ยาวนิดนึงนะคะ

คือ ช่วงวัยรุ่นเราเป็นสิวหนักมาก หาหมอคลีนิคตลอด มีประวัติการกินยาโรแอคฯ แอคโนติน ฯลฯ มาเรื่อย (ตอนนั้นไม่กลัวเรื่องตับพังเลย หน้ามันแย่สุดๆ มานึกตอนนี้ก็เสียใจ) ทุกครั้งที่กินยา เรากินครบโดสตามที่หมอสั่งทุกครั้งนะคะ
แต่ใจลึกๆ รู้สึกว่ามันไม่ตอบโจทย์อะ หน้าดีขึ้น พอหยุดยาก็เป็นอีก เราก็เลยหยุดหาหมอคลีนิค และหันมาศึกษาการรักษาสิวตามเน็ต (พันทิปเป็นหลัก)
ปรับอาหารการกิน ใช้เครื่องสำอางน้อยลง ไม่ตะโบมครีมตามกระแสเหมือนแต่ก่อน สิวก็น้อยลง
แต่ด้วยความที่เราเป็นคนหน้ามัน และต้องแต่งหน้าทำงานเกือบทุกวัน ทำให้ยังมีสิวอยู่เรื่อยๆ ที่คาง สลับกันขึ้นอยู่ตลอด มักจะอักเสบหัวหนองเล็กๆ สองสามหัวติดกันค่ะ  อันนี้ก็ยังทายาเบนแซค เรตินเอ และมีช่วงนี้ที่ทานยา doxy เพิ่มเข้ามาวันละ 2 เม็ด

อาการที่ว่าผิดปกติคือ
1. ช่วงนี้สิวที่คางเริ่มเหลือเม็ดสองเม็ด แต่กลับเจอว่ามีตุ่มอักเสบ เหมือนสิวแต่ใหญ่กว่า (เหมือนฝี) แต่เราไม่เคยเจาะหนองออกนะคะ ทนจนมันหายเจ็บ ก็จะยุบไปเอง ซึ่งจะเป็นตามร่างกายส่วนอื่นที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เช่น หลังหู ต้นคอ หนังศีรษะ ใต้รักแร้ ข้อพับแขน เป็นต้น
เรากลัวว่ามันมีสาเหตุมาจากการที่เราเคยกินยาอะไรเยอะแยะมาก่อน อาจทำให้ภูมิต้านทานเราเสีย หรือทำให้ร่างกายเราเกิดมีตุ่มผิวหนังอักเสบแปลกๆ แบบนี้รึเปล่า  หรือว่าเราคิดมากไปเองคะ  (อยากไปหาหมออยู่นะคะ แต่ก็กลัวหมอจะหัวเราะเอาว่าวิตกจริตน่ะค่ะ แหะแหะ)

2. ตั้งแต่วัยรุ่นมาไม่เคยปวดท้องประจำเดือนเลย แต่มีประวัติชอคซีสต์และตัดไปแล้วเมื่อยี่สิบปีก่อน (ไม่ได้ตรวจตามผลอีกเลย)
จะมีช่วงสองสามเดือนหลังนี้ที่ปวดท้องแปลบๆ ช่วงมีประจำเดือน ยิ่งอ่านเจอว่าบางคนเป็นสิวที่คางแล้วตรวจเจอว่ามีซีสต์ที่มดลูก มันเกี่ยวกันจริงหรือไม่คะ (แอบกลัวว่าถ้าเกี่ยวกันจริง คงต้องไปตรวจบ้าง)

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบและข้อแนะนำของทุกคนค่ะ