เรากำลังลงทุนหรือเล่นพนัน?
"ตลาดหุ้นคือบ่อนของคนรวยที่ถูกกฏหมาย" เป็นคำที่ผมเคยได้ยินมาจากคนหลายคนและอาจจะเป็นความฝังใจของคนส่วนใหญ่ ผมนั้นไม่เชื่อว่าการพนันจะทำให้ชีวิตของคนๆนั้นหรือคนในประเทศนั้นเจริญขึ้น การพนันเป็นยาเสพติดประเภทหนึ่ง เป็นยาเสพติดที่กระตุ้นให้สมองหลั่งสารออกมาเมื่อพบกับความตื่นเต้นและบางคนก็ชอบมันมากกว่าสารเสพติดประเภทอื่นที่มีฤทธิ์ยับยั้ง โดยธรรมชาติผู้ชายเสพติดความตื่นเต้นได้ง่ายมากกว่าผู้หญิง จึงไม่น่าแปลกใจที่ในบ่อนการพนันต่างๆตั้งแต่กัดปลา ชนไก่ ชนวัว พนันบอล จะมีผู้ชายเป็นลูกค้าเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ก็ไม่เว้นแม้แต่ในตลาดหุ้นที่บัญชีซื้อขายส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าหญิงเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าผู้หญิงจะไม่ชอบการพนัน ถ้าการพนันแบบมีตัวเลขเช่นไพ่หรือหวยแล้ว บางทีผู้หญิงอาจชอบยุ่งกับมันมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ
อันที่จริงคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวในตลาดหุ้นจะเรียกว่านักลงทุนทุกคนนั้นก็ไม่ถูก และนี่ทำให้นักพนันหุ้นหลายคนเข้าใจผิด นึกว่าการที่ตนได้เข้ามาซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นการทำสิ่งที่ถูกต้อง เป็นการหากินโดยสุจริต หรือทำให้เป็นนักลงทุนโดยอัตโนมัติ ทั้งที่โดยเนื้อแท้ เขากำลังเล่นพนันอยู่อีกเหมือนกัน เพียงแต่ว่า ดูดีกว่า เหมาะสมกับฐานะและระดับการศึกษามากกว่า เวลาเราดูข่าวเศรษฐกิจ เขาก็ใช้คำเรียกบางคนที่เป็นนักพนันเหล่านี้เสียโก้แก๋ว่านักลงทุน เช่น วันนี้นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,000 ล้านบาท ทั้งที่ในจำนวนนี้อาจมีนักพนันปนอยู่กว่าครึ่ง การพนันรูปแบบไหนท้ายสุดก็เหมือนกัน คือ "หมดตัว" ซึ่งเราก็ได้เห็นการหมดตัวในตลาดหุ้นไทยมาแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ แล้วก็เลยมาสรุปว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง" ซึ่งผมว่าที่ถูกต้องแล้วอาจต้องเพิ่มไปอีกคำด้วยว่า "การพนันในหุ้นยิ่งมีความเสี่ยง"
เพื่อให้ท่านนักลงทุนทั้งหลายได้มีความระมัดระวังที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อการสำรวจใจตัวเองว่า กิจกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ท่านกำลังทำอยู่นั้น เข้าข่ายการลงทุนหรือเข้าข่ายการพนันกันแน่ ผมมีข้อสังเกตถึงธรรมชาติของการพนันมาให้ท่านสังเกตกันดู
อย่างแรก "การซื้อหุ้นแบบการพนันนั้นนักลงทุนไม่ทราบผลกำไรตั้งแต่แรก" ท่านอาจจะงงว่ามีหุ้นที่เรารู้ว่าจะกำไรหรือขาดทุนตั้งแต่ก่อนซื้อด้วยหรือ ท่านคงอาจคิดเหมือนคนทั่วไปที่ว่าการเล่นหุ้นนั้นมีได้และมีเสีย แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน ถ้าอย่างนั้นท่านคิดผิด การลงทุนนั้นจะทราบผลตอบแทนขั้นต่ำคราวๆก่อนการลงทุนเสมอ ด้วยวิธีที่เป็นเหตุเป็นผลและสามารถอธิบายได้ นั้นทำให้เราเลือกลงทุนเฉพาะทางเลือกที่ทำกำไรให้เท่านั้น (คงไม่มีใครไม่ฉลาดไปลงทุนในทางเลือกที่ทราบว่าจะขาดทุนอย่างแน่นอน) ถ้าพลาดก็ต้องลงเอยที่การโทษตัวเองอย่างเดียว และเมื่อเรากลับไปทบทวนความผิดพลาดนั้นก็จะสามารถทราบได้ว่าสมมุติฐานที่ผิดพลาดนั้นอยู่ที่ไหนและปรับปรุงแก้ไขได้ ในขณะที่การพนันนั้นถ้าทำผิดเขาจะโทษคนอื่นเช่น เจ้ามือ คู่แข่ง เพื่อนร่วมวง หนังสือพิมพ์ โชคชะตา และอื่นๆ ที่เป็นเช่นนั้นได้เพราะเขาไม่มีหลักการที่พึ่งได้เป็นของตัวเอง หลักการของเขานั้นเป็นเพียงแต่คร่าวๆ ต้องพึ่งพาสภาวะแวดล้อมอื่นๆค่อนข้างมากในการให้เกิดผลอย่างที่คิด นักพนันจะทราบผลก็ต่อเมื่อหวยออกแล้ว และจะแก้ไขการแทงให้แม่นขึ้นในรอบหลังก็ไม่ได้ เพราะแต่ละครั้งที่เขาแทงนั้น ความน่าจะเป็นที่จะแทงถูกเป็นเหตุการณ์ที่เกิดแยกจากกัน ไม่สามารถใช้ข้อมูลในอดีตได้ ในขณะที่นักลงทุนจะเหมือนเจ้ามือมากกว่าคือ รู้อัตราต่อรองที่เหมาะสม ความน่าจะเป็น และการกระจายความเสี่ยง ทำให้เขาทราบกำไรตั้งแต่แรก เพียงแต่ต้องให้มีจำนวนคนมาแทงให้มากพอ หรือเป็นเหมือนเจ้าของกิจการไปเลย คือพยายามควบคุมทุกอย่างให้ได้มากที่สุดก่อนลงมือทำ การไม่ทราบผลตั้งแต่แรกเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของการพนัน ความไม่แน่นอนนั้นจะเปลี่ยนแปลงเป็นความตื่นเต้น และความภูมิใจให้กับนักพนันเมื่อเขาทายถูก ถ้าเริ่มทายถูกในครั้งที่สามหรือสี่เป็นต้นไป ความดีใจนี้ก็จะเริ่มเป็นยาเสพติด
อย่างที่สอง "นักพนันมักแทงเลขไม่ซ้ำกันในแต่ละงวด' ผมไม่เคยเห็นใครอดทนซื้อเลขตัวเดียวไปทุกงวดตลอดเวลา 10-20 ปี ทั้งที่การซื้อหวยแบบนั้นมีโอกาสถูกรางวัลสูงกว่าอย่างแน่นอน นักพนันทุกคนหวังว่า หุ้นที่เขาหยิบขึ้นมานั้นจะต้องมีกำไรพิเศษกว่าตัวอื่นเสมอ หุ้นที่ดีต้องไม่ออกซ้ำๆ และเขามีโอกาสถูกรางวัลมากกว่าคนอื่น หรือถ้าทายผิดมันต้องถึงคราวของเขาซักวัน คิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิด เนื่องจากหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่เหมือนหวย คือหุ้นแต่ละตัวนั้นมีโอกาสถูกรางวัลที่ไม่เท่ากัน และหุ้นที่เคยออกแล้ว มีโอกาสออกติดๆกันสูงกว่าหุ้นที่ยังไม่เคยออกด้วยซ้ำ ถ้าท่านเปลี่ยนตัวเล่นบ่อยๆ ด้วยความหวังว่ามันต้องมีตัวที่ถูกบ้าง ท่านจะเลื่อนความน่าจะเป็นไปยังจุดที่ลดลงเสมอ และผมเห็นคนส่วนใหญ่ทำเช่นนั้น ระยะนี้ผมมักโดนถามว่าปีหน้าซื้อหุ้นตัวไหนดี และไม่มีใครชอบกับคำพูดที่ว่าให้ถือหุ้นตัวเดิมเลย
อย่างที่สาม "นักพนันชอบเชียร์มวยรอง" ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น สมมุติว่ามีทีมลิเวอร์พูลกับแมนยูให้เลือกแทง บางคนชอบแทงทีมรองอาจมีหลายเหตุผล แต่มีเหตุผลหลายอย่างทางจิตวิทยาซ่อนอยู่ลึกๆในพฤติกรรมอันนั้น อย่างแรกคืออัตราต่อรองทีมรองนั้นดีกว่า ถ้าแทงเท่ากันแทงถูกจะได้เงินมากกว่าเสมอ อัตราส่วนต่างสูงๆแต่โอกาสเกิดไม่มาก จะทำให้เราตื่นเต้นได้มากกว่าได้ส่วนต่างไม่มากแต่โอกาสถูกเยอะ อย่างที่สองคือเราสามารถใช้เงินที่น้อยกว่าแทงทีมรองเพื่อให้ได้รางวัลที่เท่ากัน ถ้าเราแทงผิดเราจะเสียเงินน้อยกว่าในแต่ละครั้งซึ่งมันทำให้เรารู้ถึงดีกว่าการแทงทีมใหญ่ซึ่งต้องแทงมากหากต้องการได้เงินมาก และถ้าได้ก็ไม่ค่อยจะตื่นเต้น ตรงกันข้าม ถ้าเสียก็ยิ่งเสียเงินมากกว่า ถ้าผมแทงบอลแบบนักลงทุนผมก็จะทำเช่นเดียวกับบริษัทประกันภัย ผมก็จะไปรวบรวมสถิติในการแข่งย้อนหลัง 5 ปีว่าโอกาสแพ้ชนะเสมอเป็นเท่าไหร่ แล้วมาดูเดิมพันว่าเจ้ามือให้เดิมพันในแต่ละข้างไว้อย่างไร แล้วคำนวณดูว่าการเลือกแทงข้างไหนที่ใครกำไรได้มากกว่า ก็จะแทงซ้ำๆเท่าๆกันไปทุกนัด ไม่เชียร์ทีมไหนเป็นการเฉพาะ ไม่ตื่นเต้น และรู้กำไรจากความน่าจะเป็นรวมในอดีตตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ไปซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านดูว่างวดนี้ใครจะชนะหรือแพ้เป็นครั้งๆไป
อย่างที่สี่ "นักพนันชอบโม้" การชอบโม้ว่าเราแทงถูกนั้นทำให้เรามักเลือกเล่นเกมที่ตัดสินผลการแพ้ชนะได้อย่างรวดเร็วกว่า ถ้าเราเปลี่ยนหุ้นที่เล่นไปทุกปี สมมุติว่าปีละตัวและเราก็ทายถูกทุกครั้ง เราจะโม้เพื่อนไปได้ 10 ครั้งในสิบปี ซึ่งมันจะทำให้เราภูมิใจมากกว่าการลงทุนหุ้นตัวเดียวไปสิบปีที่ได้โม้แค่ครั้งเดียว และดูเหมือนว่าไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมากในการหาหุ้นใหม่ๆ ผมสังเกตว่านักลงทุนที่ชอบโม้ตามเวปบอร์ดต่างๆส่วนใหญ่เป็นพวกมือใหม่ หรือพวกรู้แบบครึ่งๆกลางๆ การโม้นั้นมีข้อเสียหลายประการ อย่างแรกคือโม้แล้วทำให้เราต้องรีบขายเกินเหตุ เพราะถ้าหุ้นที่ผมเคยโม้เอาไว้เกิดราคาตกลงมาเราจะเสียหน้ามาก มันจึงร้อนรนอย่างจะขายไปก่อนเสมอ ยิ่งถ้าต่อมาราคามันตกหลังจากที่เราขายไปแล้ว มันจะทำให้เราได้โม้อีกเป็นครั้งที่สอง อย่างที่สอง ยิ่งถ้าโม้แล้วไม่เป็นอย่างที่คิด ก็ต้องหาทางกู้หน้าให้มากกว่าที่เสียไป แทนที่จะเลือกตัวที่ชัวร์ๆได้ ก็ต้องไปเชียร์หุ้นที่ทำให้ดังได้มากกว่า อย่างที่สาม คือการชอบโม้ทำให้เราสายตาสั้น คือมองเกมสั้นออกมากกว่าจะเล่นเกมยาว ก็ต้องมานั่งคิดว่าตกลงเราอยากรวยหรืออยากดัง ก็ถ้าเลือกอยากจะรวยดีกว่า ก็ไม่ต้องไปโม้ใครให้ยุ่งยากใจตัวเองทีหลังเปล่าๆ
อย่างสุดท้าย "นักพนันชอบคิดว่าฉันพิเศษกว่าคนอื่น" อย่างเช่น ถ้าตลาดหุ้นล่มสลาย ฉันจะสามารถขายหุ้นทั้งหมดออกมาได้ก่อน ถ้าหุ้นตัวไหนที่ฉันได้ไปเข้าซื้อแล้ว ราคาของมันจะตกลงไปอีกไม่ได้ หรือบางคนก็คิดในทางแย่ (พิเศษ) เช่น ถ้าฉันซื้อ ทำไมมันต้องตกลงไปอีกทุกที คนที่ตกรถก็ยังเป็นฉันอีก ฯลฯ การเชื่อว่าตัวเองมีอะไรพิเศษกว่าผู้อื่นนั้น เราต้องระมัดระวังข้อนี้ให้เป็นพิเศษ เพราะมันจะทำให้เราสามารถแบกรับความเสี่ยงของการลงทุนได้เพิ่มขึ้น (หรือไม่กล้ารับความเสี่ยงเลย) โดยเราไม่รู้สึกตัว สถานะการที่อาจทำให้เราหลงคิดว่าเราเป็นคนพิเศษได้เช่น การที่เราประสบความสำเร็จ (หรือล้มเหลว) ในหน้าที่การงานเดิมก่อนมาเล่นหุ้น หรือ การที่เราได้กำไร (หรือขาดทุน) ติดๆกันมาในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ความพิเศษนั้น "มีได้" แต่มันจะ "ชั่วคราว" สุดท้ายมันจะกลับสู่ค่าเฉลี่ยในระยะยาว
สรุปง่ายๆว่า การมาข้องเกี่ยวกับตลาดหุ้นนั้น ถ้าเราไม่มีความรู้ในการลงทุนที่ดี คนทั่วไปจะทำมันเป็นแบบการพนันไปหมด การพนันนั้นไม่ต้องมีใครสอนเราก็ทำเป็นทุกคน ดังนั้นผมจึงอยากจะให้ท่านหาความรู้ในทางการลงทุนให้มากๆ ก่อนที่จะสรุปว่าตัวเองไม่ใช่นักพนันในตลาดหุ้น นักพนันที่จะหมดตัวในบ่อนนั้น มีลักษณะเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ เขามักจะได้กำไรในช่วงแรก กำไรทำให้เขาคิดว่าตัวเองคงมีโชคหรืออะไรที่เป็นพิเศษ แล้วในระยะยาวมันก็เป็นอย่างที่เราทราบกัน
โจรปล้นสิบครั้งยังเหลือบ้าน ไฟไหม้บ้านสิบครั้งเรายังเหลือที่ แต่ผีพนันเข้าสิงแล้ว ทั้งบ้านทั้งที่ ลูกเมียเพื่อนฝูง ไม่มีเหลือ ขอให้ทุกท่านตั้งสติกับการลงทุนให้ดี ท่องไว้ครับคาถากันผี.... ไม่ตื่นเต้น ไม่แทง ก็ไม่ขาดทุน
การลงทน vs การพนัน
"ตลาดหุ้นคือบ่อนของคนรวยที่ถูกกฏหมาย" เป็นคำที่ผมเคยได้ยินมาจากคนหลายคนและอาจจะเป็นความฝังใจของคนส่วนใหญ่ ผมนั้นไม่เชื่อว่าการพนันจะทำให้ชีวิตของคนๆนั้นหรือคนในประเทศนั้นเจริญขึ้น การพนันเป็นยาเสพติดประเภทหนึ่ง เป็นยาเสพติดที่กระตุ้นให้สมองหลั่งสารออกมาเมื่อพบกับความตื่นเต้นและบางคนก็ชอบมันมากกว่าสารเสพติดประเภทอื่นที่มีฤทธิ์ยับยั้ง โดยธรรมชาติผู้ชายเสพติดความตื่นเต้นได้ง่ายมากกว่าผู้หญิง จึงไม่น่าแปลกใจที่ในบ่อนการพนันต่างๆตั้งแต่กัดปลา ชนไก่ ชนวัว พนันบอล จะมีผู้ชายเป็นลูกค้าเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ก็ไม่เว้นแม้แต่ในตลาดหุ้นที่บัญชีซื้อขายส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าหญิงเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าผู้หญิงจะไม่ชอบการพนัน ถ้าการพนันแบบมีตัวเลขเช่นไพ่หรือหวยแล้ว บางทีผู้หญิงอาจชอบยุ่งกับมันมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ
อันที่จริงคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวในตลาดหุ้นจะเรียกว่านักลงทุนทุกคนนั้นก็ไม่ถูก และนี่ทำให้นักพนันหุ้นหลายคนเข้าใจผิด นึกว่าการที่ตนได้เข้ามาซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นการทำสิ่งที่ถูกต้อง เป็นการหากินโดยสุจริต หรือทำให้เป็นนักลงทุนโดยอัตโนมัติ ทั้งที่โดยเนื้อแท้ เขากำลังเล่นพนันอยู่อีกเหมือนกัน เพียงแต่ว่า ดูดีกว่า เหมาะสมกับฐานะและระดับการศึกษามากกว่า เวลาเราดูข่าวเศรษฐกิจ เขาก็ใช้คำเรียกบางคนที่เป็นนักพนันเหล่านี้เสียโก้แก๋ว่านักลงทุน เช่น วันนี้นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,000 ล้านบาท ทั้งที่ในจำนวนนี้อาจมีนักพนันปนอยู่กว่าครึ่ง การพนันรูปแบบไหนท้ายสุดก็เหมือนกัน คือ "หมดตัว" ซึ่งเราก็ได้เห็นการหมดตัวในตลาดหุ้นไทยมาแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ แล้วก็เลยมาสรุปว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง" ซึ่งผมว่าที่ถูกต้องแล้วอาจต้องเพิ่มไปอีกคำด้วยว่า "การพนันในหุ้นยิ่งมีความเสี่ยง"
เพื่อให้ท่านนักลงทุนทั้งหลายได้มีความระมัดระวังที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อการสำรวจใจตัวเองว่า กิจกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ท่านกำลังทำอยู่นั้น เข้าข่ายการลงทุนหรือเข้าข่ายการพนันกันแน่ ผมมีข้อสังเกตถึงธรรมชาติของการพนันมาให้ท่านสังเกตกันดู
อย่างแรก "การซื้อหุ้นแบบการพนันนั้นนักลงทุนไม่ทราบผลกำไรตั้งแต่แรก" ท่านอาจจะงงว่ามีหุ้นที่เรารู้ว่าจะกำไรหรือขาดทุนตั้งแต่ก่อนซื้อด้วยหรือ ท่านคงอาจคิดเหมือนคนทั่วไปที่ว่าการเล่นหุ้นนั้นมีได้และมีเสีย แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน ถ้าอย่างนั้นท่านคิดผิด การลงทุนนั้นจะทราบผลตอบแทนขั้นต่ำคราวๆก่อนการลงทุนเสมอ ด้วยวิธีที่เป็นเหตุเป็นผลและสามารถอธิบายได้ นั้นทำให้เราเลือกลงทุนเฉพาะทางเลือกที่ทำกำไรให้เท่านั้น (คงไม่มีใครไม่ฉลาดไปลงทุนในทางเลือกที่ทราบว่าจะขาดทุนอย่างแน่นอน) ถ้าพลาดก็ต้องลงเอยที่การโทษตัวเองอย่างเดียว และเมื่อเรากลับไปทบทวนความผิดพลาดนั้นก็จะสามารถทราบได้ว่าสมมุติฐานที่ผิดพลาดนั้นอยู่ที่ไหนและปรับปรุงแก้ไขได้ ในขณะที่การพนันนั้นถ้าทำผิดเขาจะโทษคนอื่นเช่น เจ้ามือ คู่แข่ง เพื่อนร่วมวง หนังสือพิมพ์ โชคชะตา และอื่นๆ ที่เป็นเช่นนั้นได้เพราะเขาไม่มีหลักการที่พึ่งได้เป็นของตัวเอง หลักการของเขานั้นเป็นเพียงแต่คร่าวๆ ต้องพึ่งพาสภาวะแวดล้อมอื่นๆค่อนข้างมากในการให้เกิดผลอย่างที่คิด นักพนันจะทราบผลก็ต่อเมื่อหวยออกแล้ว และจะแก้ไขการแทงให้แม่นขึ้นในรอบหลังก็ไม่ได้ เพราะแต่ละครั้งที่เขาแทงนั้น ความน่าจะเป็นที่จะแทงถูกเป็นเหตุการณ์ที่เกิดแยกจากกัน ไม่สามารถใช้ข้อมูลในอดีตได้ ในขณะที่นักลงทุนจะเหมือนเจ้ามือมากกว่าคือ รู้อัตราต่อรองที่เหมาะสม ความน่าจะเป็น และการกระจายความเสี่ยง ทำให้เขาทราบกำไรตั้งแต่แรก เพียงแต่ต้องให้มีจำนวนคนมาแทงให้มากพอ หรือเป็นเหมือนเจ้าของกิจการไปเลย คือพยายามควบคุมทุกอย่างให้ได้มากที่สุดก่อนลงมือทำ การไม่ทราบผลตั้งแต่แรกเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของการพนัน ความไม่แน่นอนนั้นจะเปลี่ยนแปลงเป็นความตื่นเต้น และความภูมิใจให้กับนักพนันเมื่อเขาทายถูก ถ้าเริ่มทายถูกในครั้งที่สามหรือสี่เป็นต้นไป ความดีใจนี้ก็จะเริ่มเป็นยาเสพติด
อย่างที่สอง "นักพนันมักแทงเลขไม่ซ้ำกันในแต่ละงวด' ผมไม่เคยเห็นใครอดทนซื้อเลขตัวเดียวไปทุกงวดตลอดเวลา 10-20 ปี ทั้งที่การซื้อหวยแบบนั้นมีโอกาสถูกรางวัลสูงกว่าอย่างแน่นอน นักพนันทุกคนหวังว่า หุ้นที่เขาหยิบขึ้นมานั้นจะต้องมีกำไรพิเศษกว่าตัวอื่นเสมอ หุ้นที่ดีต้องไม่ออกซ้ำๆ และเขามีโอกาสถูกรางวัลมากกว่าคนอื่น หรือถ้าทายผิดมันต้องถึงคราวของเขาซักวัน คิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิด เนื่องจากหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่เหมือนหวย คือหุ้นแต่ละตัวนั้นมีโอกาสถูกรางวัลที่ไม่เท่ากัน และหุ้นที่เคยออกแล้ว มีโอกาสออกติดๆกันสูงกว่าหุ้นที่ยังไม่เคยออกด้วยซ้ำ ถ้าท่านเปลี่ยนตัวเล่นบ่อยๆ ด้วยความหวังว่ามันต้องมีตัวที่ถูกบ้าง ท่านจะเลื่อนความน่าจะเป็นไปยังจุดที่ลดลงเสมอ และผมเห็นคนส่วนใหญ่ทำเช่นนั้น ระยะนี้ผมมักโดนถามว่าปีหน้าซื้อหุ้นตัวไหนดี และไม่มีใครชอบกับคำพูดที่ว่าให้ถือหุ้นตัวเดิมเลย
อย่างที่สาม "นักพนันชอบเชียร์มวยรอง" ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น สมมุติว่ามีทีมลิเวอร์พูลกับแมนยูให้เลือกแทง บางคนชอบแทงทีมรองอาจมีหลายเหตุผล แต่มีเหตุผลหลายอย่างทางจิตวิทยาซ่อนอยู่ลึกๆในพฤติกรรมอันนั้น อย่างแรกคืออัตราต่อรองทีมรองนั้นดีกว่า ถ้าแทงเท่ากันแทงถูกจะได้เงินมากกว่าเสมอ อัตราส่วนต่างสูงๆแต่โอกาสเกิดไม่มาก จะทำให้เราตื่นเต้นได้มากกว่าได้ส่วนต่างไม่มากแต่โอกาสถูกเยอะ อย่างที่สองคือเราสามารถใช้เงินที่น้อยกว่าแทงทีมรองเพื่อให้ได้รางวัลที่เท่ากัน ถ้าเราแทงผิดเราจะเสียเงินน้อยกว่าในแต่ละครั้งซึ่งมันทำให้เรารู้ถึงดีกว่าการแทงทีมใหญ่ซึ่งต้องแทงมากหากต้องการได้เงินมาก และถ้าได้ก็ไม่ค่อยจะตื่นเต้น ตรงกันข้าม ถ้าเสียก็ยิ่งเสียเงินมากกว่า ถ้าผมแทงบอลแบบนักลงทุนผมก็จะทำเช่นเดียวกับบริษัทประกันภัย ผมก็จะไปรวบรวมสถิติในการแข่งย้อนหลัง 5 ปีว่าโอกาสแพ้ชนะเสมอเป็นเท่าไหร่ แล้วมาดูเดิมพันว่าเจ้ามือให้เดิมพันในแต่ละข้างไว้อย่างไร แล้วคำนวณดูว่าการเลือกแทงข้างไหนที่ใครกำไรได้มากกว่า ก็จะแทงซ้ำๆเท่าๆกันไปทุกนัด ไม่เชียร์ทีมไหนเป็นการเฉพาะ ไม่ตื่นเต้น และรู้กำไรจากความน่าจะเป็นรวมในอดีตตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ไปซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านดูว่างวดนี้ใครจะชนะหรือแพ้เป็นครั้งๆไป
อย่างที่สี่ "นักพนันชอบโม้" การชอบโม้ว่าเราแทงถูกนั้นทำให้เรามักเลือกเล่นเกมที่ตัดสินผลการแพ้ชนะได้อย่างรวดเร็วกว่า ถ้าเราเปลี่ยนหุ้นที่เล่นไปทุกปี สมมุติว่าปีละตัวและเราก็ทายถูกทุกครั้ง เราจะโม้เพื่อนไปได้ 10 ครั้งในสิบปี ซึ่งมันจะทำให้เราภูมิใจมากกว่าการลงทุนหุ้นตัวเดียวไปสิบปีที่ได้โม้แค่ครั้งเดียว และดูเหมือนว่าไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมากในการหาหุ้นใหม่ๆ ผมสังเกตว่านักลงทุนที่ชอบโม้ตามเวปบอร์ดต่างๆส่วนใหญ่เป็นพวกมือใหม่ หรือพวกรู้แบบครึ่งๆกลางๆ การโม้นั้นมีข้อเสียหลายประการ อย่างแรกคือโม้แล้วทำให้เราต้องรีบขายเกินเหตุ เพราะถ้าหุ้นที่ผมเคยโม้เอาไว้เกิดราคาตกลงมาเราจะเสียหน้ามาก มันจึงร้อนรนอย่างจะขายไปก่อนเสมอ ยิ่งถ้าต่อมาราคามันตกหลังจากที่เราขายไปแล้ว มันจะทำให้เราได้โม้อีกเป็นครั้งที่สอง อย่างที่สอง ยิ่งถ้าโม้แล้วไม่เป็นอย่างที่คิด ก็ต้องหาทางกู้หน้าให้มากกว่าที่เสียไป แทนที่จะเลือกตัวที่ชัวร์ๆได้ ก็ต้องไปเชียร์หุ้นที่ทำให้ดังได้มากกว่า อย่างที่สาม คือการชอบโม้ทำให้เราสายตาสั้น คือมองเกมสั้นออกมากกว่าจะเล่นเกมยาว ก็ต้องมานั่งคิดว่าตกลงเราอยากรวยหรืออยากดัง ก็ถ้าเลือกอยากจะรวยดีกว่า ก็ไม่ต้องไปโม้ใครให้ยุ่งยากใจตัวเองทีหลังเปล่าๆ
อย่างสุดท้าย "นักพนันชอบคิดว่าฉันพิเศษกว่าคนอื่น" อย่างเช่น ถ้าตลาดหุ้นล่มสลาย ฉันจะสามารถขายหุ้นทั้งหมดออกมาได้ก่อน ถ้าหุ้นตัวไหนที่ฉันได้ไปเข้าซื้อแล้ว ราคาของมันจะตกลงไปอีกไม่ได้ หรือบางคนก็คิดในทางแย่ (พิเศษ) เช่น ถ้าฉันซื้อ ทำไมมันต้องตกลงไปอีกทุกที คนที่ตกรถก็ยังเป็นฉันอีก ฯลฯ การเชื่อว่าตัวเองมีอะไรพิเศษกว่าผู้อื่นนั้น เราต้องระมัดระวังข้อนี้ให้เป็นพิเศษ เพราะมันจะทำให้เราสามารถแบกรับความเสี่ยงของการลงทุนได้เพิ่มขึ้น (หรือไม่กล้ารับความเสี่ยงเลย) โดยเราไม่รู้สึกตัว สถานะการที่อาจทำให้เราหลงคิดว่าเราเป็นคนพิเศษได้เช่น การที่เราประสบความสำเร็จ (หรือล้มเหลว) ในหน้าที่การงานเดิมก่อนมาเล่นหุ้น หรือ การที่เราได้กำไร (หรือขาดทุน) ติดๆกันมาในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ความพิเศษนั้น "มีได้" แต่มันจะ "ชั่วคราว" สุดท้ายมันจะกลับสู่ค่าเฉลี่ยในระยะยาว
สรุปง่ายๆว่า การมาข้องเกี่ยวกับตลาดหุ้นนั้น ถ้าเราไม่มีความรู้ในการลงทุนที่ดี คนทั่วไปจะทำมันเป็นแบบการพนันไปหมด การพนันนั้นไม่ต้องมีใครสอนเราก็ทำเป็นทุกคน ดังนั้นผมจึงอยากจะให้ท่านหาความรู้ในทางการลงทุนให้มากๆ ก่อนที่จะสรุปว่าตัวเองไม่ใช่นักพนันในตลาดหุ้น นักพนันที่จะหมดตัวในบ่อนนั้น มีลักษณะเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ เขามักจะได้กำไรในช่วงแรก กำไรทำให้เขาคิดว่าตัวเองคงมีโชคหรืออะไรที่เป็นพิเศษ แล้วในระยะยาวมันก็เป็นอย่างที่เราทราบกัน
โจรปล้นสิบครั้งยังเหลือบ้าน ไฟไหม้บ้านสิบครั้งเรายังเหลือที่ แต่ผีพนันเข้าสิงแล้ว ทั้งบ้านทั้งที่ ลูกเมียเพื่อนฝูง ไม่มีเหลือ ขอให้ทุกท่านตั้งสติกับการลงทุนให้ดี ท่องไว้ครับคาถากันผี.... ไม่ตื่นเต้น ไม่แทง ก็ไม่ขาดทุน