มาเชียงใหม่ครั้งที่ 3 ในรอบ 5 เดือน (หลงรักเชียงใหม่มากจริงไรจริง)
ทริปนี้เกิดจากความตั้งใจของเพื่อนสาวที่อยากจะยลโฉมพี่เสือสักครั้ง แต่เนื่องด้วยภารกิจนางรัดตัวมากตอนที่พี่เสือกำลังบานสะพรั่งเต็มที่
คุณเพื่อนไม่ว่างเลย กว่าจะจัดสรรเวลาว่างได้ 1 คืนลงตัวก็ปาเข้าไปคืนวันอาทิตย์ปลายเดือน เพื่อนก็ line มาบอกว่า “ว่างวันอาทิตย์-จันทร์หน้าต้นเดือนกุมภาฯไปดูนางพญาเสือโคร่งกัน”
ได้โจทย์มาก็หาข้อมูลกันหูตั้งตาตั้งเล็กน้อย
1. ไปดูพี่เสือที่ไหนกันดี
เชียงใหม่ เป็นจังหวัดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว เนื่องด้วยมีหลายจุด ทั้งขุนแม่ยะ ขุนวาง ขุนช่างเคี่ยน ปางอุ๋ง เป็นต้น
และจากที่ดูรูปดูรีวิวการบานของพี่เสือปีนี้ “ขุนวาง-เชียงใหม่” เป็นตัวเลือกแรก ด้วยไฮไลท์อุโมงค์ต้นนางพญาเสือโคร่งสีชมพูที่ได้เห็นรูปรีวิวมาตลอด 2 สัปดาห์ มัน-สวย-มากกกกก เป็นที่หมายในใจอยู่แล้ว หวยเลยออกที่ เชียงใหม่ แบบไม่ต้องคิดมาก
แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ปลายเดือนมกราคมแล้ว ก็มีหลายรูปหลายรีวิวที่ออกมาโบกมือบ๊ายบายพี่เสือกันแล้ว ดอกเริ่มร่วงเยอะแล้ว ใบเขียวแซมขึ้นมากแล้ว บลาๆๆๆๆ แต่ก็นะ เราเพิ่งว่างกันเองนี่นา เอาวะอีกอาทิตย์นึงภาวนาให้พี่เสือยังอยู่รอสักหน่อย ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆ
2. การเดินทาง
ด้วยเวลาอันน้อยนิดและเร่งด่วนของเรา ขึ้นเครื่องบินไปสบายๆไม่ต้องคิดมาก
จากการหาตั๋วแบบจองวันอังคารบินเลยวันอาทิตย์แบบนี้ ก็เจอราคาตั๋วจัดเต็มไปตามระเบียบ ดูราคาและไฟล์ทกันแล้วตกลงเลือกบินกับ บางกอกแอร์เวย์ เพราะคุณเพื่อนสะดวกที่สุวรรณภูมิ และ บินกับที่นี่บ่อย ด้วยราคาที่เราจอง บางกอกแอร์เวย์ ไปกลับกรุงเทพ-เชียงใหม่ 3,800 บาท/คน (ถูกกว่าหางเหลืองประมาณ 200 บาท/คน และ แพงกว่าหางแดง 600 บาท/คน) แต่ด้วยบริการจัดเต็ม เสิร์ฟอาหารบนเครื่อง ฟรีน้ำหนักโหลด 20 Kg มี lounge ให้นั่งรอขึ้นเครื่องด้วย เราเลยขอลองบินหรูสักครั้งละกัน
ส่วนการเดินทางจากเชียงใหม่ขึ้นขุนวาง เราเช่ารถจากคนรู้จักที่เชียงใหม่ ได้ Mitsubishi lancer 1.8 เกียร์ออโต้ ค่าเช่าวันละ 700 บาท ค่าน้ำมันต่างหาก
3. ที่พัก
เราติดต่อจองบ้านพักที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) จุดที่มีอุโมงค์นางพญาเสือโคร่งเลย ไม่ต้องขับรถต่อไปไหน โทรไปจองวันจันทร์ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเหลือบ้านพักหลังใหญ่ 6 คน 1,200 บาท/คืน เราไปกัน 2 คนก็สามารถจองได้ (เราเคยติดต่อบ้านพักอุทยานที่อื่น ถ้าจำนวนคนไปน้อยกว่าขนาดของบ้านพัก เจ้าหน้าที่จะไม่ให้จอง)
4. แผนเที่ยว
ทริปนี้ไม่ได้วางแผนเที่ยวอะไรมาก เพราะเป้าหมายหลักคือพี่เสือ เราบินไฟล์ท 8 โมงเช้า ถึงเชียงใหม่ 9 โมงกว่าๆ จากสนามบินเชียงใหม่ไปขุนวางใช้เวลาประมาณ 2 ชม.นิดๆ เรามีเวลาว่างเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ประมาณครึ่งวัน คุณเพื่อนหมายใจไปร้านกาแฟบนเขา The Giant เพราะดูรีวิว ร้านสวยน่านั่ง วิวดี มีกิจกรรม แต่จากข้อมูลในอากู๋เห็นว่าต้องโทรจองโต๊ะก่อน ไม่รับ walk-in เราเลยจัดการโทรจองเลย แอบหวั่นๆว่าจะมีที่นั่งรึเปล่าหว่า เพราะข้อมูลอากู๋ขู่เหลือเกินว่าจองกันข้ามเดือนไรงี้ แต่ปรากฏว่าโทรไปจองโต๊ะที่ร้านบอกว่า ไม่ต้องโทรจอง ให้ walk-in ได้เลย ช่วงนี้ร้านคนไม่เยอะ มาได้เลยไม่ต้องจอง อ้าว!!! เห้ย!!!! ง่ายๆ ไม่ยากเลยอ่ะ
สรุปแผนคร่าวๆ คือ เข้าไปถึงเชียงใหม่ ก็ไป the giant ก่อน แล้วค่อยขับรถไปนอนที่ขุนวาง เช้าวันรุ่งขึ้นก็ชิลๆเรื่อยๆมากินข้าวในเมือง แล้วก็กลับเมืองกรุงไฟล์ท 5 โมงเย็น เรื่อยๆ ไม่รีบ
มีเวลา มีจุดหมาย มีตั๋ว มีที่พัก มีเพื่อนร่วมทาง ก็เก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันเลย
[CR] ทริปร่ำลานางพญาเสือโคร่ง @ขุนวาง 01-02 feb 15
มาเชียงใหม่ครั้งที่ 3 ในรอบ 5 เดือน (หลงรักเชียงใหม่มากจริงไรจริง)
ทริปนี้เกิดจากความตั้งใจของเพื่อนสาวที่อยากจะยลโฉมพี่เสือสักครั้ง แต่เนื่องด้วยภารกิจนางรัดตัวมากตอนที่พี่เสือกำลังบานสะพรั่งเต็มที่
คุณเพื่อนไม่ว่างเลย กว่าจะจัดสรรเวลาว่างได้ 1 คืนลงตัวก็ปาเข้าไปคืนวันอาทิตย์ปลายเดือน เพื่อนก็ line มาบอกว่า “ว่างวันอาทิตย์-จันทร์หน้าต้นเดือนกุมภาฯไปดูนางพญาเสือโคร่งกัน”
ได้โจทย์มาก็หาข้อมูลกันหูตั้งตาตั้งเล็กน้อย
1. ไปดูพี่เสือที่ไหนกันดี
เชียงใหม่ เป็นจังหวัดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว เนื่องด้วยมีหลายจุด ทั้งขุนแม่ยะ ขุนวาง ขุนช่างเคี่ยน ปางอุ๋ง เป็นต้น
และจากที่ดูรูปดูรีวิวการบานของพี่เสือปีนี้ “ขุนวาง-เชียงใหม่” เป็นตัวเลือกแรก ด้วยไฮไลท์อุโมงค์ต้นนางพญาเสือโคร่งสีชมพูที่ได้เห็นรูปรีวิวมาตลอด 2 สัปดาห์ มัน-สวย-มากกกกก เป็นที่หมายในใจอยู่แล้ว หวยเลยออกที่ เชียงใหม่ แบบไม่ต้องคิดมาก
แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ปลายเดือนมกราคมแล้ว ก็มีหลายรูปหลายรีวิวที่ออกมาโบกมือบ๊ายบายพี่เสือกันแล้ว ดอกเริ่มร่วงเยอะแล้ว ใบเขียวแซมขึ้นมากแล้ว บลาๆๆๆๆ แต่ก็นะ เราเพิ่งว่างกันเองนี่นา เอาวะอีกอาทิตย์นึงภาวนาให้พี่เสือยังอยู่รอสักหน่อย ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆ
2. การเดินทาง
ด้วยเวลาอันน้อยนิดและเร่งด่วนของเรา ขึ้นเครื่องบินไปสบายๆไม่ต้องคิดมาก
จากการหาตั๋วแบบจองวันอังคารบินเลยวันอาทิตย์แบบนี้ ก็เจอราคาตั๋วจัดเต็มไปตามระเบียบ ดูราคาและไฟล์ทกันแล้วตกลงเลือกบินกับ บางกอกแอร์เวย์ เพราะคุณเพื่อนสะดวกที่สุวรรณภูมิ และ บินกับที่นี่บ่อย ด้วยราคาที่เราจอง บางกอกแอร์เวย์ ไปกลับกรุงเทพ-เชียงใหม่ 3,800 บาท/คน (ถูกกว่าหางเหลืองประมาณ 200 บาท/คน และ แพงกว่าหางแดง 600 บาท/คน) แต่ด้วยบริการจัดเต็ม เสิร์ฟอาหารบนเครื่อง ฟรีน้ำหนักโหลด 20 Kg มี lounge ให้นั่งรอขึ้นเครื่องด้วย เราเลยขอลองบินหรูสักครั้งละกัน
ส่วนการเดินทางจากเชียงใหม่ขึ้นขุนวาง เราเช่ารถจากคนรู้จักที่เชียงใหม่ ได้ Mitsubishi lancer 1.8 เกียร์ออโต้ ค่าเช่าวันละ 700 บาท ค่าน้ำมันต่างหาก
3. ที่พัก
เราติดต่อจองบ้านพักที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) จุดที่มีอุโมงค์นางพญาเสือโคร่งเลย ไม่ต้องขับรถต่อไปไหน โทรไปจองวันจันทร์ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเหลือบ้านพักหลังใหญ่ 6 คน 1,200 บาท/คืน เราไปกัน 2 คนก็สามารถจองได้ (เราเคยติดต่อบ้านพักอุทยานที่อื่น ถ้าจำนวนคนไปน้อยกว่าขนาดของบ้านพัก เจ้าหน้าที่จะไม่ให้จอง)
4. แผนเที่ยว
ทริปนี้ไม่ได้วางแผนเที่ยวอะไรมาก เพราะเป้าหมายหลักคือพี่เสือ เราบินไฟล์ท 8 โมงเช้า ถึงเชียงใหม่ 9 โมงกว่าๆ จากสนามบินเชียงใหม่ไปขุนวางใช้เวลาประมาณ 2 ชม.นิดๆ เรามีเวลาว่างเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ประมาณครึ่งวัน คุณเพื่อนหมายใจไปร้านกาแฟบนเขา The Giant เพราะดูรีวิว ร้านสวยน่านั่ง วิวดี มีกิจกรรม แต่จากข้อมูลในอากู๋เห็นว่าต้องโทรจองโต๊ะก่อน ไม่รับ walk-in เราเลยจัดการโทรจองเลย แอบหวั่นๆว่าจะมีที่นั่งรึเปล่าหว่า เพราะข้อมูลอากู๋ขู่เหลือเกินว่าจองกันข้ามเดือนไรงี้ แต่ปรากฏว่าโทรไปจองโต๊ะที่ร้านบอกว่า ไม่ต้องโทรจอง ให้ walk-in ได้เลย ช่วงนี้ร้านคนไม่เยอะ มาได้เลยไม่ต้องจอง อ้าว!!! เห้ย!!!! ง่ายๆ ไม่ยากเลยอ่ะ
สรุปแผนคร่าวๆ คือ เข้าไปถึงเชียงใหม่ ก็ไป the giant ก่อน แล้วค่อยขับรถไปนอนที่ขุนวาง เช้าวันรุ่งขึ้นก็ชิลๆเรื่อยๆมากินข้าวในเมือง แล้วก็กลับเมืองกรุงไฟล์ท 5 โมงเย็น เรื่อยๆ ไม่รีบ
มีเวลา มีจุดหมาย มีตั๋ว มีที่พัก มีเพื่อนร่วมทาง ก็เก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันเลย