คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
ข้อจำกัดของ อู๋ซานกุ้ย นะครับ
1. กองทหารในมือมีราวๆไม่เกิน 1 แสนคน
2. เสบียงอาหาร เหลือแค่ไม่เกิน 1 เดือน
3. ดินแดนที่เขาควบคุม ถูกตัดขาดจากเขตพื้นที่หลักทางตอนใต้ไปแล้ว และเมื่อปักกิ่ง-ต้าหยุนเหอ ถูกควบคุมโดยกองทัพของฉว่างหวาง ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเสบียง หรือกำลังทหารมาหนุน
4. ดินแดนทางตอนเหนือของหวงเหอ ตกอยู่ในการควบคุมของกองทัพซุ่นทั้งหมด เขตยึดครองที่ใกล้ที่สุดของขุนศึกต้าหมิง คือ อานฮุย ที่ไกลออกไปพันกว่าลี้
5. ตอนนั้น แม่ทัพเอกของหลี่จื้อเฉิง คือ หลิวจงหมิ่น นำทัพ 10 หมื่นบุกมาประชิดด่านซานไห่แล้ว และประกาศว่าหากหวู๋ซานกุ้ยไม่ยอมจำนน ก็เตรียมตัวตายได้เลย
6. ตอนนั้นเดือนห้า ย่างเข้าฤดูร้อน กองทัพแมนจูที่นำโดย อาปาไฮ่ พร้อมจะเข้าตีด่านซานไห่อีกรอบ และตวนเอ่อร์กุน ก็ยกทัพใหญ่มารออยู่แถบแม่น้ำเหลียวสุ่ย แล้ว
1) ทางเลือกแรก ตั้งตัวเป็นเอกเทศด้วยการชูธงสนับสนุนต้าหมิง
ทางเลือกนี้ไม่รอดครับ เสบียงที่ด่านซานไห่เหลือน้อยตั้งรับได้ไม่เกินเดือน ต่อให้ตีทัพของหลิวจงหมิ่นแตกกลับไปได้ หลี่จื้อเฉิงก็ส่งกองทัพใหม่มาอยู่ดี (ก่อนหน้านี้ อู๋ซานกุ้ยเองก็ตีทัพของหลี่จื้อเฉิงแตกพ่ายไปสองรอบแล้ว ทว่าหลี่ก็ส่งกองทัพใหม่มาเรื่อยๆ)
หรือหากชักช้า กองทัพแมนจูก็จะเข้าตีตลบหลัง หวู๋ซานกุ้ยก็เอาชนะไม่ไหวอยู่ดี
ด่านซานไห่ ออกแบบมาให้ต้านศึกจากทางเหนือ แต่ไม่ได้ออกแบบให้ต้านศึกจากทางใต้ หากหลี่จื้อเฉิงระดมตีด่านจริงๆ โอกาสเอาชนะได้มีสูงทีเดียว
2) สวามิภักดิ์ หลี่จื้อเฉิง
ทางเลือกนี้ หวู๋ซานกุ้ยคิดมานาน และมองว่าไม่เข้าท่า เพราะหลี่จื้อเฉิงแค้นขุนนางหมิงมาก เขาฆ่าเหล่าขุนนางในปักกิ่งทิ้งไปมากมาย ขุนศึกต้าหมิงหลายคนก็ตายอนาถ การยอมจำนนนั้น มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
และหวู๋ซานกุ้ย ก็ชักช้าเกินไปกับการยอมจำนน เพราะมีการเปิดศึกกับกองทหารของหลี่ไปแล้ว ประกาศตัวเป็นศัตรูชัดเจน หากยอมจำนน อย่างดีที่สุด ก็รักษาชีวิตไว้ได้ แต่ก็สิ้นอำนาจทหาร สุดท้ายก็ไม่พ้นโดนกำจัดอยู่ดี
3) สลายตัว หลบหนีลงใต้
ทางเลือกนี้เป็นไปได้ยาก และสุ่มเสี่ยง ที่จะทิ้งทหารในมือ 1 แสนคน หนีเอาตัวรอดลงใต้ ไปพึ่งใครก็ไม่รู้ ที่ไหนก็ไม่รู้
ต้องไม่ลืมว่า ตอนนั้นข่าวการสถาปนาตัวเป็นจักรพรรดิของฟุอ๋อง ที่นานกิงยังมาไม่ถึง
ดังนั้น มองในมุมของอู๋ซานกุ้ย (ไม่ใช่ชาวต้าหมิงรักชาติ) การไปเจรจากับแมนจู เปิดด่าน ตักตวงผลประโยชน์ จึงดีที่สุด สมเหตุสมผลที่สุดครับ
ซึ่งอู๋เองก็ได้ผลประโยชน์มาไม่น้อย และมีอำนาจทหารยิ่งใหญ่ในดินแดนหนึ่งต่อมาได้ 20 กว่าปีเลยทีเดียว
หากเขารู้จักพอ ยอมทำตามที่จักรพรรดิคังซีเสนอทางลงให้ สลายกำลังทหาร เป็นอ๋องสืบทอดตำแหน่งชั่วลูกชั่วหลาน ก็คงมีลาภยศให้เสพไม่หมดจนสิ้นราชวงศ์ชิง ไม่ต้องโดนล้างตระกูลแบบนี้
1. กองทหารในมือมีราวๆไม่เกิน 1 แสนคน
2. เสบียงอาหาร เหลือแค่ไม่เกิน 1 เดือน
3. ดินแดนที่เขาควบคุม ถูกตัดขาดจากเขตพื้นที่หลักทางตอนใต้ไปแล้ว และเมื่อปักกิ่ง-ต้าหยุนเหอ ถูกควบคุมโดยกองทัพของฉว่างหวาง ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเสบียง หรือกำลังทหารมาหนุน
4. ดินแดนทางตอนเหนือของหวงเหอ ตกอยู่ในการควบคุมของกองทัพซุ่นทั้งหมด เขตยึดครองที่ใกล้ที่สุดของขุนศึกต้าหมิง คือ อานฮุย ที่ไกลออกไปพันกว่าลี้
5. ตอนนั้น แม่ทัพเอกของหลี่จื้อเฉิง คือ หลิวจงหมิ่น นำทัพ 10 หมื่นบุกมาประชิดด่านซานไห่แล้ว และประกาศว่าหากหวู๋ซานกุ้ยไม่ยอมจำนน ก็เตรียมตัวตายได้เลย
6. ตอนนั้นเดือนห้า ย่างเข้าฤดูร้อน กองทัพแมนจูที่นำโดย อาปาไฮ่ พร้อมจะเข้าตีด่านซานไห่อีกรอบ และตวนเอ่อร์กุน ก็ยกทัพใหญ่มารออยู่แถบแม่น้ำเหลียวสุ่ย แล้ว
1) ทางเลือกแรก ตั้งตัวเป็นเอกเทศด้วยการชูธงสนับสนุนต้าหมิง
ทางเลือกนี้ไม่รอดครับ เสบียงที่ด่านซานไห่เหลือน้อยตั้งรับได้ไม่เกินเดือน ต่อให้ตีทัพของหลิวจงหมิ่นแตกกลับไปได้ หลี่จื้อเฉิงก็ส่งกองทัพใหม่มาอยู่ดี (ก่อนหน้านี้ อู๋ซานกุ้ยเองก็ตีทัพของหลี่จื้อเฉิงแตกพ่ายไปสองรอบแล้ว ทว่าหลี่ก็ส่งกองทัพใหม่มาเรื่อยๆ)
หรือหากชักช้า กองทัพแมนจูก็จะเข้าตีตลบหลัง หวู๋ซานกุ้ยก็เอาชนะไม่ไหวอยู่ดี
ด่านซานไห่ ออกแบบมาให้ต้านศึกจากทางเหนือ แต่ไม่ได้ออกแบบให้ต้านศึกจากทางใต้ หากหลี่จื้อเฉิงระดมตีด่านจริงๆ โอกาสเอาชนะได้มีสูงทีเดียว
2) สวามิภักดิ์ หลี่จื้อเฉิง
ทางเลือกนี้ หวู๋ซานกุ้ยคิดมานาน และมองว่าไม่เข้าท่า เพราะหลี่จื้อเฉิงแค้นขุนนางหมิงมาก เขาฆ่าเหล่าขุนนางในปักกิ่งทิ้งไปมากมาย ขุนศึกต้าหมิงหลายคนก็ตายอนาถ การยอมจำนนนั้น มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
และหวู๋ซานกุ้ย ก็ชักช้าเกินไปกับการยอมจำนน เพราะมีการเปิดศึกกับกองทหารของหลี่ไปแล้ว ประกาศตัวเป็นศัตรูชัดเจน หากยอมจำนน อย่างดีที่สุด ก็รักษาชีวิตไว้ได้ แต่ก็สิ้นอำนาจทหาร สุดท้ายก็ไม่พ้นโดนกำจัดอยู่ดี
3) สลายตัว หลบหนีลงใต้
ทางเลือกนี้เป็นไปได้ยาก และสุ่มเสี่ยง ที่จะทิ้งทหารในมือ 1 แสนคน หนีเอาตัวรอดลงใต้ ไปพึ่งใครก็ไม่รู้ ที่ไหนก็ไม่รู้
ต้องไม่ลืมว่า ตอนนั้นข่าวการสถาปนาตัวเป็นจักรพรรดิของฟุอ๋อง ที่นานกิงยังมาไม่ถึง
ดังนั้น มองในมุมของอู๋ซานกุ้ย (ไม่ใช่ชาวต้าหมิงรักชาติ) การไปเจรจากับแมนจู เปิดด่าน ตักตวงผลประโยชน์ จึงดีที่สุด สมเหตุสมผลที่สุดครับ
ซึ่งอู๋เองก็ได้ผลประโยชน์มาไม่น้อย และมีอำนาจทหารยิ่งใหญ่ในดินแดนหนึ่งต่อมาได้ 20 กว่าปีเลยทีเดียว
หากเขารู้จักพอ ยอมทำตามที่จักรพรรดิคังซีเสนอทางลงให้ สลายกำลังทหาร เป็นอ๋องสืบทอดตำแหน่งชั่วลูกชั่วหลาน ก็คงมีลาภยศให้เสพไม่หมดจนสิ้นราชวงศ์ชิง ไม่ต้องโดนล้างตระกูลแบบนี้
แสดงความคิดเห็น
เดินหมากผิดตาเดียวล้มทั้งกระดาน ถ้าคุณเป็นอู๋ซานกุ้ยสมัยนั้นจะตัดสินใจยังไงครับ
ถามว่าถ้าเป็นคุณ ในสถานการณ์ตอนนั้นจะทำยังไงครับ ส่วนตัวผมคงคิดว่าพวกหลี่จื้อเฉิงคงไม่เก็บอู๋ซานกุ้ยไว้แน่ มองไปทางไหนก็มีแต่ตาย ผมก็ยังคิดไม่ตกเหมือนกันจะเอาตัวรอดจากโจทย์ทางประวัติศาสตร์นี้ยังไง
ขออนุญาตแท็กหว้าก้อเพราะอยากดูมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ครับ