รีวิวนี้ ผมขอเขียนเป็นแนวทาง สำหรับท่านที่เริ่มคิดจะขับขี่ Bigbike ท่องเที่ยว แล้วยังมอง ๆ หาเสื้อผ้าใส่ขับขี่ ว่าจะซื้ออะไรยังไงดี ผมลองเอาประสบการณ์ของผมมาเล่าให้ฟัง หลังจากซื้อผิดซื้อถูกมา 2-3 รอบแหละ  ทั้งเพราะผิด size และก็ไม่ถูกจริต ด้วยครับ

     สมมุติ ว่าเราแบ่งความแรงของอุบัติเหตุเป็น 1-10 เอาเป็น 1 เริ่มจากจอดล้มแปะ, 5 เอาเป็นล้ม slide ในโค้งความเร็วสัก 60-80 , ส่วน 10 คือ ชนเต็มที่ความเร็ว 150-170 km/hr ส่วนตัวผมเชื่อว่า อุปกรณ์ safety ช่วยลดอาการบาดเจ็บพวก 1-5 ได้แน่นอน แต่ถ้าระดับ 10 ผมว่าแม้แต่รถเก๋ง เหล็กหุ้ม 4 ด้าน ก็ยังไม่รอด นับภาษาอะไรกับ หมวกกันน็อก กับ เสื้อการ์ดหนาอย่างมากแค่ 5 cm เพราะฉะนั่นอย่าคิดว่า Racing Suit+Arai ใส่แล้วเป็นอมตะนะครับ

"ซื้อให้ครบดีกว่า ซื้อดีๆ แค่บางชิ้นครับ" เวลารถล้มหรือ อุบัติเหตุ ไม่ได้วิ่งมาเข้าที่หัวอย่างเดียวครับ ล้มบางครั้ง หมวกยังไม่แตะพื้น แต่ เท้า เข่า ศอก มือ ครูดพื้นเป็นทางไปแล้ว  

บางครั้ง แค่การล้มแปะโง่ ๆ หรือ ลื่นเบา ๆ มันจะเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดมาก ที่ต้องมาข้อเท้าแพลง ศอกแตก เย็บเข่า เอ็นฉีก ทั้ง ๆ ที่มันไม่จำเป็นต้องเจ็บตัวเลยก็ได้ เพียงแค่ถ้าเรามีอุปกรณ์ป้องกันครบ   แต่ถ้าไปถึงขั้นชนแรงประสานงาเลย ขั้นนั่น Riding Gear คงช่วยอะไรไม่ได้มากแล้ว

concept การเลือกอุปกรณ์ Safety ของผม

1.ใส่แล้วต้องไม่ลุ่มล่าม ใส่แล้วต้องไม่รู้สึกว่า ต้องมาพะวง
     ถ้าใส่แล้วต้องมาคอยจัด คอยดึงตลอดเวลา อันนี้ผมว่ามัน safe ได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร ควรใส่แล้วพอดี ช่วยให้เราขับขี่ได้สบายขึ้น
2.ใส่แล้วเท่ห์ ดูดี สมกับรถสวย ๆ ของเรา หรือ ไม่งั้นก็ต้องให้มันหล่อกว่ารถไปเลย 5555
     ก่อนที่จะไปถึงฟังชั่นช่วยเราจากอุบัติเหตุ สิ่งแรกที่ได้ใช้ก่อนเลย คือ ความเท่ห์ ของ Riding Gear ครับ ต่อให้ขี่รถเล็กแต่ชุดแต่งดูดี มันก็เพิ่มราศีให้เราครับ Riding Gear ไม่เหมือนเสื้อยืด ที่เราจะใส่เปลี่ยน มีเป็น 10 ตัว ส่วนใหญ่ก็มีกันคนละตัว 2 ตัว เพราะมันแพง เพราะฉะนั่น กั้นใจซื้อ ที่เราคิดว่าใส่แล้วหล่อ  ซื้อครั้งเดียวจ่ายครั้งเดียว ไม่ต้องมาซื้อซ้ำ ซื้อซาก เสียดายตังค์กว่าเดิม เพราะฉะนั่น ทางที่ดี วางแผนเงินส่วนนี้ไว้เลยครับ ส่วนตัวแนะนำว่า ควรเตรียมไว้ประมาณ 30000 +- 5000 ครับ

ทำไมต้องซื้อ Riding Gear ใส่เสื้อผ้าทั่วไปไม่ได้เหรอ???  หลัก ๆ ก็คงเป็นเพราะการป้องกัน แต่ถ้าไม่นับเรื่องการป้องกันแล้ว มีเหตุผลอื่นด้วยครับ
     - พวกของยี่ห้อดี ๆ มันออกแบบ pattern ตะเข็บ รูปแบบ มาให้ใช้ในขับขี่โดยเฉพาะ เพราะฉะนั่นใส่ขี่แล้วจะสบายกว่ากางเกงเสื้อทั่วไป ไม่รุ่มร่าม พองลม ไม่มีสายห้อยเกี่ยวระโยงระยาง ไม่ตึงเป้า ตึงเข่า ปวดหลัง รั้งศอก บีบหัว รั้งคอ
      ถ้าเราลองไปดูเสื้อผ้ากีฬา เสื้อกางเกงกีฬาแต่ละประเภทก็จะมี pattern เย็บ ไม่เหมือนกัน ตามแต่การเคลื่อนไหวของชนิดกีฬานั่น ๆ  
     - ที่สำคัญมันเป็นแฟชั่น เข้ากับกิจกรรมที่เราทำครับ ยกตัวอย่าง เช่น มันจะดูไม่เข้าสุด ๆ ถ้ามีคนใส่ชุดตีปิงปองไปเล่นบาส ใช้ถุงมือตีกอล์ฟเล่นฟิสเนส  จากขี่ Big bike กะเท่ห์ กลายเป็นดูประหลาดไม่ลงตัว แฟชั่นเป็นเรื่อง mix and match หรือถ้าเราไม่อยากคิดมาก หรือไม่ได้มีหัวด้านนี้ ก็ใช้ผลิตภัณท์ ที่เขา Design มาเฉพาะเลย จบ ๆ ไป ใส่แล้วยังไงก็เข้ากับกิจกรรมแน่นอน

ราคาคราว ๆ ครับ บวกลบ แล้วแต่การเวทน้ำหนักให้ความสำคัญ ของแต่ละท่าน
1.หมวก 8000 +- 1000
2.เสื้อการ์ด 6000+-1000
3.กางเกง 6000+-1000
4.รองเท้า 6000+-1000
5.ถุงมือ 3000+-1000
Total  24000 ถึง 34000 ราคานี้ค่อนข้างกลาง ๆ ครับ ถ้าจะเอาตัวท็อป เอาราคาพวกนี้ คูณ 2 คูณ 3 ได้เลยครับ





     ปัญหาหลัก ของการเลือกซื้อ Ridding Gear ของมือใหม่ คือ อะไรเรียกว่าถูก size เพราะเป็นเรื่องใหม่ ไม่ใช่เสื้อผ้า size ปกติที่เราใส่กันประจำ บางครั้งเราคิดว่าพอดี แต่จริง ๆ หลวมไป บางครั้งเราคิดว่าเล็กกว่านี้น่าจะดีกว่า แต่พอใส่ขี่นานๆ ถึงได้รู้ว่ามันคับไป