สวัสดีครับ เริ่มเข้าเรื่องเลยนะครับ
ห้องนี้ ถูกเรียกอย่างดูดีว่า "คอนโด" อยู่ย่านบางแค แต่จริงๆ ก็แค่ห้องเดี่ยวห้องนึง 23 ตร.ม. บนอาคาร 8 ชั้น แค่นั้น
แม่ผมเป็นทำการเช่าซื้อ ครับ
ราคาต้น ของ ห้องๆนี้ เมื่อสมัยปี 2545 อยู่ที่ 320,000 บาท
แม่ผมทำเรื่อง ผ่อนธนาคารไป 30 ปี ผมจำไม่ได้ว่าดอกเบี้ยร้อยละเท่าไร
ปีแรก (2545) ผ่อน 1800x12งวด/ปี = 21,600 บาท
ปีที่ 2-12 (2546-2557) ผ่อน 2400x12งวด/ปี x 10 ปี = 288,000 บาท
รวมเบ็ดเสร็จเสียเงินไปแล้ว 309,600 บาท
ซึ่งตอนนี้ยังค้างกับธนาคารอีก ราวๆ 200,000 บาท (ต้นหายไปเพียง 120,000 เท่านั้น)
ตรงนี้หลายคน คงตะหงิด ตำหนิในใจว่า ทำไมไม่โปะๆ ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปตั้งนานแล้ว ผ่อนให้เสียดอกทำไมตั้ง 190,000
คำตอบคือ มันค่อนข้างซับซ้อนนะครับ ทั้งรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งไม่มีเงินก้อนด้วยครับ
เรื่องมีอยู่ว่า
ตอนนั้น คิดแต่ว่า ต้องราคาขึ้นแน่ๆ เพราะ ทำเลค่อนข้างดูดี
1. 7-11 อยู่ปากซอย ห่างไป 700ม.
2.มีโรงเรียนประถมรัฐบาลอยู่กลางซอย ห่างไป 300 เมตร
3.ไปรษณีย์ อยู่ฝั่งตรงข้ามถ.เพชรเกษมเยื้องกับ 7-11
4.ห่างไปรษณีย์ไป 100 เมตร เป็น รพ. เอกชน
5.สถานีตำรวจ อยู่ซอยฝั่งตรงข้าม 7-11 ลึกเข้าไปแค่ 7-800 เมตร
5.ข้าง 7-11 มี Community Mall ขนาดใหญ่
6.นั่งรถเมล์ 8 ป้ายถึง The mall บางแค
7. รถเมล์ 6 ป้ายถึง สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่กำลังจะแล้วเสร็จ
แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างคิด เพราะสภาพแวดล้อมภายใน การบริหารของนิติบุคคลไม่ดี โกงกินน่าดู
มีแต่คนระดับชั้นล่างๆอยู่ พออาสามาทำนิติฯ เห็นเงินจำนวนมากก็ตาโต โกงเงินส่วนกลางกันทีหลายแสน
ปล่อยลิฟต์พังไฟดับ เป็นว่าเล่น ไม่จ้างแม่บ้านทำความสะอาด อาคารทรุดโทรม สกปรกมาก
สุดท้ายกลุ่มคนที่พอจะเก็บเงินทองได้ ก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่นที่ดีกว่า และส่วนมากปล่อยธนาคารยึดกันเยอะมาก
ใบหมายศาลแปะ เต็มหน้าประตูห้องดาษดื่นไปหมด
บ้านผมอยู่ได้ 3 ปี ก็ย้ายออกกันหมดและ ปล่อยเช่าไปตั้งแต่นั้น ด้วยราคาแสนถูกที่ 1500 บ./ด. เพราะมีแต่คนแข่งกันให้เช่า
สถานการณ์ 6-7 ปีที่ผ่านมา พอจะทรงๆ ตัว ปล่อยเช่าได้ หลังสุดเหลือ 1,200 บ./ด.แค่นั้น
แต่ครึ่งปีหลังมานี้ ไม่มีคนเช่าแล้ว + ปัญหาการเงินที่บ้านช่วงปี 57 มาแย่มากๆ แม่เลยปรึกษาผมว่าจะ ปล่อยยึด หรือขายขาดทุนดี
ขายก็ไม่รู้จะออกเมื่อไหร่ แถมขาดทุนอีกเพราะ ...
1.หนี้ค้างอีก 200,000 แต่ตอนนี้ ราคาห้องขายกันไม่เกิน 120,000 ถึงขายได้ ยังต้องหาเงินก้อนอีก 80,000 เพื่อมาโปะ
2.ไหนจะแข่งกันขายเอง ไหนจะแข่งกับธนาคารยึดห้องไปแล้วขายทอดตลาดอีก มีแต่คนขายไม่มีคนซื้อ
3.สาเหตุนึงที่ทำให้ ราคาตกต่ำ และหาคนซื้อยากมาก ได้ความมาจากการสอบถามธนาคารแห่งนึง
ธนาคารบอกว่า สถาบันการเงินมองว่า ปัจจุบันอาคารแห่งนี้เป็น"หนี้เสีย" ดังนั้นจึงไม่ปล่อยกู้แก่คนที่จะมาซื้อต่อ
สรุปง่ายๆ ว่าใครจะซื้อต่อไป ต้อง มีเงินสดเท่านั้น เลยหาคนมาซื้อต่อกันแทบไม่ได้เลย
ตอนนี้คิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรดี แต่การเงินแย่ถึงขั้นแม่ค้างค่างวด 2400 ที่ว่า ไปงวดนึงแล้ว จากที่ไม่เคยเบี้ยวเลย
ผ่อนคอนโดมา 12 ปี ราคาตก การเงินมีปัญหา ปล่อยยึดหรือขายขาดทุน ดีครับ
ห้องนี้ ถูกเรียกอย่างดูดีว่า "คอนโด" อยู่ย่านบางแค แต่จริงๆ ก็แค่ห้องเดี่ยวห้องนึง 23 ตร.ม. บนอาคาร 8 ชั้น แค่นั้น
แม่ผมเป็นทำการเช่าซื้อ ครับ
ราคาต้น ของ ห้องๆนี้ เมื่อสมัยปี 2545 อยู่ที่ 320,000 บาท
แม่ผมทำเรื่อง ผ่อนธนาคารไป 30 ปี ผมจำไม่ได้ว่าดอกเบี้ยร้อยละเท่าไร
ปีแรก (2545) ผ่อน 1800x12งวด/ปี = 21,600 บาท
ปีที่ 2-12 (2546-2557) ผ่อน 2400x12งวด/ปี x 10 ปี = 288,000 บาท
รวมเบ็ดเสร็จเสียเงินไปแล้ว 309,600 บาท
ซึ่งตอนนี้ยังค้างกับธนาคารอีก ราวๆ 200,000 บาท (ต้นหายไปเพียง 120,000 เท่านั้น)
ตรงนี้หลายคน คงตะหงิด ตำหนิในใจว่า ทำไมไม่โปะๆ ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปตั้งนานแล้ว ผ่อนให้เสียดอกทำไมตั้ง 190,000
คำตอบคือ มันค่อนข้างซับซ้อนนะครับ ทั้งรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งไม่มีเงินก้อนด้วยครับ
เรื่องมีอยู่ว่า
ตอนนั้น คิดแต่ว่า ต้องราคาขึ้นแน่ๆ เพราะ ทำเลค่อนข้างดูดี
1. 7-11 อยู่ปากซอย ห่างไป 700ม.
2.มีโรงเรียนประถมรัฐบาลอยู่กลางซอย ห่างไป 300 เมตร
3.ไปรษณีย์ อยู่ฝั่งตรงข้ามถ.เพชรเกษมเยื้องกับ 7-11
4.ห่างไปรษณีย์ไป 100 เมตร เป็น รพ. เอกชน
5.สถานีตำรวจ อยู่ซอยฝั่งตรงข้าม 7-11 ลึกเข้าไปแค่ 7-800 เมตร
5.ข้าง 7-11 มี Community Mall ขนาดใหญ่
6.นั่งรถเมล์ 8 ป้ายถึง The mall บางแค
7. รถเมล์ 6 ป้ายถึง สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่กำลังจะแล้วเสร็จ
แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างคิด เพราะสภาพแวดล้อมภายใน การบริหารของนิติบุคคลไม่ดี โกงกินน่าดู
มีแต่คนระดับชั้นล่างๆอยู่ พออาสามาทำนิติฯ เห็นเงินจำนวนมากก็ตาโต โกงเงินส่วนกลางกันทีหลายแสน
ปล่อยลิฟต์พังไฟดับ เป็นว่าเล่น ไม่จ้างแม่บ้านทำความสะอาด อาคารทรุดโทรม สกปรกมาก
สุดท้ายกลุ่มคนที่พอจะเก็บเงินทองได้ ก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่นที่ดีกว่า และส่วนมากปล่อยธนาคารยึดกันเยอะมาก
ใบหมายศาลแปะ เต็มหน้าประตูห้องดาษดื่นไปหมด
บ้านผมอยู่ได้ 3 ปี ก็ย้ายออกกันหมดและ ปล่อยเช่าไปตั้งแต่นั้น ด้วยราคาแสนถูกที่ 1500 บ./ด. เพราะมีแต่คนแข่งกันให้เช่า
สถานการณ์ 6-7 ปีที่ผ่านมา พอจะทรงๆ ตัว ปล่อยเช่าได้ หลังสุดเหลือ 1,200 บ./ด.แค่นั้น
แต่ครึ่งปีหลังมานี้ ไม่มีคนเช่าแล้ว + ปัญหาการเงินที่บ้านช่วงปี 57 มาแย่มากๆ แม่เลยปรึกษาผมว่าจะ ปล่อยยึด หรือขายขาดทุนดี
ขายก็ไม่รู้จะออกเมื่อไหร่ แถมขาดทุนอีกเพราะ ...
1.หนี้ค้างอีก 200,000 แต่ตอนนี้ ราคาห้องขายกันไม่เกิน 120,000 ถึงขายได้ ยังต้องหาเงินก้อนอีก 80,000 เพื่อมาโปะ
2.ไหนจะแข่งกันขายเอง ไหนจะแข่งกับธนาคารยึดห้องไปแล้วขายทอดตลาดอีก มีแต่คนขายไม่มีคนซื้อ
3.สาเหตุนึงที่ทำให้ ราคาตกต่ำ และหาคนซื้อยากมาก ได้ความมาจากการสอบถามธนาคารแห่งนึง
ธนาคารบอกว่า สถาบันการเงินมองว่า ปัจจุบันอาคารแห่งนี้เป็น"หนี้เสีย" ดังนั้นจึงไม่ปล่อยกู้แก่คนที่จะมาซื้อต่อ
สรุปง่ายๆ ว่าใครจะซื้อต่อไป ต้อง มีเงินสดเท่านั้น เลยหาคนมาซื้อต่อกันแทบไม่ได้เลย
ตอนนี้คิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรดี แต่การเงินแย่ถึงขั้นแม่ค้างค่างวด 2400 ที่ว่า ไปงวดนึงแล้ว จากที่ไม่เคยเบี้ยวเลย