นั่งอ่านเวบนี้มานาน วันนี้ได้มีโอกาสมาแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองบ้างซะที เจ้าของกระทู้พึ่งได้เป็นเจ้าสาวป้ายแดงมาหมาดๆ ที่ตัดสินใจเขียนเพราะรู้สึกอยากแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ของการเตรียมงานของเรา เพราะเวบนี้หลายๆกระทู้จากเจ้าสาวหลายท่านก็ได้เป็นประโยชน์ต่อการเตรียมงานแต่งของเราด้วยเหมือนกัน
เริ่มต้นเลยเราวางแผนแต่งงานตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคมปีที่แล้ว จากที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดจริงจังว่าจะแต่ง คบกับแฟนมาหลายปีดีดัก แต่พอถึงจุดๆนึง มีอะไรหลายๆอย่างที่อยากมีในชีวิตแล้ว ก็เริ่มรู้สึกว่า อืม.. ชีวิตก็พร้อมแล้วนะ ตังเก็บก็พอมีจัดงานไม่ต้องไปรบกวนพ่อแม่แล้วล่ะ เลยคุยๆกับแฟนว่าแต่งงานกันยัง ก่อนหน้านั้นก็หยั่งๆเชิงมาหลายทีว่าเมื่อไหร่จะขอ ฮีก็ได้แต่ยิ้มแหะๆ เลยคิดว่าถ้ารอแฟนขอ ชาตินี้คงไม่ได้แต่งเป็นแน่ ก็เลยเอ่ยปากเองแล้วกัน "แต่งนะชั้นอยากแต่งแล้วพร้อมกันแล้วรอไรอ่ะ แต่งเนอะ ไปบอกป๊ากะแม่นะว่าจะแต่งแล้ว" จบ ฮีก็ไปบอกที่บ้าน ส่วนเราไม่ต้องเพราะพ่อแม่เสียหมดแล้ว ตัดสินใจเองโลด (ตอนเป็นแฟนก็จีบเค้า ตอนแต่งก็ขอเค้าแต่ง 555+)
พอตกลงกันว่าจะแต่งจริงๆแล้ว ช่วงนั้นประมาณเดือนตุลาคม ก็หาฤกษ์ ก็เริ่มคิดหาวันแต่ง แต่จะหาจากไหนล่ะ ต้องถามพระไม๊ ต้องถามใครนะ.....อินเตอร์เนตแล้วกัน ก็ได้มาเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังจากนั้นทำไงล่ะ ก็เริ่มหาข้อมูลสิ่ ถามคนนั้นคนนี้ แต่งงานเค้าต้องทำไงบ้างอ่ะ แต่คนรอบข้างชั้นนี่สิ่ ยังไม่มีใครแต่งเลยซักคน มีแต่ป้าๆ สำมโนครัวอยู่เมืองคานส์กันหมด ถามใครก็คงไม่ได้ความ เลยกลับมานั่งหาข้อมูลในเนตต่อ
มานั่งคิดว่าเราอยากได้งานแบบไหน งานเล็กๆ เรียบง่าย ดูอบอุ่น เชิญแขกแต่คนสนิทและญาติสนิท แบบนี้แหล่ะที่ต้องการ จัดแค่งานเช้า มีพิธี มีกินเลี้ยง ไม่เกินบ่ายทุกอย่างจบ
แล้วจะจัดที่ไหนล่ะ ก็มีที่ๆ นึงที่อยากจัดมาก เป็นสถานที่ใฝ่ฝัน ว่าอยากจะจัดงานตรงนี้มานานแล้ว ผ่านกี่ทีก็ขอบมอง เพราะเป็นสวนต้นจามจุรีหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่พอไปสอบถาม ทางโรงแรมไม่อนุญาต เลยไปเปลี่ยน เป็นร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ร่มรื่น มีต้นไม้เยอะ บรรยากาศ ร่มรื่น มีสระน้ำ อาหารอร่อย ก็ตัดสินใจเลือกที่นี่ล่ะ เรื่องสถานที่นี่ไม่ต้องปวดหัวมากนัก เจ้าของร้านก็ใจดีคุยกันง่าย แถมค่าใช้จ่ายก็ถูกว่าโรงแรมเยอะมากๆๆ บางครั้งเราก็ไม่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่บางอย่างที่ได้มาอาจดีกว่าที่เราเคยอยากได้ด้วยซ้ำ
ต่อมาเรื่องที่ปวดหัวมากที่สุด เลือกมากเครียดมากจนทำให้เจ้าสาวถึงกับป่วย คือการเลือกตากล้องและช่างแต่งหน้า
นั่งหาข้อมูลจนปวดหัวปวดตา เลือกแล้วเลือกอีก ดูเวปนั้นเวปนี้ จนไปเจอพี่ตากล้องคนนึง เราเข้าไปในเวปร้านชุดเจ้าสาววินเทจเวปนึง เห็นเป็นรูปพรีเวดดิ้งรูปนึง เราก็คลิ๊กๆเข้าไปดูชื่อดูลิ้ง จนไปเจอเพจของพี่ตากล้องคนนี้ เห็นงานแล้วชอบมากกกก เป็นคนที่ถ่ายรูปดูแล้วให้ความรู้สึกแบบที่เราต้องการ ความต้องการเรา คือ ให้รูปภาพออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องแอ็คท่าถ่ายรักกันหวานชื่นอะไรมากมาย (ลืมบอกว่าเราไม่ได้ถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะความคิดเห็นส่วนตัวเราคิดว่า มันไม่จำเป็นกับเรา แล้วเรากับแฟนคงไปทำท่ารักหวานซึ้งมองตาม เชยคาง จุ๊บหน้าผากกันถ่ายรูปไม่ได้ 555+ ) เลยติดต่อพี่เค้าไป พอได้พูดคุยก็ยิ่ง ถูกคอ มีแนวความคิดตรงกัน รับรู้ได้ว่านี่แหล่ะตากล้องที่เราต้องการ แล้วหามาเยอะแล้ว ก็ไม่มีใครถูกใจเท่าพี่เค้าอีกแล้ว ผลงานถูกใจ คุยกันถูกคอ ก็เลือกพี่เค้าเลย และก็ไม่ทำให้ผิดหวังรูปออกมาดูเป็นธรรมชาติมากอย่างที่ต้องการเป๊ะ ขอบคุณพี่โย้ว มากกกกกกกกก กราบเบญจางคประดิษฐ์ กราบ1 กราบ2 กราบ3
ต่อมาการหาช่างแต่งหน้า อันนี้ก็เป็นอะไรที่ปวดหัวอีกเช่นกัน กว่าจะได้เจอ เราก็หาแล้วหาอีก ดูแล้วดูอีก ถามแล้วถามอีก พอเจอช่างที่ถูกใจ ราคาถูกใจ เค้าก็ไม่ว่างแล้ว หลายคนมาก ขนาดเราหาก่อนหน้าตั้งสามเดือน ไปถามคนอื่นบางคนบอกหากันก่อนเป็นปี โอ้...ยอม เราก็ตามหาตามในเนตนี่แหล่ะ เสิร์ช เข้าไปเป็นสิบยี่สิบ สามสิบเวป เจอคนนั้นลิ้งค์ไปคนนี้ เวปนึงที่ช่วยได้มากก็คือเวปพันทิป นี่แหล่ะ หาอยู่เป็นอาทิตย์ จนเจอคุณหมุ่ย ซึ่งเราก็คิดอีกว่าราคานี้นะ มันก็แพงไปสำหรับเรานะ แต่เราก็รู้สึกว่าเราเหนื่อย ไม่อยากหาแล้ว ถามพี่ที่เป็นที่ปรึกษาด้านงานแต่งของเรา นางก็ว่าโอเค ดูจากผลงานที่ผ่านมาของคุณหมุ่ยแล้ว คิดว่าพี่เค้าไม่ทำเราผิดหวังแน่ เราก็ตัดสินใจเลือก ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เจ้าสาวออกมาสวยงามมาก ตาแบ๊วลืม!! มีแต่คนชม ปลื้มปลิ่มอยากจะไม่ล้างหน้าซักเดือนนึง ขอบคุณคุณหมุ่ยมากค่ะ
ส่วนเรื่องการ์ดและของชำร่วย เราเป็นคนทำเองทั้งหมด เนื่องจากพอมีหัวประดิษฐ์ประดอยอยู่บ้าง และคิดมาตลอดว่าอยากจะทำของพวกนี้เอง อีกทั้งแขกก็ไม่ได้เยอะ ก็น่าจะพอทำไหว ก็เลยทำเอง ก็นั่งหาไอเดียในอินเตอร์เนตอีกแล้วครับ
อยากจะบอกว่าไอเดียจากงานแต่งของพวกฝรั่งนี่เป็นอะไรที่เจ๋งมาก เค้าทำอะไรกันกระจุ๊กกระจิ๊กกันน่ารัก แถมส่วนมากก็จะเป็นอะไร DIY ที่เราสามารถทำเองกันได้ เราก็พอทำโปรแกรม AI เป็น เรื่องการ์ดก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนของชำร่วยเราก็เลือกเป็น ชุดเข็มด้าย กระดุม เอามาใส่ขวดแก้ว ผูกโบว์ ทำ tag น่ารักๆติด ก็เรียบร้อย ที่เลือกเป็นชุดเข็มด้าย เพราะอยากให้อะไรที่เป็นประโยชน์ ใช้งานได้ ส่วนมากที่บ้านคนจะไม่ค่อยมีเข็มด้ายไว้ อย่างน้อยก็เอาไว้ซ่อมเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆ กระดุมหลุด เสื้อไปเกี่ยวอะไรขาดนิดๆหน่อย ก็หยิบของเรามาซ่อม ก็จะได้คิดถึงวันงานของเรา รวมแล้วหมดกับค่าของชำร่วยและการ์ดไม่น่าเกิน4พัน (ของทั้งหมดร้อยกว่าชุด)
มาถึงชุดเจ้าสาว ตอนแรกเราก็คิดว่าจะใส่ชุดไทยและเปลี่ยนเป็นชุดวินเทจน่ารักๆ ตอนกินเลี้ยง ทำไปทำมากลายเป็นซื้อผ้ามาจ้างช่างตัดเองซะงั้น เนื่องจากไปเจอแบบชุดๆนึง จากเจ้าสาวท่านนึง เป็นชุดที่สวยเรียบหรูดูดีมาก (ซึ่งต้องขอบคุณเจ้าสาวท่านนั้นมากค่ะ พี่เค้าคงไม่ทราบว่าเราก๊อปชุดเค้ามาต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ) คิดว่า น่าจะเหมาะกับเรา และมีพี่แนะนำว่ามีช่างตัดเสื้อที่เป็นคุณแม่ของพี่ที่ทำงาน เราก็เอาแบบไปคุยกับช่าง ขอเรียกว่าเป็นแม่ไรนะคะ เพราะเทียวไปเทียวมาบ้านช่างจนสนิทสนมกันเลยทีเดียว แม่ไรก็บอกว่าตัดได้ เราก็เลยไปซื้อผ้า ที่พาหุรัด ร้านคานธี ซึ้งได้ผ้ามาสวยมาก ราคาเมตรละ270 บาท ซื้อมา 7 เมตร ซึ่งใช้ได้พอๆเป๊ะๆ กว่าจะได้ซึ่งชุดนี้มาเราก็แก้กันแล้วกันอีก ก็เข้าใจว่าแม่ไรก็ไม่ได้มีอุปกรณ์พร้อม เนื่องจากมาพักอยู่กับลูกสาวเพื่อช่วยเลี้ยงหลาน (แม่เปิดร้านอยู่อีกจังหวัดนึง) ที่บ้านก็จะมีแค่จักร อุปกรณ์ สถานที่ และเวลา ก็ไม่ได้พร้อมมากนัก แต่ก็เราก็ได้เห็น ถึงความตั้งใจจริงของแม่ไร ความน่ารักของ 3 สาว 3 Gen ครอบครัวนี้ น่ารักกันมากๆ ทั้งแม่ไร พี่โอ๋ และหลานฮูโต๊ เด็กสาวสองขวบสุดน่ารัก เวลาไปลองชุดทุกครั้งสาวน้อยคนนี้จะทำให้เรามีรอยยิ้มเสียงหัวเราะกลับมาเสมอ เรารู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณครอบครัวนี้มากๆ ที่ทำให้ชุดเจ้าสาวชุดนี้ออกมาสวยถูกใจเราที่สุด แม้มันจะไม่ได้เป็นชุดที่แพตเทิ่นเพอร์เฟค ตัดเย็บเนี๊ยบไม่มีที่ติแบบห้องเสื้อแพงๆ แต่มันเต็มไปด้วยความตั้งใจของช่างจริงๆ รวมแล้วชุดเจ้าสาว หมดไปไม่เกิน 6พันบาท ถูกว่าไปเช่าเยอะเลย
ส่วนเรื่องแหวน แฟนเพื่อนเราเปิดบริษัทจิวเวอลี่ ส่งนอก เราก็เลยสั่งเพื่อนได้ราคาพิเศษกันเอง แบบถูกใจมาก เป็นทรงดอกพิกุลวินเทจ ตัวเรือนเป็นพิ้งค์โกลด์ สวยถูกใจเจ้าสาวสุดๆ ของเจ้าบ่าวเป็นแหวนทอง ฝังพลอยแดงเมืองจันทบูรบ้านเกิดเจ้าสาว ซึ่งเป็นพลอยจากป้าเจ้าสาวให้มา แบบแหวนเราก็หาไอเดียมาจากในอินเตอร์เนตอีกเช่นกัน
ส่วนอื่นๆเพิ่มเติม ก็มีจ้างร้านดอกไม้ หาข้อมูลจากอินเตอร์เนตเช่นกัน ตอนแรกก็คิดว่าอยากจะจัดดอกไม้เอง แต่เอาเข้าจริงๆคิดว่าคงทำไม่ไหว เลยตัดใจจ้าง นอกจานี้ก็จ้างวงดนตรีเล็กๆมาเล่นสร้างบรรยากาศ พวกของประดับตกแต่ง เจ้าสาวก็หาซื้อของมาทำเอง
ในงานเรามีเกมส์ตอบคำถามให้แขกเล่น โดยตั้งคำถามจากสิ่งของ ที่เป็นความทรงจำที่ผ่านมาของบ่าวสาว ที่วางโชว์ไว้หน้างาน แจกของรางวัลเล็กๆน้อย ๆ ตอบแทน เป็นอีเวนท์ขั้นเวลาเพื่อไม่ให้แขกเบื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพยายามทำมาตลอดหลายเดือน ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในหัวเรามาตลอดได้ถ่ายทอดออกมา เพื่อเป็นการขอบทุกคนที่มีความหมาย ทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ทุกคนที่เป็นเพื่อนพี่น้อง เพราะในชีวิตของคนเรา คงมีโอกาสน้อยมากที่จะรวบรวมคนที่เรารักและรักเรามาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้เยอะๆแบบนี้ เราจึงอยากจะทำให้ทุกคนได้มีความสุข ได้ยิ้มได้หัวเราะ ได้มีส่วนร่วม ได้รู้สึกอิ่มเอมใจไปพร้อมๆกับเจ้าสาวเจ้าบ่าว เรารู้สึกภูมิใจกับงานมากทุกคนชมเป็นเสียงเดียวว่าเป็นงานที่อบอุ่น เป็นกันเอง ทุกอย่างดูดี ทุกคนเห็นถึงความตั้งใจจริงของเจ้าสาวในทุกรายละเอียด บางคนถึงขนาดเอ่ยปากว่าขอเป็นงานแต่งต้นแบบ
เราอยากจะบอกว่าการแต่งงานถ้าเรารู้จักว่าเราต้องการอะไร และอะไรที่เราสามารถทำเองได้ เราก็จะประหยัดเงินในส่วนนั้นๆไปได้เยอะ ไม่จำเป็นที่เราต้องไปจัดใหญ่โต งานแต่งเรานี้ด้วยทางเจ้าสาวเองไม่มีพ่อแม่แล้ว ญาติเราก็ไม่ได้เยอะ ส่วนทางเจ้าบ่าวทางบ้านก็เรียบง่าย ทำให้เราได้จัดงานเล็กๆอบอุ่นๆ ได้อย่างที่เราต้องการ ทำให้งบในการจัดงานของเราไม่ได้สูงมากนัก บางคนอาจคิดว่างานแต่งงานบางครั้งมันก็ดูเหมือนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่ถ้าเราตั้งใจทำ มีการจัดการวางแผน และทำส่วนที่เราสามารถทำได้เองด้วยตัวเอง นอกจะประหยัดแล้วเรายังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจความใส่ใจที่เรามีต่อทุกคน สร้างความประทับใจให้แขกของเราได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ให้เราคิดเสมอว่าอะไรที่จำเป็นกับเรา เราเสียได้แค่ไหน อย่าทำอะไรไปเกินตัว เราเข้าใจว่าความต้องการของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่ถ้าคุณไปทุ่มให้อย่างนึงแล้ว คุณก็ควรมองว่าเราไปประหยัดกับจุดไหนได้บ้างก็ยังดี ดีกว่าทุ่มให้อลังการไปซะทุกอย่าง สุดท้ายมานั่งเป็นหนี้ใช้กันตอนจบงานอันนี้ก็คงไม่ดีแน่ อะไรทำเองได้แนะนำว่าทำเองเป็นดีที่สุด
เงินทุกบาททุกสตางค์ที่จัดงานก็เป็นเงินที่เรากับแฟนหามาด้วยกัน เก็บออมกันมา หลังจากซื้อบ้านแล้วยังมีเงินพอเหลือ เราเลยเอามาจัดงานได้ถ้าเราไม่มีเงิน แล้วต้องให้แฟนไปเอาเงินจากพ่อแม่เค้ามาจัด เราก็คงไม่จัด เพราะเรารู้ว่าพ่อแม่เค้าทำงานกันหนัก บ้านก็ไม่ได้ร่ำรวย ค้าขายเก็บหอมกันมาหลายสิบปี มีเงินพอแค่ไหนเราก็จัดกันแบบนั้น ไม่ทำอะไรเกินตัว สินสอดเราก็ไม่ได้เรียกหรือร้องขออะไร เพราะเราก็ไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตเราก็ดิ้นรนเลี้ยงดูตัวเองมาเองตลอด ที่ทุกวันนี้มีทุกอย่าง ก็เพราะแฟนคนนี้จริงๆ เราก็ซาบซึ้งบุญคุณของเค้ามากพอแล้วที่ยอมรับเราเข้าไปเป็นส่วนนึงของครอบครัวเค้า
ใครที่กำลังวางแผนจะแต่งงานก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ถึงแม้มันจะเหนื่อยจะหงุดหงิดยุ่งยากลำบากใจในบางครั้งแต่พอวันงาน เมื่อเราได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของแขก ได้รับคำอวยพรจากทุกคน มันจะทำให้ความเหนื่อยที่เราได้พยายามผ่านมานั้นหายไปหมด และแทนที่มาด้วยความปลื้มปีติใจจริงๆค่ะ
ปล.1 ขอบคุณครอบครัวเจ้าบ่าว ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกๆคนที่ช่วยเหลือให้งานนี้ผ่านพ้นมาด้วยดี
ปล.2 ขอบคุณทุกเวบไซต์ที่เราเข้าไปหาข้อมูลนะคะโดยเฉพาะพันทิป^^
เจ้าสาว Goo..................................................................................gle
เริ่มต้นเลยเราวางแผนแต่งงานตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคมปีที่แล้ว จากที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดจริงจังว่าจะแต่ง คบกับแฟนมาหลายปีดีดัก แต่พอถึงจุดๆนึง มีอะไรหลายๆอย่างที่อยากมีในชีวิตแล้ว ก็เริ่มรู้สึกว่า อืม.. ชีวิตก็พร้อมแล้วนะ ตังเก็บก็พอมีจัดงานไม่ต้องไปรบกวนพ่อแม่แล้วล่ะ เลยคุยๆกับแฟนว่าแต่งงานกันยัง ก่อนหน้านั้นก็หยั่งๆเชิงมาหลายทีว่าเมื่อไหร่จะขอ ฮีก็ได้แต่ยิ้มแหะๆ เลยคิดว่าถ้ารอแฟนขอ ชาตินี้คงไม่ได้แต่งเป็นแน่ ก็เลยเอ่ยปากเองแล้วกัน "แต่งนะชั้นอยากแต่งแล้วพร้อมกันแล้วรอไรอ่ะ แต่งเนอะ ไปบอกป๊ากะแม่นะว่าจะแต่งแล้ว" จบ ฮีก็ไปบอกที่บ้าน ส่วนเราไม่ต้องเพราะพ่อแม่เสียหมดแล้ว ตัดสินใจเองโลด (ตอนเป็นแฟนก็จีบเค้า ตอนแต่งก็ขอเค้าแต่ง 555+)
พอตกลงกันว่าจะแต่งจริงๆแล้ว ช่วงนั้นประมาณเดือนตุลาคม ก็หาฤกษ์ ก็เริ่มคิดหาวันแต่ง แต่จะหาจากไหนล่ะ ต้องถามพระไม๊ ต้องถามใครนะ.....อินเตอร์เนตแล้วกัน ก็ได้มาเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังจากนั้นทำไงล่ะ ก็เริ่มหาข้อมูลสิ่ ถามคนนั้นคนนี้ แต่งงานเค้าต้องทำไงบ้างอ่ะ แต่คนรอบข้างชั้นนี่สิ่ ยังไม่มีใครแต่งเลยซักคน มีแต่ป้าๆ สำมโนครัวอยู่เมืองคานส์กันหมด ถามใครก็คงไม่ได้ความ เลยกลับมานั่งหาข้อมูลในเนตต่อ
มานั่งคิดว่าเราอยากได้งานแบบไหน งานเล็กๆ เรียบง่าย ดูอบอุ่น เชิญแขกแต่คนสนิทและญาติสนิท แบบนี้แหล่ะที่ต้องการ จัดแค่งานเช้า มีพิธี มีกินเลี้ยง ไม่เกินบ่ายทุกอย่างจบ
แล้วจะจัดที่ไหนล่ะ ก็มีที่ๆ นึงที่อยากจัดมาก เป็นสถานที่ใฝ่ฝัน ว่าอยากจะจัดงานตรงนี้มานานแล้ว ผ่านกี่ทีก็ขอบมอง เพราะเป็นสวนต้นจามจุรีหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่พอไปสอบถาม ทางโรงแรมไม่อนุญาต เลยไปเปลี่ยน เป็นร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ร่มรื่น มีต้นไม้เยอะ บรรยากาศ ร่มรื่น มีสระน้ำ อาหารอร่อย ก็ตัดสินใจเลือกที่นี่ล่ะ เรื่องสถานที่นี่ไม่ต้องปวดหัวมากนัก เจ้าของร้านก็ใจดีคุยกันง่าย แถมค่าใช้จ่ายก็ถูกว่าโรงแรมเยอะมากๆๆ บางครั้งเราก็ไม่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่บางอย่างที่ได้มาอาจดีกว่าที่เราเคยอยากได้ด้วยซ้ำ
ต่อมาเรื่องที่ปวดหัวมากที่สุด เลือกมากเครียดมากจนทำให้เจ้าสาวถึงกับป่วย คือการเลือกตากล้องและช่างแต่งหน้า
นั่งหาข้อมูลจนปวดหัวปวดตา เลือกแล้วเลือกอีก ดูเวปนั้นเวปนี้ จนไปเจอพี่ตากล้องคนนึง เราเข้าไปในเวปร้านชุดเจ้าสาววินเทจเวปนึง เห็นเป็นรูปพรีเวดดิ้งรูปนึง เราก็คลิ๊กๆเข้าไปดูชื่อดูลิ้ง จนไปเจอเพจของพี่ตากล้องคนนี้ เห็นงานแล้วชอบมากกกก เป็นคนที่ถ่ายรูปดูแล้วให้ความรู้สึกแบบที่เราต้องการ ความต้องการเรา คือ ให้รูปภาพออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องแอ็คท่าถ่ายรักกันหวานชื่นอะไรมากมาย (ลืมบอกว่าเราไม่ได้ถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะความคิดเห็นส่วนตัวเราคิดว่า มันไม่จำเป็นกับเรา แล้วเรากับแฟนคงไปทำท่ารักหวานซึ้งมองตาม เชยคาง จุ๊บหน้าผากกันถ่ายรูปไม่ได้ 555+ ) เลยติดต่อพี่เค้าไป พอได้พูดคุยก็ยิ่ง ถูกคอ มีแนวความคิดตรงกัน รับรู้ได้ว่านี่แหล่ะตากล้องที่เราต้องการ แล้วหามาเยอะแล้ว ก็ไม่มีใครถูกใจเท่าพี่เค้าอีกแล้ว ผลงานถูกใจ คุยกันถูกคอ ก็เลือกพี่เค้าเลย และก็ไม่ทำให้ผิดหวังรูปออกมาดูเป็นธรรมชาติมากอย่างที่ต้องการเป๊ะ ขอบคุณพี่โย้ว มากกกกกกกกก กราบเบญจางคประดิษฐ์ กราบ1 กราบ2 กราบ3
ต่อมาการหาช่างแต่งหน้า อันนี้ก็เป็นอะไรที่ปวดหัวอีกเช่นกัน กว่าจะได้เจอ เราก็หาแล้วหาอีก ดูแล้วดูอีก ถามแล้วถามอีก พอเจอช่างที่ถูกใจ ราคาถูกใจ เค้าก็ไม่ว่างแล้ว หลายคนมาก ขนาดเราหาก่อนหน้าตั้งสามเดือน ไปถามคนอื่นบางคนบอกหากันก่อนเป็นปี โอ้...ยอม เราก็ตามหาตามในเนตนี่แหล่ะ เสิร์ช เข้าไปเป็นสิบยี่สิบ สามสิบเวป เจอคนนั้นลิ้งค์ไปคนนี้ เวปนึงที่ช่วยได้มากก็คือเวปพันทิป นี่แหล่ะ หาอยู่เป็นอาทิตย์ จนเจอคุณหมุ่ย ซึ่งเราก็คิดอีกว่าราคานี้นะ มันก็แพงไปสำหรับเรานะ แต่เราก็รู้สึกว่าเราเหนื่อย ไม่อยากหาแล้ว ถามพี่ที่เป็นที่ปรึกษาด้านงานแต่งของเรา นางก็ว่าโอเค ดูจากผลงานที่ผ่านมาของคุณหมุ่ยแล้ว คิดว่าพี่เค้าไม่ทำเราผิดหวังแน่ เราก็ตัดสินใจเลือก ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เจ้าสาวออกมาสวยงามมาก ตาแบ๊วลืม!! มีแต่คนชม ปลื้มปลิ่มอยากจะไม่ล้างหน้าซักเดือนนึง ขอบคุณคุณหมุ่ยมากค่ะ
ส่วนเรื่องการ์ดและของชำร่วย เราเป็นคนทำเองทั้งหมด เนื่องจากพอมีหัวประดิษฐ์ประดอยอยู่บ้าง และคิดมาตลอดว่าอยากจะทำของพวกนี้เอง อีกทั้งแขกก็ไม่ได้เยอะ ก็น่าจะพอทำไหว ก็เลยทำเอง ก็นั่งหาไอเดียในอินเตอร์เนตอีกแล้วครับ
อยากจะบอกว่าไอเดียจากงานแต่งของพวกฝรั่งนี่เป็นอะไรที่เจ๋งมาก เค้าทำอะไรกันกระจุ๊กกระจิ๊กกันน่ารัก แถมส่วนมากก็จะเป็นอะไร DIY ที่เราสามารถทำเองกันได้ เราก็พอทำโปรแกรม AI เป็น เรื่องการ์ดก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนของชำร่วยเราก็เลือกเป็น ชุดเข็มด้าย กระดุม เอามาใส่ขวดแก้ว ผูกโบว์ ทำ tag น่ารักๆติด ก็เรียบร้อย ที่เลือกเป็นชุดเข็มด้าย เพราะอยากให้อะไรที่เป็นประโยชน์ ใช้งานได้ ส่วนมากที่บ้านคนจะไม่ค่อยมีเข็มด้ายไว้ อย่างน้อยก็เอาไว้ซ่อมเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆ กระดุมหลุด เสื้อไปเกี่ยวอะไรขาดนิดๆหน่อย ก็หยิบของเรามาซ่อม ก็จะได้คิดถึงวันงานของเรา รวมแล้วหมดกับค่าของชำร่วยและการ์ดไม่น่าเกิน4พัน (ของทั้งหมดร้อยกว่าชุด)
มาถึงชุดเจ้าสาว ตอนแรกเราก็คิดว่าจะใส่ชุดไทยและเปลี่ยนเป็นชุดวินเทจน่ารักๆ ตอนกินเลี้ยง ทำไปทำมากลายเป็นซื้อผ้ามาจ้างช่างตัดเองซะงั้น เนื่องจากไปเจอแบบชุดๆนึง จากเจ้าสาวท่านนึง เป็นชุดที่สวยเรียบหรูดูดีมาก (ซึ่งต้องขอบคุณเจ้าสาวท่านนั้นมากค่ะ พี่เค้าคงไม่ทราบว่าเราก๊อปชุดเค้ามาต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ) คิดว่า น่าจะเหมาะกับเรา และมีพี่แนะนำว่ามีช่างตัดเสื้อที่เป็นคุณแม่ของพี่ที่ทำงาน เราก็เอาแบบไปคุยกับช่าง ขอเรียกว่าเป็นแม่ไรนะคะ เพราะเทียวไปเทียวมาบ้านช่างจนสนิทสนมกันเลยทีเดียว แม่ไรก็บอกว่าตัดได้ เราก็เลยไปซื้อผ้า ที่พาหุรัด ร้านคานธี ซึ้งได้ผ้ามาสวยมาก ราคาเมตรละ270 บาท ซื้อมา 7 เมตร ซึ่งใช้ได้พอๆเป๊ะๆ กว่าจะได้ซึ่งชุดนี้มาเราก็แก้กันแล้วกันอีก ก็เข้าใจว่าแม่ไรก็ไม่ได้มีอุปกรณ์พร้อม เนื่องจากมาพักอยู่กับลูกสาวเพื่อช่วยเลี้ยงหลาน (แม่เปิดร้านอยู่อีกจังหวัดนึง) ที่บ้านก็จะมีแค่จักร อุปกรณ์ สถานที่ และเวลา ก็ไม่ได้พร้อมมากนัก แต่ก็เราก็ได้เห็น ถึงความตั้งใจจริงของแม่ไร ความน่ารักของ 3 สาว 3 Gen ครอบครัวนี้ น่ารักกันมากๆ ทั้งแม่ไร พี่โอ๋ และหลานฮูโต๊ เด็กสาวสองขวบสุดน่ารัก เวลาไปลองชุดทุกครั้งสาวน้อยคนนี้จะทำให้เรามีรอยยิ้มเสียงหัวเราะกลับมาเสมอ เรารู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณครอบครัวนี้มากๆ ที่ทำให้ชุดเจ้าสาวชุดนี้ออกมาสวยถูกใจเราที่สุด แม้มันจะไม่ได้เป็นชุดที่แพตเทิ่นเพอร์เฟค ตัดเย็บเนี๊ยบไม่มีที่ติแบบห้องเสื้อแพงๆ แต่มันเต็มไปด้วยความตั้งใจของช่างจริงๆ รวมแล้วชุดเจ้าสาว หมดไปไม่เกิน 6พันบาท ถูกว่าไปเช่าเยอะเลย
ส่วนเรื่องแหวน แฟนเพื่อนเราเปิดบริษัทจิวเวอลี่ ส่งนอก เราก็เลยสั่งเพื่อนได้ราคาพิเศษกันเอง แบบถูกใจมาก เป็นทรงดอกพิกุลวินเทจ ตัวเรือนเป็นพิ้งค์โกลด์ สวยถูกใจเจ้าสาวสุดๆ ของเจ้าบ่าวเป็นแหวนทอง ฝังพลอยแดงเมืองจันทบูรบ้านเกิดเจ้าสาว ซึ่งเป็นพลอยจากป้าเจ้าสาวให้มา แบบแหวนเราก็หาไอเดียมาจากในอินเตอร์เนตอีกเช่นกัน
ส่วนอื่นๆเพิ่มเติม ก็มีจ้างร้านดอกไม้ หาข้อมูลจากอินเตอร์เนตเช่นกัน ตอนแรกก็คิดว่าอยากจะจัดดอกไม้เอง แต่เอาเข้าจริงๆคิดว่าคงทำไม่ไหว เลยตัดใจจ้าง นอกจานี้ก็จ้างวงดนตรีเล็กๆมาเล่นสร้างบรรยากาศ พวกของประดับตกแต่ง เจ้าสาวก็หาซื้อของมาทำเอง
ในงานเรามีเกมส์ตอบคำถามให้แขกเล่น โดยตั้งคำถามจากสิ่งของ ที่เป็นความทรงจำที่ผ่านมาของบ่าวสาว ที่วางโชว์ไว้หน้างาน แจกของรางวัลเล็กๆน้อย ๆ ตอบแทน เป็นอีเวนท์ขั้นเวลาเพื่อไม่ให้แขกเบื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพยายามทำมาตลอดหลายเดือน ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในหัวเรามาตลอดได้ถ่ายทอดออกมา เพื่อเป็นการขอบทุกคนที่มีความหมาย ทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ทุกคนที่เป็นเพื่อนพี่น้อง เพราะในชีวิตของคนเรา คงมีโอกาสน้อยมากที่จะรวบรวมคนที่เรารักและรักเรามาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้เยอะๆแบบนี้ เราจึงอยากจะทำให้ทุกคนได้มีความสุข ได้ยิ้มได้หัวเราะ ได้มีส่วนร่วม ได้รู้สึกอิ่มเอมใจไปพร้อมๆกับเจ้าสาวเจ้าบ่าว เรารู้สึกภูมิใจกับงานมากทุกคนชมเป็นเสียงเดียวว่าเป็นงานที่อบอุ่น เป็นกันเอง ทุกอย่างดูดี ทุกคนเห็นถึงความตั้งใจจริงของเจ้าสาวในทุกรายละเอียด บางคนถึงขนาดเอ่ยปากว่าขอเป็นงานแต่งต้นแบบ
เราอยากจะบอกว่าการแต่งงานถ้าเรารู้จักว่าเราต้องการอะไร และอะไรที่เราสามารถทำเองได้ เราก็จะประหยัดเงินในส่วนนั้นๆไปได้เยอะ ไม่จำเป็นที่เราต้องไปจัดใหญ่โต งานแต่งเรานี้ด้วยทางเจ้าสาวเองไม่มีพ่อแม่แล้ว ญาติเราก็ไม่ได้เยอะ ส่วนทางเจ้าบ่าวทางบ้านก็เรียบง่าย ทำให้เราได้จัดงานเล็กๆอบอุ่นๆ ได้อย่างที่เราต้องการ ทำให้งบในการจัดงานของเราไม่ได้สูงมากนัก บางคนอาจคิดว่างานแต่งงานบางครั้งมันก็ดูเหมือนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่ถ้าเราตั้งใจทำ มีการจัดการวางแผน และทำส่วนที่เราสามารถทำได้เองด้วยตัวเอง นอกจะประหยัดแล้วเรายังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจความใส่ใจที่เรามีต่อทุกคน สร้างความประทับใจให้แขกของเราได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ให้เราคิดเสมอว่าอะไรที่จำเป็นกับเรา เราเสียได้แค่ไหน อย่าทำอะไรไปเกินตัว เราเข้าใจว่าความต้องการของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่ถ้าคุณไปทุ่มให้อย่างนึงแล้ว คุณก็ควรมองว่าเราไปประหยัดกับจุดไหนได้บ้างก็ยังดี ดีกว่าทุ่มให้อลังการไปซะทุกอย่าง สุดท้ายมานั่งเป็นหนี้ใช้กันตอนจบงานอันนี้ก็คงไม่ดีแน่ อะไรทำเองได้แนะนำว่าทำเองเป็นดีที่สุด
เงินทุกบาททุกสตางค์ที่จัดงานก็เป็นเงินที่เรากับแฟนหามาด้วยกัน เก็บออมกันมา หลังจากซื้อบ้านแล้วยังมีเงินพอเหลือ เราเลยเอามาจัดงานได้ถ้าเราไม่มีเงิน แล้วต้องให้แฟนไปเอาเงินจากพ่อแม่เค้ามาจัด เราก็คงไม่จัด เพราะเรารู้ว่าพ่อแม่เค้าทำงานกันหนัก บ้านก็ไม่ได้ร่ำรวย ค้าขายเก็บหอมกันมาหลายสิบปี มีเงินพอแค่ไหนเราก็จัดกันแบบนั้น ไม่ทำอะไรเกินตัว สินสอดเราก็ไม่ได้เรียกหรือร้องขออะไร เพราะเราก็ไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตเราก็ดิ้นรนเลี้ยงดูตัวเองมาเองตลอด ที่ทุกวันนี้มีทุกอย่าง ก็เพราะแฟนคนนี้จริงๆ เราก็ซาบซึ้งบุญคุณของเค้ามากพอแล้วที่ยอมรับเราเข้าไปเป็นส่วนนึงของครอบครัวเค้า
ใครที่กำลังวางแผนจะแต่งงานก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ถึงแม้มันจะเหนื่อยจะหงุดหงิดยุ่งยากลำบากใจในบางครั้งแต่พอวันงาน เมื่อเราได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของแขก ได้รับคำอวยพรจากทุกคน มันจะทำให้ความเหนื่อยที่เราได้พยายามผ่านมานั้นหายไปหมด และแทนที่มาด้วยความปลื้มปีติใจจริงๆค่ะ
ปล.1 ขอบคุณครอบครัวเจ้าบ่าว ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกๆคนที่ช่วยเหลือให้งานนี้ผ่านพ้นมาด้วยดี
ปล.2 ขอบคุณทุกเวบไซต์ที่เราเข้าไปหาข้อมูลนะคะโดยเฉพาะพันทิป^^