น้ำ ดื่มเป็น ก็เป็นยาได้
น้ำคือส่วนประกอบ 2 ใน 3 ส่วนของร่างกาย การดื่มน้ำเข้าสู่ร่างกายในจังหวะเวลา และปริมาณที่เหมาะสม สามารถบำบัดรักษาอาการของโรคต่างๆได้ เช่น โรคทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ โรคหลอดเลือดอุดตัน ไปจนถึงความดันโลหิตสูง เบาหวาน และอัลไซเมอร์ได้
ในร่างกายของมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 2 ใน 3 ส่วน เป็นส่วนสำคัญของเซลล์ต่างๆ และมีส่วนช่วยในการทำงานหรือเมตาบอลิซึมของร่างกาย แต่การดื่มน้ำปริมาณมากเกินไปก็เกิดโทษ ไตทำงานหนัก หรือถ้าดื่มน้อยเกินไปก็จะขาดความชุ่มชื้น หรือทำให้ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ง่ายเลือดหนืด หลอดเลือดอุดตัน เกิดอัลไซเมอร์ก็ง่าย
ทีนี้ปริมาณน้ำที่ควรจะดื่มในแต่ละวันจะคำนวณอย่างไร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องทาน วันละ 8 แก้วเท่ากันหมด ตามที่ท่องกันมาตั้งแต่เด็กน้ำหนักตัว (ก.ก.) คูณด้วย 30 คูณด้วย 1.1 ได้เป็นปริมาณซีซีของน้ำที่เราต้องการสมมติน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม คูณด้วย 30 และ 1.1 จะได้ 2,310 ซีซี เท่ากับ 2 ลิตร 310 ซีซี หรือถ้าน้ำแก้วละ 250 ซีซี จะได้ประมาณ 9 แก้วนิดๆตรงกันข้ามกับคนที่มีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม คูณด้วย 30 และ 1.1 จะได้ 1,650 ซีซี แค่ 6.6 แก้วต่อวัน ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
http://health-talk.net/น้ำดื่มเป็นยา/
ถ้าสมมติว่า คำนวณว่าต้องทานวันละ 9 แก้ว แล้วจะทานเวลาไหนอย่างไรดี ผมให้สูตรง่ายๆละกันว่าตอนเช้า ตื่นนอนแล้วอย่าเพิ่งไปบ้วนปาก ให้ดื่มน้ำไปก่อน 1 แก้ว เพื่อให้แบคทีเรียที่ดีในร่างกายเข้าไปเพิ่มปริมาณในลำไส้ และช่วยในเรื่องการขับถ่ายร่วมถึงแก้เลือดที่หนืดในช่วงเช้าได้อีกด้วย
จากนั้นตอนสายๆ 9-10 โมงเช้า ให้ทานอีกสักสองแก้ว เพราะร่างกายเริ่มสร้างของเสียแล้ว น้ำจะได้ชะล้างกำจัดของเสียได้ดีขึ้นตอนบ่ายๆ อีกสามแก้วเพ ราะว่าอากาศที่ร้อนทำให้เลือดหนืด ถ้าดื่มน้อยก็จะไปอุดตันในหลอดเลือดเล็กๆได้
สุดท้ายตอนเย็นอีกไม่เกิน 3 แก้ว เพื่อให้น้ำดื่มไหลเวียนชำระล้างสิ่งที่ตกค้างในกระเพาะอาหารและลำไส้ให้หมด รวมถึงหลับสบายอีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นยิ่งดีต่อสุขภาพการดื่มน้ำที่ถูกวิธี ไม่ควรดื่มทีเดียวหมดแก้วหรือหมดขวด เพราะการเทเข้าไปมากๆ ทีเดียว ร่างกายจะทำงานหนัก ร่างกายก็รีบเหมือนเรา ไม่ได้แลกเปลี่ยนเกลือแร่ วิตามินในน้ำ ไตจะรีบกำจัดออกทางกระเพาะปัสสาวะเช่นกัน ทำให้เราดื่มน้ำมากก็ปวดปัสสาวะไว แต่ถ้าเราค่อยๆจิบค่อยๆดื่ม จะไม่เกิดอาการช้ำรั่วหรือปวดห้องน้ำในระยะเวลาอันรวดเร็วนั่นเอง
http://health-talk.net/น้ำดื่มเป็นยา/ 
รู้ป่าวว่า น้ำ ดื่มเป็น ก็เป็นยาได้
น้ำคือส่วนประกอบ 2 ใน 3 ส่วนของร่างกาย การดื่มน้ำเข้าสู่ร่างกายในจังหวะเวลา และปริมาณที่เหมาะสม สามารถบำบัดรักษาอาการของโรคต่างๆได้ เช่น โรคทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ โรคหลอดเลือดอุดตัน ไปจนถึงความดันโลหิตสูง เบาหวาน และอัลไซเมอร์ได้
ในร่างกายของมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 2 ใน 3 ส่วน เป็นส่วนสำคัญของเซลล์ต่างๆ และมีส่วนช่วยในการทำงานหรือเมตาบอลิซึมของร่างกาย แต่การดื่มน้ำปริมาณมากเกินไปก็เกิดโทษ ไตทำงานหนัก หรือถ้าดื่มน้อยเกินไปก็จะขาดความชุ่มชื้น หรือทำให้ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ง่ายเลือดหนืด หลอดเลือดอุดตัน เกิดอัลไซเมอร์ก็ง่าย
ทีนี้ปริมาณน้ำที่ควรจะดื่มในแต่ละวันจะคำนวณอย่างไร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องทาน วันละ 8 แก้วเท่ากันหมด ตามที่ท่องกันมาตั้งแต่เด็กน้ำหนักตัว (ก.ก.) คูณด้วย 30 คูณด้วย 1.1 ได้เป็นปริมาณซีซีของน้ำที่เราต้องการสมมติน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม คูณด้วย 30 และ 1.1 จะได้ 2,310 ซีซี เท่ากับ 2 ลิตร 310 ซีซี หรือถ้าน้ำแก้วละ 250 ซีซี จะได้ประมาณ 9 แก้วนิดๆตรงกันข้ามกับคนที่มีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม คูณด้วย 30 และ 1.1 จะได้ 1,650 ซีซี แค่ 6.6 แก้วต่อวัน ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
http://health-talk.net/น้ำดื่มเป็นยา/
ถ้าสมมติว่า คำนวณว่าต้องทานวันละ 9 แก้ว แล้วจะทานเวลาไหนอย่างไรดี ผมให้สูตรง่ายๆละกันว่าตอนเช้า ตื่นนอนแล้วอย่าเพิ่งไปบ้วนปาก ให้ดื่มน้ำไปก่อน 1 แก้ว เพื่อให้แบคทีเรียที่ดีในร่างกายเข้าไปเพิ่มปริมาณในลำไส้ และช่วยในเรื่องการขับถ่ายร่วมถึงแก้เลือดที่หนืดในช่วงเช้าได้อีกด้วย
จากนั้นตอนสายๆ 9-10 โมงเช้า ให้ทานอีกสักสองแก้ว เพราะร่างกายเริ่มสร้างของเสียแล้ว น้ำจะได้ชะล้างกำจัดของเสียได้ดีขึ้นตอนบ่ายๆ อีกสามแก้วเพ ราะว่าอากาศที่ร้อนทำให้เลือดหนืด ถ้าดื่มน้อยก็จะไปอุดตันในหลอดเลือดเล็กๆได้
สุดท้ายตอนเย็นอีกไม่เกิน 3 แก้ว เพื่อให้น้ำดื่มไหลเวียนชำระล้างสิ่งที่ตกค้างในกระเพาะอาหารและลำไส้ให้หมด รวมถึงหลับสบายอีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นยิ่งดีต่อสุขภาพการดื่มน้ำที่ถูกวิธี ไม่ควรดื่มทีเดียวหมดแก้วหรือหมดขวด เพราะการเทเข้าไปมากๆ ทีเดียว ร่างกายจะทำงานหนัก ร่างกายก็รีบเหมือนเรา ไม่ได้แลกเปลี่ยนเกลือแร่ วิตามินในน้ำ ไตจะรีบกำจัดออกทางกระเพาะปัสสาวะเช่นกัน ทำให้เราดื่มน้ำมากก็ปวดปัสสาวะไว แต่ถ้าเราค่อยๆจิบค่อยๆดื่ม จะไม่เกิดอาการช้ำรั่วหรือปวดห้องน้ำในระยะเวลาอันรวดเร็วนั่นเอง
http://health-talk.net/น้ำดื่มเป็นยา/