สืบเนื่องจากผมได้ทำการกู้ซื้อทรัพย์แบงค์กับทางธนาคารกรุงเทพเป็นที่ดินขนาด 50 ตรว. พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านไม้เก่าๆใกล้พังชั้นเดียว ในราคา 1.5 ล้านบาท ซึ่งตอนนั้นผมมีเงินเดือนอยู่ที่ 12400 บาทต่อเดือน(ยังไม่รวมเบี้ยเลี้ยงและค่าคอม) ได้ติดต่อทางธนาคารกรุงเทพเพื่อซื้อทรัพย์แบงค์ โดยการติดต่อนี้ผมได้รับคำแนะนำจากเพื่อนผมที่ทำงานที่แบงค์นี้ว่าให้ไปติดต่อ ผจก.คนนี้ เป็น ผจก. สาขาคอนโดแถวพระรามเก้า จากการติดต่อเพื่อซื้อทรัพย์แบงค์ผมได้บอกรายละเอียดไปดังนี้
1.ผมมีความประสงค์ซื้อทรัพย์แบงค์มาเพื่อปลูกสร้างใหม่บนที่ดินนี้
2.ผมจะทำการกู้สร้างหลังจากซื้อทรัพย์เสร็จแล้ว เพื่อสร้างบ้านใหม่บนที่ดินแห่งนี้
จากทั้งสองข้อด้านบนผมได้ทำการพูดคุยแล้วได้ใจความดังนี้"ผมสามารถทุบบ้านเดิมเพื่อสร้างใหม่ได้แต่ต้องกู้อีกก้อนเพื่อสร้าง โดยแบ่งกู้ก้อนแรก 1.5 ล้านบาทเพื่อซื้อทรัพย์แบงค์ และกู้ก้อนที่ 2 เพื่อปลูกสร้างสามารถกู้ได้เพราะเป็นทรัพย์ธนาคารอยู่แล้ว แล้วที่ดินที่กู้ซื้อตอนแรกก็จำนองกับธนาคาร" ผมได้ยินข้แความดังนี้ผมจึงตกลงซื้อทรัพย์ก้อนแรกโดยการจ่ายเงิน 10% เป็นค่าซื้อและอีก 90% กู้จากธนาคารเอา ดังนั้นผมจึงเป็นหนี้กับทางธนาคาร 1.35 ล้านบาท พร้อมทั้งทางธนาคารให้ผมทำประกันอีกจำนวน 29500 บาท ครอบคลุมวงเงินจำนวน 1.35 ล้าน โดยก่อนทำการซื้อทรัพย์แรกผมได้ทำการสอบถามไปว่า ผมจะทำการทุบบ้านได้เลยไหมเพราะผมจะสร้างอยู่แล้ว ผมต้องดำเนินการทั้งทุบและถมดิน ผมได้คำตอบมาว่าได้เลยเพราะยังไงก็ต้องสร้างบ้านใหม่อยู่แล้ว(สภาพบ้านอยู่ไม่ได้แล้วจริงๆครับ) และผมก็ถามไปว่าผมต้องใช้ผู้กู้ร่วมไหม(พี่ชายผม)เพราะกลัวจะไม่ผ่าน ทางธนาคารบอกว่ารายได้ผมสามารถกู้ได้คนเดียวผ่านแน่นอนไม่ต้องใช้ผู้กู้ร่วมเอาไว้ใช้ตอนที่กู้ก้อนสองแทน(รายรับรวมผมอยู่ที่ประมาณ 60000-80000 บาท) พอกู้ก่อนแรกผ่านผมจึงดำเนินการทุบพร้อมทั้งถมดิน โดยนำเงินเก็บมาใช้เสียไปทั้งหมดประมาณ 1 แสนบาท หลังจากนั้นผมจึงดำเนินการหาสถาปนิกเพื่อทำแบบก่อสร้างบ้านขึ้นมา ผมใช้เวลาทั้งหมดนี้อยู่ประมาณ 8 เดือน ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็ผ่อนตามปกติไป หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยผมจึงติดต่อธนาคารเพื่อทำการกู้ก้อนที่สอง โดยบ้านผมมีมูลค่าประมาณ 4.3 ล้านบาท โดยที่การกู้ก้อนที่สองนี้ผมได้ติดต่อกับทางธนาคารดังนี้ ผมมีฤกษ์ลงเสาเข็มวันที่ 4 ธค ที่ผ่านมา ถ้าผมเซ็นต์สัญญาก่อสร้างไปเลยผมต้องใช้เงินส่วนตัวออกไปให้ ผรม.ลงเสาเข็ม สร้างคานชั้น 1 ลงเสาบ้าน เป็นจำนวนเงิน 25% ของการก่อสร้าง ผมจึงสอบถามไปกับทางธนาคารว่าการกู้ก้อนที่สองจะมีปัญหาอะไรไหม ทาง ผจก.บอกผมมาว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสามารถทำได้เลยเพราะมีการพูดคุยกันไว้แล้วเบื้องต้น แล้วก็ให้ผมใส่ชื่อผู้กู้ร่วมเข้ามาเพื่อทำให้วงเงินที่ยื่นกู้สามารถกู้ได้ 100% หรือน้อยกว่านั้นแล้วแต่การประเมินแบบของทางธนาคาร ผมจึงสอบถามเพิ่มเติมไปอีกว่าเนื่องจากเงิน 25% เนี่ยผมมีเงินเก็บไม่ถึง ถ้าผมไปกู้ Personal Loan ออกมาจะมีปัญหากับการกู้ไหม และพอดีผมพึ่งเปลี่ยนงานใหม่(เงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 27000 บาท ยังไม่รวมเบี้ยเลี้ยง ค่าคอม)จะมีปัญหากับการกู้ไหม ทาง ผจก.ตอบมาว่าไม่มีปัญหาเป็นคนละส่วนกันสามารถนำออกมาใช้ได้เลย ส่วนเรื่องเปลี่ยนงานมีหนังสือรับรองจากทางบริษัทเก่าและใหม่มาด้วยไม่มีปัญหาในส่วนนี้ ผมจึงทำการนำ Personal Loan ออกมาหมุนใช้ก่อนในการสร้าง(สิ่งที่ผมตัดสินใจคือนำออกมาพอสร้างครบ 25% ธนาคารมาตรวจแล้วจ่ายงวดงานนี้มา ผมสามารถนำไปปิดได้เลยทันที) พอสร้างไปแล้วใกล้เสร็จผลที่ทางธนาคารตอบผมกลับมาคือ ทางธนาคาร Reject การกู้ก้อนที่สองของผม ทั้งๆที่มีการพูดคุยกันไว้ทุกๆอย่างตั้งแต่ก่อนการซื้อก้อนแรก โดยให้เหตุผลกลับมาว่าไม่สามารถให้กู้ได้เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอ ผมเลยสอบถามไปว่าไม่เพียงพออย่างไรทั้งๆที่มีผู้กู้ร่วม ทางธนาคารตอบกลับมาว่าไม่พิจารณาผู้กู้ร่วมเพราะทางธนาคารมีความเห็นว่าผู้กู้ร่วมไม่ได้มาอยู่ด้วยจริงแค่ผมนำชื่อมาใส่เฉยๆเพื่อให้ผ่านง่ายขึ้น แล้วรายได้ผมอื่นๆไม่พิจารณาร่วมด้วยคิดจากเงินเดือนอย่างเดียว ผมจึงสอบถามกลับไปว่า พี่ชายผมทะเบียนบ้านเดียวกันอาศัยอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่เหมือนกันทำไมไม่คิด แล้วรายรับผมทำไมคิดจากฐานเงินเดือนอย่างเดียวถ้าเป็นฐานเงินเดือนอย่างเดียวยอดการกู้ก้อนแรกผมก็ต้องไม่ผ่านเพราะตอนนั้นเงินเดือนผมได้แค่ 12400 บาท ทางธนาคารบอกว่าผมมีหนี้สินเยอะเกินไปกลัวผมไปเป็นหนี้นอกระบบ อ่าวผมงงไปใหญ่เลยทั้งๆที่ตอนยื่นกู้ก้อนแรกผมก็มีหนี้รถอยู่แล้วเดือนละ 8400 บาท แต่ยังให้ผมผ่านทั้งๆที่ถ้าคิดจากเงินเดือนอย่างเดียวมันไม่สมควรผ่านตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทางธนาคารยังบอกมาอีกว่าผมมีหนี้ Personal Loan มาด้วย อ่าวนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลยไหนทาง ผจก.คุณบอกมาว่าได้ไม่มีปัญหาเอาออกมาได้เลย ถ้ามีปัญหาผมคงไม่เอามาตั้งแต่แรกคงไปขอยืมคนอื่นเอา สุดท้ายตอบผมกลับมาว่ายังไงก็ไม่สามารถปล่อยกู้ให้ได้ ขอโทษด้วย จบปิ๊ง!!!! งานงอกแล้วไหมละกู ลงทุนสร้างไปแล้วเงินเก็บทั้งหมดที่มี จบแล้วไม่มีต่อรองด้วยว่าปล่อยได้ที่เท่าไหร่ไม่มีคำแนะนำอะไรทั้งสิ้น จบกันชีวิตพนักงานเงินเดือนที่อยากมีบ้านเป็นของตนเองและครอบครัว หลังจากได้ยินคำตอบตามที่บอกไป ผมจึงทำการสอบถามไปกับทางแบงค์อื่นๆเพื่อขอทำการ Refinance และกู้สร้างเอาว่ะยอมเสีย 3% Refinance ก่อนครบสัญญา ถ้าได้ก็ต้องยอมเสีย แต่....ไม่มีแบงค์ไหนรับเพราะบ้านที่มีทุบไปแล้วทรัพย์ไม่ครบ 100% จากที่ทำสัญญาไว้ ซวยหนักเลย ไม่รู้ทำไงดีจึงเข้าไปคุยกับทางธนาคารกรุงเทพสาขาใหญ่ สุดท้ายทางสาขาใหญ่ให้คำตอบเหมือนเดิม แต่ก็ให้เหตุผลที่ดีขึ้นว่าที่ผู้กู้ร่วมไม่คิดเพราะว่าชื่อผู้กู้ก้อนแรกที่เป็นเจ้าของที่ดินมีชื่อผมเพียงชื่อเดียว อ่าวก็ตอนแรกผมถามแล้วนิว่าต้องใช้ผู้กู้ร่วมไหม บอกผมไม่ต้องแล้วทำไมมาทำกับผมแบบนี้ละ แล้วเรื่องรายได้ผมละ ทางธนาคารก็บอกว่าคิดเฉพาะเงินเดือนส่วนรายรับอื่นๆไม่คิด ถ้าจะคิดให้ก็ได้แค่ 40% เต็มที่ อ่าวเบี้ยเลี้ยงกูเกือบ 23000 ได้แน่นอนทุกเดือน คอมกูเฉลี่ยได้เดือนละ 30000+- ไม่คิดอะไรเลยหรอ สุดท้ายนี้คำตอบก็ยังคงเดิมและผมก็ต้องมานั่งเครียดอยู่อย่างนี้เงินเก็บที่มีมาก็ใช้ไปหมดแล้ว เงินจะหามาปิดก้อนแรกก็ไม่มี(ตอนนี้หนี้ก้อนแรกเหลือ 1.28 ล้าน ถ้าไม่สร้างก็นำเงินมาปิดเกือบหมดได้ เพื่อเอาที่ดินไปจำนองขอกู้สร้างกับที่อื่น)แล้ว รู้สึกแย่มากกับทางธนาคารกรุงเทพ และ ผจก.สาขา มากที่รับปากไปงั้นๆ ความหวังที่จะมีบ้านก็คงต้องหยุดไปแบบนี้ บ้านที่สร้างไปแล้วก็คงต้องมีแค่เสากับคานชั้น 1 สัญญาที่เซ็นต์ไว้กับทาง ผรม.ก็คงต้องโดนเค้าปรับ เสียใจจริงๆที่เป็นแบบนี้
ขอระบายเพียงเท่านี้ครับ และหวังว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆจะไม่โดนเคสแบบนี้เหมือนผมนะครับ
ขอขอบคุณพันธิปสำหรับการระบายครั้งนี้ ขอบคุณครับ
ขอระบายเกี่ยวกับธนาคารกรุงเทพ
1.ผมมีความประสงค์ซื้อทรัพย์แบงค์มาเพื่อปลูกสร้างใหม่บนที่ดินนี้
2.ผมจะทำการกู้สร้างหลังจากซื้อทรัพย์เสร็จแล้ว เพื่อสร้างบ้านใหม่บนที่ดินแห่งนี้
จากทั้งสองข้อด้านบนผมได้ทำการพูดคุยแล้วได้ใจความดังนี้"ผมสามารถทุบบ้านเดิมเพื่อสร้างใหม่ได้แต่ต้องกู้อีกก้อนเพื่อสร้าง โดยแบ่งกู้ก้อนแรก 1.5 ล้านบาทเพื่อซื้อทรัพย์แบงค์ และกู้ก้อนที่ 2 เพื่อปลูกสร้างสามารถกู้ได้เพราะเป็นทรัพย์ธนาคารอยู่แล้ว แล้วที่ดินที่กู้ซื้อตอนแรกก็จำนองกับธนาคาร" ผมได้ยินข้แความดังนี้ผมจึงตกลงซื้อทรัพย์ก้อนแรกโดยการจ่ายเงิน 10% เป็นค่าซื้อและอีก 90% กู้จากธนาคารเอา ดังนั้นผมจึงเป็นหนี้กับทางธนาคาร 1.35 ล้านบาท พร้อมทั้งทางธนาคารให้ผมทำประกันอีกจำนวน 29500 บาท ครอบคลุมวงเงินจำนวน 1.35 ล้าน โดยก่อนทำการซื้อทรัพย์แรกผมได้ทำการสอบถามไปว่า ผมจะทำการทุบบ้านได้เลยไหมเพราะผมจะสร้างอยู่แล้ว ผมต้องดำเนินการทั้งทุบและถมดิน ผมได้คำตอบมาว่าได้เลยเพราะยังไงก็ต้องสร้างบ้านใหม่อยู่แล้ว(สภาพบ้านอยู่ไม่ได้แล้วจริงๆครับ) และผมก็ถามไปว่าผมต้องใช้ผู้กู้ร่วมไหม(พี่ชายผม)เพราะกลัวจะไม่ผ่าน ทางธนาคารบอกว่ารายได้ผมสามารถกู้ได้คนเดียวผ่านแน่นอนไม่ต้องใช้ผู้กู้ร่วมเอาไว้ใช้ตอนที่กู้ก้อนสองแทน(รายรับรวมผมอยู่ที่ประมาณ 60000-80000 บาท) พอกู้ก่อนแรกผ่านผมจึงดำเนินการทุบพร้อมทั้งถมดิน โดยนำเงินเก็บมาใช้เสียไปทั้งหมดประมาณ 1 แสนบาท หลังจากนั้นผมจึงดำเนินการหาสถาปนิกเพื่อทำแบบก่อสร้างบ้านขึ้นมา ผมใช้เวลาทั้งหมดนี้อยู่ประมาณ 8 เดือน ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็ผ่อนตามปกติไป หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยผมจึงติดต่อธนาคารเพื่อทำการกู้ก้อนที่สอง โดยบ้านผมมีมูลค่าประมาณ 4.3 ล้านบาท โดยที่การกู้ก้อนที่สองนี้ผมได้ติดต่อกับทางธนาคารดังนี้ ผมมีฤกษ์ลงเสาเข็มวันที่ 4 ธค ที่ผ่านมา ถ้าผมเซ็นต์สัญญาก่อสร้างไปเลยผมต้องใช้เงินส่วนตัวออกไปให้ ผรม.ลงเสาเข็ม สร้างคานชั้น 1 ลงเสาบ้าน เป็นจำนวนเงิน 25% ของการก่อสร้าง ผมจึงสอบถามไปกับทางธนาคารว่าการกู้ก้อนที่สองจะมีปัญหาอะไรไหม ทาง ผจก.บอกผมมาว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสามารถทำได้เลยเพราะมีการพูดคุยกันไว้แล้วเบื้องต้น แล้วก็ให้ผมใส่ชื่อผู้กู้ร่วมเข้ามาเพื่อทำให้วงเงินที่ยื่นกู้สามารถกู้ได้ 100% หรือน้อยกว่านั้นแล้วแต่การประเมินแบบของทางธนาคาร ผมจึงสอบถามเพิ่มเติมไปอีกว่าเนื่องจากเงิน 25% เนี่ยผมมีเงินเก็บไม่ถึง ถ้าผมไปกู้ Personal Loan ออกมาจะมีปัญหากับการกู้ไหม และพอดีผมพึ่งเปลี่ยนงานใหม่(เงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 27000 บาท ยังไม่รวมเบี้ยเลี้ยง ค่าคอม)จะมีปัญหากับการกู้ไหม ทาง ผจก.ตอบมาว่าไม่มีปัญหาเป็นคนละส่วนกันสามารถนำออกมาใช้ได้เลย ส่วนเรื่องเปลี่ยนงานมีหนังสือรับรองจากทางบริษัทเก่าและใหม่มาด้วยไม่มีปัญหาในส่วนนี้ ผมจึงทำการนำ Personal Loan ออกมาหมุนใช้ก่อนในการสร้าง(สิ่งที่ผมตัดสินใจคือนำออกมาพอสร้างครบ 25% ธนาคารมาตรวจแล้วจ่ายงวดงานนี้มา ผมสามารถนำไปปิดได้เลยทันที) พอสร้างไปแล้วใกล้เสร็จผลที่ทางธนาคารตอบผมกลับมาคือ ทางธนาคาร Reject การกู้ก้อนที่สองของผม ทั้งๆที่มีการพูดคุยกันไว้ทุกๆอย่างตั้งแต่ก่อนการซื้อก้อนแรก โดยให้เหตุผลกลับมาว่าไม่สามารถให้กู้ได้เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอ ผมเลยสอบถามไปว่าไม่เพียงพออย่างไรทั้งๆที่มีผู้กู้ร่วม ทางธนาคารตอบกลับมาว่าไม่พิจารณาผู้กู้ร่วมเพราะทางธนาคารมีความเห็นว่าผู้กู้ร่วมไม่ได้มาอยู่ด้วยจริงแค่ผมนำชื่อมาใส่เฉยๆเพื่อให้ผ่านง่ายขึ้น แล้วรายได้ผมอื่นๆไม่พิจารณาร่วมด้วยคิดจากเงินเดือนอย่างเดียว ผมจึงสอบถามกลับไปว่า พี่ชายผมทะเบียนบ้านเดียวกันอาศัยอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่เหมือนกันทำไมไม่คิด แล้วรายรับผมทำไมคิดจากฐานเงินเดือนอย่างเดียวถ้าเป็นฐานเงินเดือนอย่างเดียวยอดการกู้ก้อนแรกผมก็ต้องไม่ผ่านเพราะตอนนั้นเงินเดือนผมได้แค่ 12400 บาท ทางธนาคารบอกว่าผมมีหนี้สินเยอะเกินไปกลัวผมไปเป็นหนี้นอกระบบ อ่าวผมงงไปใหญ่เลยทั้งๆที่ตอนยื่นกู้ก้อนแรกผมก็มีหนี้รถอยู่แล้วเดือนละ 8400 บาท แต่ยังให้ผมผ่านทั้งๆที่ถ้าคิดจากเงินเดือนอย่างเดียวมันไม่สมควรผ่านตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทางธนาคารยังบอกมาอีกว่าผมมีหนี้ Personal Loan มาด้วย อ่าวนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลยไหนทาง ผจก.คุณบอกมาว่าได้ไม่มีปัญหาเอาออกมาได้เลย ถ้ามีปัญหาผมคงไม่เอามาตั้งแต่แรกคงไปขอยืมคนอื่นเอา สุดท้ายตอบผมกลับมาว่ายังไงก็ไม่สามารถปล่อยกู้ให้ได้ ขอโทษด้วย จบปิ๊ง!!!! งานงอกแล้วไหมละกู ลงทุนสร้างไปแล้วเงินเก็บทั้งหมดที่มี จบแล้วไม่มีต่อรองด้วยว่าปล่อยได้ที่เท่าไหร่ไม่มีคำแนะนำอะไรทั้งสิ้น จบกันชีวิตพนักงานเงินเดือนที่อยากมีบ้านเป็นของตนเองและครอบครัว หลังจากได้ยินคำตอบตามที่บอกไป ผมจึงทำการสอบถามไปกับทางแบงค์อื่นๆเพื่อขอทำการ Refinance และกู้สร้างเอาว่ะยอมเสีย 3% Refinance ก่อนครบสัญญา ถ้าได้ก็ต้องยอมเสีย แต่....ไม่มีแบงค์ไหนรับเพราะบ้านที่มีทุบไปแล้วทรัพย์ไม่ครบ 100% จากที่ทำสัญญาไว้ ซวยหนักเลย ไม่รู้ทำไงดีจึงเข้าไปคุยกับทางธนาคารกรุงเทพสาขาใหญ่ สุดท้ายทางสาขาใหญ่ให้คำตอบเหมือนเดิม แต่ก็ให้เหตุผลที่ดีขึ้นว่าที่ผู้กู้ร่วมไม่คิดเพราะว่าชื่อผู้กู้ก้อนแรกที่เป็นเจ้าของที่ดินมีชื่อผมเพียงชื่อเดียว อ่าวก็ตอนแรกผมถามแล้วนิว่าต้องใช้ผู้กู้ร่วมไหม บอกผมไม่ต้องแล้วทำไมมาทำกับผมแบบนี้ละ แล้วเรื่องรายได้ผมละ ทางธนาคารก็บอกว่าคิดเฉพาะเงินเดือนส่วนรายรับอื่นๆไม่คิด ถ้าจะคิดให้ก็ได้แค่ 40% เต็มที่ อ่าวเบี้ยเลี้ยงกูเกือบ 23000 ได้แน่นอนทุกเดือน คอมกูเฉลี่ยได้เดือนละ 30000+- ไม่คิดอะไรเลยหรอ สุดท้ายนี้คำตอบก็ยังคงเดิมและผมก็ต้องมานั่งเครียดอยู่อย่างนี้เงินเก็บที่มีมาก็ใช้ไปหมดแล้ว เงินจะหามาปิดก้อนแรกก็ไม่มี(ตอนนี้หนี้ก้อนแรกเหลือ 1.28 ล้าน ถ้าไม่สร้างก็นำเงินมาปิดเกือบหมดได้ เพื่อเอาที่ดินไปจำนองขอกู้สร้างกับที่อื่น)แล้ว รู้สึกแย่มากกับทางธนาคารกรุงเทพ และ ผจก.สาขา มากที่รับปากไปงั้นๆ ความหวังที่จะมีบ้านก็คงต้องหยุดไปแบบนี้ บ้านที่สร้างไปแล้วก็คงต้องมีแค่เสากับคานชั้น 1 สัญญาที่เซ็นต์ไว้กับทาง ผรม.ก็คงต้องโดนเค้าปรับ เสียใจจริงๆที่เป็นแบบนี้
ขอระบายเพียงเท่านี้ครับ และหวังว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆจะไม่โดนเคสแบบนี้เหมือนผมนะครับ
ขอขอบคุณพันธิปสำหรับการระบายครั้งนี้ ขอบคุณครับ