สวัสดีครับ มนุษย์เงินเดือนคนนี้กลับมาแล้วครับ ขอโทษที่ห่างหายไปนานนะครับ พอดีเกิดเรื่องอุบัติเหตุขึ้นเล็กน้อย ทำให้ต้องไปนอน โรงพยาบลอยู่หลายคืน แถมต้องผ่าตัดอีกด้วย เพิ่งจะกลับมาทำงานได้เมื่อวานเองครับ...TwT แต่ก็ถือเป็นประสบการ์ณที่ดีครับ ไว้ตอนหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะครับ
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 5: Review ทริปใบไม้เปลี่ยนสี Kurobe goroge
เนื้อหาในวันนี้อาจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของมนุษย์เงินเดือน โดยตรงนะครับ แต่ก็อย่างที่เค้าพูดว่า Work hard Play hard ใช่ไหมครับ มีทำงาน ก็ต้องมี ท่องเที่ยวพักผ่อนบ้าง แหะ แหะ ไม่งั้นเดี่ยวเครียดตายกันพอดี
วันนี้ผมจึงจะพาทุกท่าน ไปนั่งรถรางเล่นกันที่ kurobe goroge หรือ หุบเขา คุโรเบะ จ. โทยามะ ครับ ที่ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็น สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น ครับ
การเดินทางครั้งนี้ เป็นทริปไปเช้า-เย็นกลับ จาก kanazawa ครับ โดยเราจะนั่งรถไฟปกติ ไปจนถึง สถานี UNAZUKI ซึ่งเป็นสถานีเริ่มต้นของรถราง สาย KUROBE GORGE RAIL WAY ที่จะมุ่งหน้าไปสู่
สถานีปลายทาง KEYAKIDAIRA ณ ใจกลางหุบเขาคุโรเบะ บรรยากาศที่ได้รับจะสวยงามแค่ไหน และ การเดินทางจะทรหดเท่าใด ไปรับชมกันได้เลยครับ
Kurobe goroge
วันเดินทาง : 9 Nov 2014
สถาพอากาศ : ฝนตกเล็กน้อย (10c)
ระยะเวลาเดินทาง : 240 นาที (จาก kanazawa sta.) โดยรถไฟ
ค่ารถไฟทั้งหมด : 8650 เยน (ไป-กลับ)
เป้าหมายคราวๆนะคับ
พวกผมนัดกันที่ สถานี kanazawa sta ตอน 7.00 น. สาเหตุที่ต้องออกตั้งแต่เช้า เพราะว่า การเดินทางใช้เวลาค่อนข้างนาน ประมาณ 4 ชั่วโมง และพวกผมตกลงกันไว้ว่า อยากจะไปให้ถึงก่อน 11.00 น. จะได้มีเวลาเดินเล่น ถ่ายรูปกันเยอะๆหน่อย (ฤดูนี้ฟ้ามืดเร็วนะครับ ปรมาณ 17.00 น. ก็มืดแล้ว)
พอเรารวมตัวกันครบก็เริ่มปฏิบัติการซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติครับ โดยสถานีแรกที่เราจะไปคือ สถานี UOZU ครับ เราก็ดูชื่อสถานีแล้วก็หยอดเงินตามที่เขียนไว้ครับ โดยค่าโดยสารอยู่ที่ 1490 เยน
****เกล็ดความรู้ : รถไฟ JR ถ้าเราซื้อตั๋ว 10 ใบ ที่ลงปลายทางเดียวกัน เราจะได้แถมตั๋วฟรี อีก 1 ใบ (ปลายทางที่เดียวกัน) เพราะฉะนั้น ถ้าไปกันเกิน 11 คน ให้ไปซื้อ ตั๋วโดยสาร จากเคานเตอร์ขายตั๋วนะครับ จะประหยัดลงไปได้นิดหนึ่ง) ส่วนรถไฟของบริษัทอื่นๆ ก็มีส่วนลดเช่นกันครับ ถ้าไปกันเยอะ แต่อาจจะลดราคาไม่เท่ากัน ฉะนั้นถ้าพอสื่อสารกับนายสถานีรู้เรื่องแล้วละก็ ให้ไปซื้อตั๋วกรุ๊ปจะถูกกว่านะครับ***
พอเรามาถึงสถานี UOZU ปัญหาก็บังเกิดละครับ เพราะมันต้องเปลี่ยนสถานี ไปขึ้นอีกสถานี SHIN UOZU พวกเราก็หาทางไปสถานีกันไม่เจอ เวลาก็มีให้ เปลี่ยนรถแค่ 5 นาที โอ้ววว...บร๊ะ
ดีที่พอพูดญี่ปุ่นกันได้ เลยรีบถาม นายสถานี เค้าก็บอกว่า ต้องลงอุโมงค์ลอดใต้รางรถไฟ ไปอีกฟากหนึ่งครับ พอฟังจบ ขอบคุณเสร็จเท่านั้นแหละครับ ตะโกนบอกเพื่อนๆ เลย “วิ่งงง” ก็วิ่งกันลงอุโมงค์ วิ่งไปก็ต้องมองหาป้ายไป (ป้ายเป็นภาษาญี่ปุ่นอีก เพื่อนบ้างคนก็อ่านไม่ออก) เจอป้าย ก็รีบวิ่งขึ้นไปซื้อตั๋ว กำลังจะหยอดเหรียญละ ....
นายสถานี เห็นมากันเยอะ ก็เลย เดินมาบอกว่า “ไม่ต้องหยอดครับๆ เดียวผมออกตั๋วกรุ๊ปให้ๆ มากันกี่คนครับ?” โล่งเลยครับ เพราะประหยัดเวลาไปได้เยอะมาก ไม่งั้นถ้าต้องมานั่งหยอดเหรียญทีละคน นี้ ไม่ทันแน่นอน แถมซื้อตั๋วเป็นกร็ปได้ลดราคาอีกด้วยครับ (ขอขอบคุณนายสถานีมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ)
พอจ่ายเสร็จ (เพื่อนผมออกเงินไปก่อน เดี่ยวค่อยไปเคลียร์กันบนรถ) ก็รีบวิ่งกันขึ้นรถไฟ แบบวินาทีสุดท้ายจริงๆครับ เหนื่อยมากตรงสถานีนี้ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้น ภายในเวลา 5 นาที !! โชคดีที่คนไม่เยอะ ก็เลยขึ้นรถไฟกันทันทุกคน
พวกเราก็นั่งกันมาเรื่อยๆ จนมาถึง สถานี UNAZUKIONSEN ออกจากสถานีมาเดินไปอีกประมาณ 5 นาที ก็ถึง สถานี UNAZUKI ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเราแล้วคร้าบบ
สถานี UNAZUKIONSEN
ที่สถานี UNAZUKIONSEN จะมีจุดขายตั๋วรถราง สาย KUROBE GORGE RAIL WAY ครับ ระหว่างทางก็จะมี อีกหลายๆสถานีแต่ แนะนำให้ ไปลง ที่สถานีปลายทาง KEYAKIDAIRA ก่อนเลยครับ แล้วขากลับค่อยแวะลงที่สถานี KANETSURI 2 สถานีนี้ก็พอครับ แล้วค่อยกลับมา ที่สถานี UNAZUKIONSEN
บริเวณสถานี UNAZUKIONSEN เราควรจะเพื่อเวลาที่นี้สัก 1ชั่วโมง นะครับ เพราะมีจุดถ่ายภาพสวยๆ เยอะมาก แล้วแต่ละจุดค่อนข้างห่างกันอยู่พอสมควร ต้องใช้เวลาเดินเยอะอยู่
ส่วนเรื่องอาหาร จะกินตรงนี้ก็ได้ มีร้านอาหารอยู่ในสถานี หรือจะขึ้นไป ที่สถานี KEYAKIDAIRA ก็มีร้านอาหารเช่นกันครับ
***** ตั๋วรถราง สามารถจองผ่านอินเตอร์เน็ตก่อนมาได้ครับ ถ้าเป็นวันหยุดยาวแนะนำว่าควรจองก่อนมาครับ ..แต่มาซื้อสด ก็ได้ครับเพียงแต่จะเสียเวลาต่อแถวนิดหน่อย...(มีรถตลอด 20-30 นาที ครับ ไม่ต้องกลัวรถเต็ม)*****
อันนี้เป็นรูปบรรยากาศที่สถานี และ จุดชมวิว รอบๆครับ
CR.ต้องขอบคุณภาพสวยๆ จากตากล้องที่ไปด้วยกันนะครับ(ไม่ได้ถ่ายเองครับ)
รถราง สาย KUROBE GORGE RAIL WAY

ไคลแมกซ์มันอยู่ตอนเรานั่งรถรางสีส้มๆ คันนี้แหละครับ บรรยากาศรอบข้างนี้ บอกได้เลยครับว่า สวยงามมาก แถมไม่มีจอดให้ถ่ายรูปนะครับ นั่งไป ถ่ายไป ชมไป โอโห้..บอกตามตรงลั่นชัตเตอร์กันแทบไม่ทัน เพราะวิวสวยๆ มันผ่านแล้วก็ผ่านไปเลย จะเห็นอีกครั้งก็ขากลับ ตอนที่มันไม่มีแสงแล้ว T^T พวกเราเลยถ่ายรูปกันมาเป็นร้อยๆ ใบ แต่สุดท้ายรูปก็เบลอบ้าง ติดเสา ติดต้นไม้บ้าง เหลือรูปที่สวยๆจริงๆไม่ถึง ครึ่งเลยครับ
รถรางนี้ มี 3คลาส ให้เลือกนะครับ ความเร็วเท่ากัน แต่แตกต่างกันตรงที่ ชั้นปกติจะเป็น รถ OPEN AIR ส่วนอีก 2 ประเภทจะติดกระจกรอบ และเบาะนั่งจะนุ่มขึ้นครับ (แต่แนะนำชั้นปกติก็พอครับ ถูกสุด ถ่ายรูปง่าย แต่อาจจะต้องรับลมหนาวกันหน่อย)
สถานี KEYAKIDAIRA
ที่สถานี KEYAKIDAIRA ใกล้ๆสถานี จะมี บ่อน้ำร้อนแช่เท้า ไว้คอยบริการครับ (ฟรี) แวะแชะกันได้ วิวก็สวยด้วยครับ
หลังจากนั้นก็เดินชมวิวไปเรื่อยๆ ใช้เวลา ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ครับ ระหว่างทางก็จะมี ออนเซ็น(เสียตังค์) ให้แวะพัก 2-3 แห่ง
เดินไม่ต้องสุดทางก็ได้ครับ วิวจากคล้ายๆกัน แต่ดูรอบรถไฟให้ดีนะครับ (ซื้อตั๋ว ตอนไหนก็ได้ครับ)
สถานี KANETSURI
สถานี KANETSURI นี้จะมี 2 จุดชมวิวที่น่าถ่ายรูปครับ จุดแรกคือ หน้าผานี้ ครับ ส่วนอีกจุด จะเป็น ลำธาร ที่เราสามารถลงไปเล่นน้ำได้ และ ที่สำคัญมีจุดแช่ออนเซ็นกลางแจ้งด้วยครับ (ฟรี) แต่ ต้องบอกว่า มัน สาธารณะมากจริงๆนะครับ ถ้าใครใจกล้าพอ ก็ลงไปเลยครับบ
หลังจากจบภารกิจ เดินชมธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลากลับแล้วครับ ขากลับก็กลับเส้นทางเดิม มาถึง KANAZAWA ประมาณ 20.30 น. หมดแรงครับ เพราะเจอทั้งฝน เจอทั้งหนาว คืนนั้นก็หลับเป็นตายครับผม..
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก พี่ๆน้องๆ ตากล้องที่ไปด้วยกันนะครับ และรูปบางส่วนจาก เว็บทางการของคุโรเบะ
http://www.kurotetu.co.jp/
สำหรับข้อมูลต่างๆ ทุกท่านสามารถเข้าไปดูได้ใน เว็บไซด์ของคุโรเบะ นะครับ มีภาษาอังกฤษด้วยครับ
และสุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวฉบับนี้นะครับ ขอบคุณมากครับบ..
จากที่เกริ่นไว้ตอนต้นนะครับ ว่าเพิ่งประสบอุบัติเหตุ เข้าโรงพยาบาล และได้รับการผ่าตัดมาสดๆ ร้อนๆ ฉะนั้น เรื่องราวในตอนต่อไปคงหนีไม่พ้น ประสบการ์ณในโรงพยาบาลญีปุ่น อย่างแน่นอนคร้าบบ...
จะมาเล่าให้ฟังถึงเหตุการ์ณในโรงพยาบาล ระบบประกันสุขภาพ ค่าใช้จ่าย และเรื่องจิปาถะต่างๆ ในช่วงเวลาที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นนะครับ ...ตัวผมเอง ก็ไม่นึกไม่ฝันเช่นกันว่า จะต้องมามีครั้งแรก(ถูกผ่าตัด) ที่ต่างประเทศเช่นนี้.. ฮ่าๆ จะได้รับประสบการ์ณแบบใด รึน่าตื่นเต้นแค่ไหนติดตามได้ใน
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 6: “ครั้งแรก” ของผม กับการผ่าตัด-นอนโรงพยาบาลในญี่ปุ่น
ขอบคุณมากครับ
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MEN IN JAPAX ตอนที่ 1 : รายได้ สวัสดิการและภาษี
http://ppantip.com/topic/32988822
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 2: ค่าครองชีพ และ ของข้าวจำเป็นในการเริ่มต้นชีวิตที่ญี่ปุ่น
http://ppantip.com/topic/32992572
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 3 : ฤดูกาล และ แฟชั่นตามฤดูกาล
http://ppantip.com/topic/33007984
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 4: 9 เรื่อง ที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น
http://ppantip.com/topic/33098342
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 6: “ครั้งแรก” ของผม กับการผ่าตัด และนอนโรงพยาบาลในต่างแดน
http://ppantip.com/topic/33316789
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 5: Review ทริปใบไม้เปลี่ยนสี Kurobe goroge
เนื้อหาในวันนี้อาจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของมนุษย์เงินเดือน โดยตรงนะครับ แต่ก็อย่างที่เค้าพูดว่า Work hard Play hard ใช่ไหมครับ มีทำงาน ก็ต้องมี ท่องเที่ยวพักผ่อนบ้าง แหะ แหะ ไม่งั้นเดี่ยวเครียดตายกันพอดี
วันนี้ผมจึงจะพาทุกท่าน ไปนั่งรถรางเล่นกันที่ kurobe goroge หรือ หุบเขา คุโรเบะ จ. โทยามะ ครับ ที่ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็น สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น ครับ
การเดินทางครั้งนี้ เป็นทริปไปเช้า-เย็นกลับ จาก kanazawa ครับ โดยเราจะนั่งรถไฟปกติ ไปจนถึง สถานี UNAZUKI ซึ่งเป็นสถานีเริ่มต้นของรถราง สาย KUROBE GORGE RAIL WAY ที่จะมุ่งหน้าไปสู่
สถานีปลายทาง KEYAKIDAIRA ณ ใจกลางหุบเขาคุโรเบะ บรรยากาศที่ได้รับจะสวยงามแค่ไหน และ การเดินทางจะทรหดเท่าใด ไปรับชมกันได้เลยครับ
Kurobe goroge
วันเดินทาง : 9 Nov 2014
สถาพอากาศ : ฝนตกเล็กน้อย (10c)
ระยะเวลาเดินทาง : 240 นาที (จาก kanazawa sta.) โดยรถไฟ
ค่ารถไฟทั้งหมด : 8650 เยน (ไป-กลับ)
เป้าหมายคราวๆนะคับ
พวกผมนัดกันที่ สถานี kanazawa sta ตอน 7.00 น. สาเหตุที่ต้องออกตั้งแต่เช้า เพราะว่า การเดินทางใช้เวลาค่อนข้างนาน ประมาณ 4 ชั่วโมง และพวกผมตกลงกันไว้ว่า อยากจะไปให้ถึงก่อน 11.00 น. จะได้มีเวลาเดินเล่น ถ่ายรูปกันเยอะๆหน่อย (ฤดูนี้ฟ้ามืดเร็วนะครับ ปรมาณ 17.00 น. ก็มืดแล้ว)
พอเรารวมตัวกันครบก็เริ่มปฏิบัติการซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติครับ โดยสถานีแรกที่เราจะไปคือ สถานี UOZU ครับ เราก็ดูชื่อสถานีแล้วก็หยอดเงินตามที่เขียนไว้ครับ โดยค่าโดยสารอยู่ที่ 1490 เยน
****เกล็ดความรู้ : รถไฟ JR ถ้าเราซื้อตั๋ว 10 ใบ ที่ลงปลายทางเดียวกัน เราจะได้แถมตั๋วฟรี อีก 1 ใบ (ปลายทางที่เดียวกัน) เพราะฉะนั้น ถ้าไปกันเกิน 11 คน ให้ไปซื้อ ตั๋วโดยสาร จากเคานเตอร์ขายตั๋วนะครับ จะประหยัดลงไปได้นิดหนึ่ง) ส่วนรถไฟของบริษัทอื่นๆ ก็มีส่วนลดเช่นกันครับ ถ้าไปกันเยอะ แต่อาจจะลดราคาไม่เท่ากัน ฉะนั้นถ้าพอสื่อสารกับนายสถานีรู้เรื่องแล้วละก็ ให้ไปซื้อตั๋วกรุ๊ปจะถูกกว่านะครับ***
พอเรามาถึงสถานี UOZU ปัญหาก็บังเกิดละครับ เพราะมันต้องเปลี่ยนสถานี ไปขึ้นอีกสถานี SHIN UOZU พวกเราก็หาทางไปสถานีกันไม่เจอ เวลาก็มีให้ เปลี่ยนรถแค่ 5 นาที โอ้ววว...บร๊ะ
ดีที่พอพูดญี่ปุ่นกันได้ เลยรีบถาม นายสถานี เค้าก็บอกว่า ต้องลงอุโมงค์ลอดใต้รางรถไฟ ไปอีกฟากหนึ่งครับ พอฟังจบ ขอบคุณเสร็จเท่านั้นแหละครับ ตะโกนบอกเพื่อนๆ เลย “วิ่งงง” ก็วิ่งกันลงอุโมงค์ วิ่งไปก็ต้องมองหาป้ายไป (ป้ายเป็นภาษาญี่ปุ่นอีก เพื่อนบ้างคนก็อ่านไม่ออก) เจอป้าย ก็รีบวิ่งขึ้นไปซื้อตั๋ว กำลังจะหยอดเหรียญละ ....
นายสถานี เห็นมากันเยอะ ก็เลย เดินมาบอกว่า “ไม่ต้องหยอดครับๆ เดียวผมออกตั๋วกรุ๊ปให้ๆ มากันกี่คนครับ?” โล่งเลยครับ เพราะประหยัดเวลาไปได้เยอะมาก ไม่งั้นถ้าต้องมานั่งหยอดเหรียญทีละคน นี้ ไม่ทันแน่นอน แถมซื้อตั๋วเป็นกร็ปได้ลดราคาอีกด้วยครับ (ขอขอบคุณนายสถานีมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ)
พอจ่ายเสร็จ (เพื่อนผมออกเงินไปก่อน เดี่ยวค่อยไปเคลียร์กันบนรถ) ก็รีบวิ่งกันขึ้นรถไฟ แบบวินาทีสุดท้ายจริงๆครับ เหนื่อยมากตรงสถานีนี้ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้น ภายในเวลา 5 นาที !! โชคดีที่คนไม่เยอะ ก็เลยขึ้นรถไฟกันทันทุกคน
พวกเราก็นั่งกันมาเรื่อยๆ จนมาถึง สถานี UNAZUKIONSEN ออกจากสถานีมาเดินไปอีกประมาณ 5 นาที ก็ถึง สถานี UNAZUKI ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเราแล้วคร้าบบ
สถานี UNAZUKIONSEN
ที่สถานี UNAZUKIONSEN จะมีจุดขายตั๋วรถราง สาย KUROBE GORGE RAIL WAY ครับ ระหว่างทางก็จะมี อีกหลายๆสถานีแต่ แนะนำให้ ไปลง ที่สถานีปลายทาง KEYAKIDAIRA ก่อนเลยครับ แล้วขากลับค่อยแวะลงที่สถานี KANETSURI 2 สถานีนี้ก็พอครับ แล้วค่อยกลับมา ที่สถานี UNAZUKIONSEN
บริเวณสถานี UNAZUKIONSEN เราควรจะเพื่อเวลาที่นี้สัก 1ชั่วโมง นะครับ เพราะมีจุดถ่ายภาพสวยๆ เยอะมาก แล้วแต่ละจุดค่อนข้างห่างกันอยู่พอสมควร ต้องใช้เวลาเดินเยอะอยู่
ส่วนเรื่องอาหาร จะกินตรงนี้ก็ได้ มีร้านอาหารอยู่ในสถานี หรือจะขึ้นไป ที่สถานี KEYAKIDAIRA ก็มีร้านอาหารเช่นกันครับ
***** ตั๋วรถราง สามารถจองผ่านอินเตอร์เน็ตก่อนมาได้ครับ ถ้าเป็นวันหยุดยาวแนะนำว่าควรจองก่อนมาครับ ..แต่มาซื้อสด ก็ได้ครับเพียงแต่จะเสียเวลาต่อแถวนิดหน่อย...(มีรถตลอด 20-30 นาที ครับ ไม่ต้องกลัวรถเต็ม)*****
อันนี้เป็นรูปบรรยากาศที่สถานี และ จุดชมวิว รอบๆครับ
CR.ต้องขอบคุณภาพสวยๆ จากตากล้องที่ไปด้วยกันนะครับ(ไม่ได้ถ่ายเองครับ)
รถราง สาย KUROBE GORGE RAIL WAY
ไคลแมกซ์มันอยู่ตอนเรานั่งรถรางสีส้มๆ คันนี้แหละครับ บรรยากาศรอบข้างนี้ บอกได้เลยครับว่า สวยงามมาก แถมไม่มีจอดให้ถ่ายรูปนะครับ นั่งไป ถ่ายไป ชมไป โอโห้..บอกตามตรงลั่นชัตเตอร์กันแทบไม่ทัน เพราะวิวสวยๆ มันผ่านแล้วก็ผ่านไปเลย จะเห็นอีกครั้งก็ขากลับ ตอนที่มันไม่มีแสงแล้ว T^T พวกเราเลยถ่ายรูปกันมาเป็นร้อยๆ ใบ แต่สุดท้ายรูปก็เบลอบ้าง ติดเสา ติดต้นไม้บ้าง เหลือรูปที่สวยๆจริงๆไม่ถึง ครึ่งเลยครับ
รถรางนี้ มี 3คลาส ให้เลือกนะครับ ความเร็วเท่ากัน แต่แตกต่างกันตรงที่ ชั้นปกติจะเป็น รถ OPEN AIR ส่วนอีก 2 ประเภทจะติดกระจกรอบ และเบาะนั่งจะนุ่มขึ้นครับ (แต่แนะนำชั้นปกติก็พอครับ ถูกสุด ถ่ายรูปง่าย แต่อาจจะต้องรับลมหนาวกันหน่อย)
สถานี KEYAKIDAIRA
ที่สถานี KEYAKIDAIRA ใกล้ๆสถานี จะมี บ่อน้ำร้อนแช่เท้า ไว้คอยบริการครับ (ฟรี) แวะแชะกันได้ วิวก็สวยด้วยครับ
หลังจากนั้นก็เดินชมวิวไปเรื่อยๆ ใช้เวลา ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ครับ ระหว่างทางก็จะมี ออนเซ็น(เสียตังค์) ให้แวะพัก 2-3 แห่ง
เดินไม่ต้องสุดทางก็ได้ครับ วิวจากคล้ายๆกัน แต่ดูรอบรถไฟให้ดีนะครับ (ซื้อตั๋ว ตอนไหนก็ได้ครับ)
สถานี KANETSURI
สถานี KANETSURI นี้จะมี 2 จุดชมวิวที่น่าถ่ายรูปครับ จุดแรกคือ หน้าผานี้ ครับ ส่วนอีกจุด จะเป็น ลำธาร ที่เราสามารถลงไปเล่นน้ำได้ และ ที่สำคัญมีจุดแช่ออนเซ็นกลางแจ้งด้วยครับ (ฟรี) แต่ ต้องบอกว่า มัน สาธารณะมากจริงๆนะครับ ถ้าใครใจกล้าพอ ก็ลงไปเลยครับบ
หลังจากจบภารกิจ เดินชมธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลากลับแล้วครับ ขากลับก็กลับเส้นทางเดิม มาถึง KANAZAWA ประมาณ 20.30 น. หมดแรงครับ เพราะเจอทั้งฝน เจอทั้งหนาว คืนนั้นก็หลับเป็นตายครับผม..
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก พี่ๆน้องๆ ตากล้องที่ไปด้วยกันนะครับ และรูปบางส่วนจาก เว็บทางการของคุโรเบะ http://www.kurotetu.co.jp/
สำหรับข้อมูลต่างๆ ทุกท่านสามารถเข้าไปดูได้ใน เว็บไซด์ของคุโรเบะ นะครับ มีภาษาอังกฤษด้วยครับ
และสุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวฉบับนี้นะครับ ขอบคุณมากครับบ..
จากที่เกริ่นไว้ตอนต้นนะครับ ว่าเพิ่งประสบอุบัติเหตุ เข้าโรงพยาบาล และได้รับการผ่าตัดมาสดๆ ร้อนๆ ฉะนั้น เรื่องราวในตอนต่อไปคงหนีไม่พ้น ประสบการ์ณในโรงพยาบาลญีปุ่น อย่างแน่นอนคร้าบบ...
จะมาเล่าให้ฟังถึงเหตุการ์ณในโรงพยาบาล ระบบประกันสุขภาพ ค่าใช้จ่าย และเรื่องจิปาถะต่างๆ ในช่วงเวลาที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นนะครับ ...ตัวผมเอง ก็ไม่นึกไม่ฝันเช่นกันว่า จะต้องมามีครั้งแรก(ถูกผ่าตัด) ที่ต่างประเทศเช่นนี้.. ฮ่าๆ จะได้รับประสบการ์ณแบบใด รึน่าตื่นเต้นแค่ไหนติดตามได้ใน
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 6: “ครั้งแรก” ของผม กับการผ่าตัด-นอนโรงพยาบาลในญี่ปุ่น
ขอบคุณมากครับ
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MEN IN JAPAX ตอนที่ 1 : รายได้ สวัสดิการและภาษี
http://ppantip.com/topic/32988822
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 2: ค่าครองชีพ และ ของข้าวจำเป็นในการเริ่มต้นชีวิตที่ญี่ปุ่น
http://ppantip.com/topic/32992572
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 3 : ฤดูกาล และ แฟชั่นตามฤดูกาล
http://ppantip.com/topic/33007984
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 4: 9 เรื่อง ที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น
http://ppantip.com/topic/33098342
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น SALARY MAN IN JAPAX ตอนที่ 6: “ครั้งแรก” ของผม กับการผ่าตัด และนอนโรงพยาบาลในต่างแดน
http://ppantip.com/topic/33316789