ต่อจากรีวิวที่ห้า เที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง ง่าย ๆ ไม่ยากอย่างที่คิด [วันที่ห้า MBC Dramia - วัดพงอึนซา [Bongeunsa Temple] - Star Avenue @Lotte World Tower]
http://ppantip.com/topic/33201647

เข้าสู่การเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง ง่าย ๆ ไม่ยากอย่างที่คิด วันที่หก Ehwa Univ. - พระราชวังด๊อกซูกุง - ถนนสายแป๊ะก๊วย - My Love From The Star Exhibition บ้านโทมินจุน - Jaksal Chicken Illsan ร้านไก่จุง

วันนี้ตามแผนที่วางไว้ช่วงเช้าเที่ยวในตัวเมืองก่อนแล้วช่วงบ่ายไปแถวชานเมือง โดยเริ่มต้นที่ใกล้ ๆ กับที่พักก้อคือ มหาวิทยาลัยหญิงล้วน Ewha Womans University (이화여자대학교) หลังจากที่เมินไม่ได้ไปเที่ยวชมม.อีฮวา ในช่วงวันแรก ๆ ที่เดินทางมาพักที่นี่เลยจัดไปซะหน่อย ไหน ๆ ก้ออยู่ใกล้แค่นี้เอง

Ewha Womans University (이화여자대학교)

การเดินทาง : สถานี Ewha Womans Univ. [Line 2, Exit 1,2,3,4] ถ้าให้ง่ายก้อ Exit 2,3 เดินตรงไป ม.อีฮวาได้เลยค่ะ
ประวัติคร่าว ๆ เป็นมหาวิทยาลัยหญิงล้วน ตั้งอยู่ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ นับเป็นมหาวิทยาลัยหญิงล้วนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอย่างมากของเกาหลีใต้ ก่อตั้งเมื่อ 31 พ.ค. 1886 สิ่งที่น่าสังเกตคือชื่อของมหาวิทยาลัยที่ใช้คำว่า womans แทน women เพื่อต้องการเน้นถึงผู้หญิงหลายคน
สิ่งสำคัญที่ทำให้มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวาเป็นที่รู้จักก็คือ ทุน EGPP [Ewha Global Partnership Program] ซึ่งเป็นทุนการศึกษาที่มอบให้แก่นักศึกษาจากประเทศโลกกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทย โดยจะรับสมัครปีละ 2 ครั้ง และในแต่ละปีจะมีนักเรียนไทยได้รับทุนนี้ภาคเรียนละ 1-2 คน
สำหรับการเรียนในหลักสูตรต่างๆ จะเน้นภาษาเกาหลีเป็นสำคัญ ดังนั้นน้องๆ คนไหนที่ต้องการจะศึกษาที่มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา จะต้องมีความสามารถภาษาเกาหลีในระดับสูง หรือหากเทียบเป็นการสอบวัดระดับภาษาเกาหลีหรือ TOPIK ควรสอบได้อย่างน้อยระดับ 4 (จาก 6 ระดับ)
ค่าเล่าเรียน    ระดับปริญญาตรี 6,116,000 แอบแพงแต่ก้อน่าสนใจดีนะคะ
สถาปัตยกรรมของอาคารเรียนเก๋ไก๋มากค่ะ ในลักษณะท่ามกลางเนินเขา ดูแล้วสวยมาก

แถวมหาวิทยาลัยอีฮวา ก้อเป็นหนึ่งในย่านช้อปปิ้งที่นิยมมากที่สุดในกรุงโซล ร้านขายเสื้อผ้าในพื้นที่ขายแฟชั่นราคาไม่แพงและมีสไตล์สำหรับคนหนุ่มสาว ร้านอาหารแถวนี้มีเยอะมากมายหลากหลายค่ะ



ผสมผสานกับตึกสไตล์ยุโรป



บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยร่มรื่น สดชื่นน่าไปเรียนมาก



จากนั้นก้อออกเดินทางไปยังพระราชวังด๊อกซูกุง


พระราชวังด๊อกซูกุง (Deoksugung Palace)
การเดินทาง : สถานี City Hall [Line 1,Exit 2] เป็นพระราชวังเก่าแก่ แต่สวยงามร่มรื่น ยิ่งมาตอนช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแล้วยิ่งสวยงามไปอีกค่ะ ใครที่มาที่นี่ต้องไม่พลาดเดินชมวิวต้นแปะก๊วยสีเหลืองอร่ามที่ถนน Jeongdong-gil ที่เลาะเลียบรั้ววังไปด้วยกันเลยค่ะ พระราชวังนี้ จขกท ซื้อบัตรตั๋วรวมแบบ Combination Ticket for Palaces แล้ว ก้อยื่นตั๋วเข้าชมได้เลยค่ะ ส่วนใครที่ไม่ได้ซื้อตั๋วรวมก้อไปซื้อได้ที่ซุ้มขายตั๋วได้ค่ะ พระราชวังด๊อกซูกุงจะเปิดให้เข้าชมทุกวัน 9.00 - 21.00 น. ยกเว้นวันจันทร์ (ปิดทำการ) ราคาบัตร ผู้ใหญ่ 1,000 วอน เด็ก 500 วอน วันนี้ จขกท มาได้จังหวะมากๆ เจอกับพิธีเปลี่ยนเวรยามพอดี ในหนึ่งวันมี 3 รอบ คือ รอบ 11:00 ,14:00 ,15:30 น. ถึงแม้จะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างเหมือนที่ พระราชวังเคียงบก แต่ก็สร้างความประท้บใจไม่แพ้กันเลยค่ะ ใครที่ชอบถ่ายรูปคู่กับทหารก็ถ่ายได้นะคะ พระราชวังถ๊อกซูกุงนี้ สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชชอน นับจนถึงปัจจุบันนี้ก็มีความเก่าแก่กว่า 500 ปีเดินผ่านกำแพงรั้วด้านในเข้าไป จะพบกับตำหนักทั้งหมดรวม 12 แห่งด้วยกันคำว่าถ๊อกซูกุงนี้ มีความหมายว่า อายุยืนยาวและความมั่นคง


ต้นแป๊ะก๊วยสีเหลืองสวยมาก


อาคารซกโซจอน (Seokjojeon) จะเป็นอาคารรูปทรงตะวันตกอาคารเดียวในนี้ ออกแบบโดยสถาปัตยกรรมแบบกรีซ เสาแบบโรมันเลยค่ะ หลงมาได้ไงเนี่ย!! แต่ดูสวยแปลกตาดี




ใบไม้แดงที่นี่ก้อสวยมาก ๆ ค่ะ



ถ้าออกจากวังด๊อกซูกุงก้อสามารถเดินเล่นบนถนนสายแป๊ะก๊วยข้างวังกันเลยค่ะ เรียกว่าถนน Jeongdong-gil หรือถนนสายแป๊ะก๊วย คุ้น ๆ กันมั้ย ถนนเส้นนี้โทมินจุนชิก้อเคยขี่จักรยานผ่านมาแล้วนะ






ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ติดตามนะคะ พรุ่งนี้จะมาอัพต่อให้ค่ะ กับ My Love From The Star Exhibition Hall ยิ่งใหญ่อลังการมากค่ะ กับร้านไก่จุงที่ Ilsan