โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก
ต้องขออธิบายก่อนว่าตอนนั้นฉันมีอาการทางจิตไม่สามารถควบคุมตัวเองเมื่อมีเวลาเครียดมากๆ
วันที่ 28 มกราคม 2558 ฉันได้มีความเครียดเรื่องการเรียน 70% และเรื่องความรัก 30% มันทำให้ฉันนำความเครียด2อย่างมารวมกันทำ มันทำให้ฉันเครียดมาก และไม่สามรถควบคุมตัวเองได้ โดยมีเสียงสั่งให้ฉันฆ่าตัวตายอยู่ตลอดเวลา ในระยะนั้นฉํนมีภาวะซึมเศร้าอยู่แล้ว
วันที่ 28 มกราคม 2558 ฉันได้ไปซื้อยาแก้แพ้ หรือ cpm มาทังหมด 10กระปุก เพื่อฆ่าตัวตาย แต่ฉันกินได้แค่400เม็ด ในระยะนั้นฉันได้รักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในชาติตระการโดยการล้างท้อง และใส่เครื่องช่วยหายใจ เพราะฉันมีอาการหายใจติดขัด โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในชาติตระการได้ส่งตัวฉันเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดพิษณุโลก ประมาณเที่ยงคืน เป็นวันที่29 มกราคม 2558 วันนั้นฉันก็ได้เข้าห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลนั้น พยาบาลคนหนึ่งบอกว่าจะถอดเครื่องช่วยหายใจให้ แต่ตอนนั้น ฉันมั่นใจ100%ว่าฉันสามารถหายใจเองได้ เพราะตอนนั้นเครื่องช่วยหายใจไม่ทำงาน ฉันก็หายใจเอง แต่พยาบาลก็ไม่ถอดให้ จนบุรุษพยาบาลเข็นเตียงฉันไปที่ตึกอายุรกรรมหญิง ฉันอยากจะบอกว่าพยาบาลคนนั้นโกหก บอกหมอและพยาบาลในตึกนั้นว่า ตอนแรกจะถอดให้ แต่เห็นหายใจไม่ดีเลยไม่ถอด คุณรู้ได้ไงค่ะว่าฉันหายใจด้วยตัวเองไม่ได้
ซักพัก ก็มีหมอใส่แว่น เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ปี6 เขาเดินมาถามฉัน ตะคอกใส่ฉันว่า "ที่กินเพราะอยากตายหรือกินเพราะประชด" แล้วก็เดินจากไป แบบโมโหสุดๆ วันนั้นเครื่องช่วยหายใจจะทำให้ฉันตาย เพราะเครื่องไม่ทำงาน มันจะมีลมดันมาตลอด เพราะพยาบาลไม่ปรับให้และทุกคนคิดว่าฉันฆ่าตัวตาย แม่ฉันเลยมาถอดท่อเครื่องช่วยหายใจให้ ทำให้ฉันหายใจดีขึ้น เพราะตอนที่แม่ถอดมันไม่มีลมดันเลย แต่พยาบาลไม่พอใจ เลยมาใส่ท่อ และด่าแม่ฉันว่า "ถ้าป้าทำแบบนี้ จะทำให้หัวใจฉันหยุดเต้น" เป็นเหตุผลที่ห่วยแตกมาก แม่ฉันเห็นทรมาณมาก เลยไปบอกหมอคนที่ใส่แว่นว่า"ช่วยถอดออกให้ฉันเถอะ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรฉํนจะยอมรับผิดชอบเอง" (พูดเป็นภาษาลาว) 100%ที่เขาฟังออก แต่เขาบอกแม่ฉํนด้วยอารมโมโหว่า "พูดไทย พูดลาวฟังไม่รู้เรื่อง" แม่ฉันก็พูดไทย แต่ผลคำตอบที่ได้คือ "ไม่ถอด ปล่อยไว้แบบนี้แหละ" มันแย่มาก
ห่างไป1ชั่วโมง ฉํนมีอาการเจ็บหน้าอกเพราะเครื่องช่วยหายใจ เพราะลมมันแรง และพยาบาลไม่ปรับให้ฉัน แม่ฉันก็คุยกับนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งให้ถอดออก เพราะแรงลมมันเข้าไปกดหน้าอกฉันทำให้เจ็บ และ ฉันสามารถหายใจเองได้ แต่เขาไม่สน ฉันเลยขอให้แม่พาฉันไปโรงพยาบาลเอกชน วันนั้นแม่ฉันรีบมาหาฉัน และไม่ได้แต่งตัวดีเท่าไร หมอคนนั้นพูดกับแม่ฉํนว่า "ถ้าคุณไปเอกชน เขาก็ไม่ถอดเครื่องช่วยหายใจให้ลูกคุณหรอก คุณมีปัญญาจ่ายหรอ เอกชนอะ ถ้าคิดว่ามีปัญญาจ่ายก็ไปซิ เซ็นไม่รับการรักษาแล้วออกไปซะ" มันแย่มาก ฉันเข้ามาทุกโรงพยาบาลไม่ว่าเอกชนหรือรัฐบาล พ่อแม่ฉันก็มีจ่ายให้หมด และการพูดให้กำลังใจคนไข้ ที่เป็นเคสเหมือนฉํนก็พูดจาดี หรือคุณมองคนที่การแต่งตัวค่ะ หรือคุณเลือกปฎิบัติพูดดีเป็นบางคน แม่ใคร ใครก็รัก ด่าฉันได้ เพราะฉันโง่ที่กิน แต่อย่ามาด่าแม่ฉัน วันนั้นโรงพยาบาลเอกชนเต็ม ฉันเลยต้องรักษาโรงพยาบาลนั้นต่อ
พยาบาลได้เข้ามาหาฉันและให้ยาฉัน ตอนนั้นฉันเกิดอาการแพนิค และภาวะช็อค แต่พยาบาลตึกนั้นไม่เข้าใจ โดยเขาด่าฉันว่า "อยากตายไม่ใช่หรอ อยากตายแล้วกลัวทำไม ฉันจะฉีดยาเข็มใหญ่ที่สุดให้เธอเอามั้ย" เธอพูดด้วยน้ำเสียงโมโหมาก เขาทำให้ฉันกลัว และได้ยินเสียงสั่งต่างๆ
ทั้งหมดคือเรื่องจริง ตอนนี้ฉํนออกจากโรงพยาบาลนั้นแล้ว แต่จิตเวชโรงพยาบาลนี้ ดีมากๆ ฉํนได้รับยา และมีความคิดที่ดีขึ้น ฉันออกจากโรงพยาบาลนี้วันที่30 มกราคม 2558 อยากจะฝากบอกหมอ2คนนี้และพยาบาลว่าถ้าไม่มีจรรยาบรรณแพทย์และพยาบาลพอ ก็ลาออกไปซะ อย่าได้ทำร้ายจิตใจเคสที่เป็นแบบฉันอีก ถึงเขาจะฆ่าตัวตาย หรือมีอาการทางจิต ก็อย่าพูดทำร้ายเขาแบบนี้ เพราะมันแย่มาก
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก
ต้องขออธิบายก่อนว่าตอนนั้นฉันมีอาการทางจิตไม่สามารถควบคุมตัวเองเมื่อมีเวลาเครียดมากๆ
วันที่ 28 มกราคม 2558 ฉันได้มีความเครียดเรื่องการเรียน 70% และเรื่องความรัก 30% มันทำให้ฉันนำความเครียด2อย่างมารวมกันทำ มันทำให้ฉันเครียดมาก และไม่สามรถควบคุมตัวเองได้ โดยมีเสียงสั่งให้ฉันฆ่าตัวตายอยู่ตลอดเวลา ในระยะนั้นฉํนมีภาวะซึมเศร้าอยู่แล้ว
วันที่ 28 มกราคม 2558 ฉันได้ไปซื้อยาแก้แพ้ หรือ cpm มาทังหมด 10กระปุก เพื่อฆ่าตัวตาย แต่ฉันกินได้แค่400เม็ด ในระยะนั้นฉันได้รักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในชาติตระการโดยการล้างท้อง และใส่เครื่องช่วยหายใจ เพราะฉันมีอาการหายใจติดขัด โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในชาติตระการได้ส่งตัวฉันเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดพิษณุโลก ประมาณเที่ยงคืน เป็นวันที่29 มกราคม 2558 วันนั้นฉันก็ได้เข้าห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลนั้น พยาบาลคนหนึ่งบอกว่าจะถอดเครื่องช่วยหายใจให้ แต่ตอนนั้น ฉันมั่นใจ100%ว่าฉันสามารถหายใจเองได้ เพราะตอนนั้นเครื่องช่วยหายใจไม่ทำงาน ฉันก็หายใจเอง แต่พยาบาลก็ไม่ถอดให้ จนบุรุษพยาบาลเข็นเตียงฉันไปที่ตึกอายุรกรรมหญิง ฉันอยากจะบอกว่าพยาบาลคนนั้นโกหก บอกหมอและพยาบาลในตึกนั้นว่า ตอนแรกจะถอดให้ แต่เห็นหายใจไม่ดีเลยไม่ถอด คุณรู้ได้ไงค่ะว่าฉันหายใจด้วยตัวเองไม่ได้
ซักพัก ก็มีหมอใส่แว่น เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ปี6 เขาเดินมาถามฉัน ตะคอกใส่ฉันว่า "ที่กินเพราะอยากตายหรือกินเพราะประชด" แล้วก็เดินจากไป แบบโมโหสุดๆ วันนั้นเครื่องช่วยหายใจจะทำให้ฉันตาย เพราะเครื่องไม่ทำงาน มันจะมีลมดันมาตลอด เพราะพยาบาลไม่ปรับให้และทุกคนคิดว่าฉันฆ่าตัวตาย แม่ฉันเลยมาถอดท่อเครื่องช่วยหายใจให้ ทำให้ฉันหายใจดีขึ้น เพราะตอนที่แม่ถอดมันไม่มีลมดันเลย แต่พยาบาลไม่พอใจ เลยมาใส่ท่อ และด่าแม่ฉันว่า "ถ้าป้าทำแบบนี้ จะทำให้หัวใจฉันหยุดเต้น" เป็นเหตุผลที่ห่วยแตกมาก แม่ฉันเห็นทรมาณมาก เลยไปบอกหมอคนที่ใส่แว่นว่า"ช่วยถอดออกให้ฉันเถอะ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรฉํนจะยอมรับผิดชอบเอง" (พูดเป็นภาษาลาว) 100%ที่เขาฟังออก แต่เขาบอกแม่ฉํนด้วยอารมโมโหว่า "พูดไทย พูดลาวฟังไม่รู้เรื่อง" แม่ฉันก็พูดไทย แต่ผลคำตอบที่ได้คือ "ไม่ถอด ปล่อยไว้แบบนี้แหละ" มันแย่มาก
ห่างไป1ชั่วโมง ฉํนมีอาการเจ็บหน้าอกเพราะเครื่องช่วยหายใจ เพราะลมมันแรง และพยาบาลไม่ปรับให้ฉัน แม่ฉันก็คุยกับนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งให้ถอดออก เพราะแรงลมมันเข้าไปกดหน้าอกฉันทำให้เจ็บ และ ฉันสามารถหายใจเองได้ แต่เขาไม่สน ฉันเลยขอให้แม่พาฉันไปโรงพยาบาลเอกชน วันนั้นแม่ฉันรีบมาหาฉัน และไม่ได้แต่งตัวดีเท่าไร หมอคนนั้นพูดกับแม่ฉํนว่า "ถ้าคุณไปเอกชน เขาก็ไม่ถอดเครื่องช่วยหายใจให้ลูกคุณหรอก คุณมีปัญญาจ่ายหรอ เอกชนอะ ถ้าคิดว่ามีปัญญาจ่ายก็ไปซิ เซ็นไม่รับการรักษาแล้วออกไปซะ" มันแย่มาก ฉันเข้ามาทุกโรงพยาบาลไม่ว่าเอกชนหรือรัฐบาล พ่อแม่ฉันก็มีจ่ายให้หมด และการพูดให้กำลังใจคนไข้ ที่เป็นเคสเหมือนฉํนก็พูดจาดี หรือคุณมองคนที่การแต่งตัวค่ะ หรือคุณเลือกปฎิบัติพูดดีเป็นบางคน แม่ใคร ใครก็รัก ด่าฉันได้ เพราะฉันโง่ที่กิน แต่อย่ามาด่าแม่ฉัน วันนั้นโรงพยาบาลเอกชนเต็ม ฉันเลยต้องรักษาโรงพยาบาลนั้นต่อ
พยาบาลได้เข้ามาหาฉันและให้ยาฉัน ตอนนั้นฉันเกิดอาการแพนิค และภาวะช็อค แต่พยาบาลตึกนั้นไม่เข้าใจ โดยเขาด่าฉันว่า "อยากตายไม่ใช่หรอ อยากตายแล้วกลัวทำไม ฉันจะฉีดยาเข็มใหญ่ที่สุดให้เธอเอามั้ย" เธอพูดด้วยน้ำเสียงโมโหมาก เขาทำให้ฉันกลัว และได้ยินเสียงสั่งต่างๆ
ทั้งหมดคือเรื่องจริง ตอนนี้ฉํนออกจากโรงพยาบาลนั้นแล้ว แต่จิตเวชโรงพยาบาลนี้ ดีมากๆ ฉํนได้รับยา และมีความคิดที่ดีขึ้น ฉันออกจากโรงพยาบาลนี้วันที่30 มกราคม 2558 อยากจะฝากบอกหมอ2คนนี้และพยาบาลว่าถ้าไม่มีจรรยาบรรณแพทย์และพยาบาลพอ ก็ลาออกไปซะ อย่าได้ทำร้ายจิตใจเคสที่เป็นแบบฉันอีก ถึงเขาจะฆ่าตัวตาย หรือมีอาการทางจิต ก็อย่าพูดทำร้ายเขาแบบนี้ เพราะมันแย่มาก