับมาพบกันที่พระลานหน้าวังทุกวัน

แล้วพระเจ้ากรุงการะเวก ก็อุ้มดาบสน้อยเข้าไปข้างในที่ประทับ เมื่อพระมเหสีได้เห็นหน้าและทราบเรื่องแล้ว
ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะอยากจะได้บุตรชายอยู่แล้ว ทั้งสององค์ก็จัดเครื่องทรงอย่างกษัตริย์มาให้เปลี่ยน แต่สุดสาครปฏิเสธ

“ พระเห็นของสองกษัตริย์จัดมาให้
จะใคร่ได้เครื่องทรงน่าสงสาร
ว่าหม่อมฉันวันจะจากพระอาจารย์
ได้ตั้งสัตย์อธิษฐานต่อเทวา
มิได้กลับอภิวาทบาทดาบ
ก็ไม่ปลดปลิดเปลื้องเครื่องสิกขา
ซึ่งสององค์ทรงพระกรุณา
จะเมตตาแต่งหม่อมฉันประการใด
ขอประดับข้างนอกหนังเสือเหลือง
ให้ประเทืองไม่ได้ขัดอัชฌาสัย
จะทรงเครื่องเปลื้องหนังเสียทั้งไตร
เหมือนได้ใหม่ลืมเก่าดังเผ่าพาล “

สองพระองค์ผู้ครองกรุงการะเวกเอ็นดูว่ามีสัจจะ จึงไม่ขัดข้อง เมื่อได้จัดแจงแต่งองค์ทรงเครื่องเสรฌจเรียบร้อยแล้ว
ก็เรียกพระธิดา เสาวคนธ์ มาให้รู้จักพี่ชาย ทั้งสองก็รักใคร่สนิทสนมกันเป็นอันดี มเหสีจันทราวดีก้เลี้ยงดูสองกุมารคู่กันไป
โดยไม่ได้มีความเดียดฉันท์

“ สุดสาครนอนทับพระเพลาซ้าย
แล้วดื่มสายโลหิตสนิทสนม
จนอิ่มหนำฉ่ำชื่นรื่นอารมณ์
นางจูบเคล้าเผ้าผมเฝ้าชมเชย
ครั้นราตรีสี่กษัตริย์เข้าไสยาสน์
สำราญราชร่วมเรียงเคียงเขนย
ถนอมพักตร์รักใคร่กระไรเลย
ร่วมเสวยร่วมสรงพระคงคา “

ต่อมาพระเจ้ากรุงการะเวกก็คัดเลือกเด็กน้อย ลูกผู้ดีมีสกุลและข้าราชบริพาร ที่อายุใกล้เคียงกัน
มาเป็นเพื่อนเล่นกับราชบุตรและธิดาทั้งสอง เมื่อเติบโตขึ้นก็เล่าเรียนวิชาการต่าง ๆ ด้วยกัน
ทั้งความรุ้หนังสือและวิชาทหาร การรบทัพจับศึก

“ จนเจนจำชำนาญในการศึก
อาจารย์ฝึกพลรบให้หลบฝน
ทหารเลวเร็วรับกลับกลอกตน
แต่เม็ดฝนก็ไม่ถูกลูกเล็กเล็ก
ต่างคล่องแคล่วแกล้วกล้าปรีชาหาญ
ล้วนกุมารเหมาะเหมาะใส่เกราะเหล็ก
บ้างไว้จุกลูกขุนนางไว้หางเจ๊ก
ล้วนแต่เด็กน้อยน้อยห้าร้อยคน
ด้วยทิศาปาโมกข์เมืองการะเวก
เป็นองคืเอกอาจรู้หลบสู้ฝน
สำหรับฝึกศึกกัตริย์ให้จัดพล
รู้ผ่อนปรนปราบยุคทุกทุกองค์
จึงพาราผาสุขสนุกสนาน
พระกุมารบันเทิงระเริงหลง
ลืมนักสิทธฺบิตุราชมาตุรงค์
ใจพะวงอยู่ด้วยเล่นไม่เว้นวัน “

ในปีนั้นพระมเหสีจันทวดี ก็ประสูติโอรสอีกองคืหนึ่งได้ชื่อว่า หัสไชย ก้เลยกลายเป็นสามคนพี่น้อง เติบโตด้วยกันมา
สุดสาครก็อยู่อย่างมีความสุขในเมืองการะเวก จนเวลาล่วงไปถึงสิบปี ก็ยังไม่ได้ออกจากเมืองไปตามหาบิดา
ตามที่ได้ตั้งใจไว้เดิมแต่อย่างใด.


##########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่