ปกติผมจะใช้เงินค่าขนมในการทำงานด้วยเดินทางด้วย รวมๆ 120 บาทต่อวัน (หากวันไหนจ่ายหนักก็จ่ายไม่เกิน 200 ต่อวัน) แต่มีวันหนึ่งที่ผมได้ลองอ่านกระทู้เกี่ยวกับเทคนิคการออมเงินรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเก็บแงค์ 50 บาทหรือวางแผนใช้จ่ายให้เหมาะสม แต่ผมดูๆ แล้วบางทีการเก็บแบงค์ 50 ทุกวันก็ดูลำบากไปหน่อยเพราะแบงค์ 50 ได้มาไม่บ่อยเท่าที่คิด แต่ผมก็ได้ไอเดียบางอย่าง
เหรียญ 10 บาทเงาๆ สวยๆ เหมือนไข่ดาว หากเราตั้งเป้าเอาไว้ว่าในแต่ละวันหากได้เหรียญสิบ ห้ามใช้โดยเด็ดขาด เก็บเข้ากระเป๋าแล้วรีบหยอดกระปุกซะ ได้กี่เหรียญก็ก็เก็บตามนั้น บางวันได้ 30 เหรียญ บางวันได้ 50 เหรียญก็มี แต่ได้แค่ไหนก็เก็บหมด ไม่เอาออกมาใช้เด็ดขาด
แต่พอผมตั้งเป้าไว้ว่าได้เหรียญ 10 ห้ามใช้ ก็เกิดปัญหาบางอย่าง นั่นคือ ต้องใช้แบงค์ 20 จ่ายมากขึ้นเพื่อวัดว่าจะได้เหรียญสิบหรือเหรียญห้าบาทสองเหรียญ หรือแม้แต่เหรียญบาทก็มี ก็เลยทำให้ค่าขนมแต่ละวันอาจต้องใช้มากถึง 150 บาท แต่ก็ทำให้ทุกๆ วันมีเงินเก็บเข้ากระปุกได้ตลอดเวลาแถมหากได้เศษเหรียญก็ยังใช้เก็บไปขึ้นรถได้ในวันถัดไป รวมไปถึงจดรายละเอียดการใช้เงินในแต่ละวันด้วยว่าใช้จ่ายอะไรไป
รู้ว่าการออมเงินที่เห็นผลนั้นจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี แต่ผมเป็นคนใร้อน อยากรู้ว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเก็บได้เท่าไหร่ รวมไปถึงจะเอาเงินส่วนนี้ไปฝากธนาคารด้วยเพราะกระปุกมันหนักมากกว่าที่คิด สุดท้ายก็เลยตัดสินใจนับเหรียญดู
ว้าว เงินออมในนี้มีมากพอที่จะเป็นค่าขนมได้ถึง 2 วันทีเดียว (ราวๆ 300 บามขึ้นไป)
ผมเลยมองขึ้นเพดานพร้อมกับผมได้รู้อะไรจากการออมเงินในครั้งนี้ นั่นคือ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
การคอรัปชั่น มันเป็นแบบนี้นี่เอง เบิกเงินเกินงบ เหลือก็เก็บดองเป็นของตัวเอง
ป.ล. เงินที่เก็บได้จะเอาไปฝากธนาคาร เอาไปสมทบเพื่อปั๊มดอกในปลายปีครับ
ป.ล.2 เงินค่าขนมนี้มาจากการแบ่งส่วนของเงินเดือนที่ได้รับ ไม่ได้ขอพ่อแม่หรือขอญาติแต่อย่างใด อย่าเพิ่งตกใจแล้วดราม่านะครับ
(ขออนุญาตแก้ตรงใช้เงินเกินงบเป็นเบิกเงินเกินงบแทนนะครับ มันสมูทกว่า)
ด้วยการเก็บออมเหรียญสิบบาทถ้วน แค่สองสัปดาห์ ก็ได้ค้นพบความหมายบางอย่าง?
เหรียญ 10 บาทเงาๆ สวยๆ เหมือนไข่ดาว หากเราตั้งเป้าเอาไว้ว่าในแต่ละวันหากได้เหรียญสิบ ห้ามใช้โดยเด็ดขาด เก็บเข้ากระเป๋าแล้วรีบหยอดกระปุกซะ ได้กี่เหรียญก็ก็เก็บตามนั้น บางวันได้ 30 เหรียญ บางวันได้ 50 เหรียญก็มี แต่ได้แค่ไหนก็เก็บหมด ไม่เอาออกมาใช้เด็ดขาด
แต่พอผมตั้งเป้าไว้ว่าได้เหรียญ 10 ห้ามใช้ ก็เกิดปัญหาบางอย่าง นั่นคือ ต้องใช้แบงค์ 20 จ่ายมากขึ้นเพื่อวัดว่าจะได้เหรียญสิบหรือเหรียญห้าบาทสองเหรียญ หรือแม้แต่เหรียญบาทก็มี ก็เลยทำให้ค่าขนมแต่ละวันอาจต้องใช้มากถึง 150 บาท แต่ก็ทำให้ทุกๆ วันมีเงินเก็บเข้ากระปุกได้ตลอดเวลาแถมหากได้เศษเหรียญก็ยังใช้เก็บไปขึ้นรถได้ในวันถัดไป รวมไปถึงจดรายละเอียดการใช้เงินในแต่ละวันด้วยว่าใช้จ่ายอะไรไป
รู้ว่าการออมเงินที่เห็นผลนั้นจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี แต่ผมเป็นคนใร้อน อยากรู้ว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเก็บได้เท่าไหร่ รวมไปถึงจะเอาเงินส่วนนี้ไปฝากธนาคารด้วยเพราะกระปุกมันหนักมากกว่าที่คิด สุดท้ายก็เลยตัดสินใจนับเหรียญดู
ว้าว เงินออมในนี้มีมากพอที่จะเป็นค่าขนมได้ถึง 2 วันทีเดียว (ราวๆ 300 บามขึ้นไป)
ผมเลยมองขึ้นเพดานพร้อมกับผมได้รู้อะไรจากการออมเงินในครั้งนี้ นั่นคือ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
การคอรัปชั่น มันเป็นแบบนี้นี่เอง เบิกเงินเกินงบ เหลือก็เก็บดองเป็นของตัวเอง
ป.ล. เงินที่เก็บได้จะเอาไปฝากธนาคาร เอาไปสมทบเพื่อปั๊มดอกในปลายปีครับ
ป.ล.2 เงินค่าขนมนี้มาจากการแบ่งส่วนของเงินเดือนที่ได้รับ ไม่ได้ขอพ่อแม่หรือขอญาติแต่อย่างใด อย่าเพิ่งตกใจแล้วดราม่านะครับ
(ขออนุญาตแก้ตรงใช้เงินเกินงบเป็นเบิกเงินเกินงบแทนนะครับ มันสมูทกว่า)