พอดีมีพี่ที่ทำอาหาร อร่อยมาก ตอนนี้หุ้นกันทำร้านอาหารตามสั่ง เตี๋ยว
ตอนนี้ยอดขายตกไปครึ่งๆ เพราะย้ายร้าน ลูกค้าเก่าหายไปเกินครึ่ง เพราะไม่รู้จักร้านใหม่ ห่างมา500เมตร
แต่ก้อเริ่มทยอยกลับมาบางส่วน
เริ่มรู้ข่าว จากป้ายย้ายร้าน จากไลน์ fb แต่ยอดขาย กำไรยังติดลบอยู่ อยากขยายสาขา
แต่มีทุนจำกัด แรงงานขายจำกัด
มีแต่ฝีมือขั้นเทพ
มีช่วงนึงทำข้าวแกงขายด้วยเพราะ ตามสั่ง เตี๋ยวไม่ทัน คนงานก่อสร้าง พักเที่ยงทีนึงเปนร้อยๆคน
ต้องข้าวแกงเท่านั้น แป้บเดียวเกลี้ยง เลยปิ้ง แว้บ ไอเดียว่า
ข้อดีของแฟรนชาย ข้าวแกง
- บางคนมีทำเลดีๆ
- มีทุนนิดหน่อย ไม่มีทุนมากที่จะซื้ออุปกรณ์ร้านข้าวแกง (หมดเกือบแสนครั้งแรก)
-ไม่มีฝีมือทำอาหารที่อร่อยแบบติดใจต้องแวะกินอีก
- ไม่มีแรงงานพนักงาน
-ไม่มีเวลา พลังพอจ่ายตลาดตอนดึก
-อยากทดลองขาย โดยลงทุนแบบไม่เจ็บตัว
-ชื่อเสียง ร้านมีชื่อคนรู้จัก นิยมอยู่เเล้ว แค่เหนป้ายชื่อร้าน สาขา คนก้อแวะแล้ว
ข้อเสีย
-ไม่ได้สร้างชื่อให้ตัวเอง
-กำไรอาจน้อยกว่าทำเอง นิดนึง (ถ้าลดต้นทุน ค่าแรงงานได้ ซื้อวัตถุดิบทีละมากๆ) เช่น ถ้าทำข้าวแกงเอง
สมัยนี้ ถ้าตักมาตรฐาน อาจจะกำไรถึง 100%(แต่ยากมากช่วงนี้ วัตถุดิบขึ้นมามากหลายอย่าง โดยเฉพาะเนื้อ แก้ส)
สมมติ ลงทุนซื้อของสด 3000 บาท จะได้ยอดขาย 6000 บาท จะได้กำไร 3000 บาท
แต่เอากำไรไปหักค่าพนักงาน อีก 2คน คนละ 300 =600 ,ค่าแก้สต่อวัน 200 บาท ,ค่าแรงเจ้าของ 500 บาท
ค่ารถไปจ่ายตลาด 200บาท สรุป ค่าใช้จ่ายอีก 1,500 บาท
******ดังนั้นกำไรสุทธิที่เหลือ ต่อวัน 1,500 บาท
แต่ถ้าซื้อแฟรนชาย อาจจะกำไรแค่50% แต่ตัดค่าการผลิตไปเยอะ เช่น เปลี่ยนจากลงทุนซื้อของสด
มาเปนซื้อแกงพร้อมตัก และข้าวสวยพร้อมตัก อาจเสียค่ารถมารับของที่ร้าน 200-300 บาท (จะรับลูกค้าไม่ไกล
รัศมี30 กม. ชานเมือง แถวสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อความสด ใหม่ของอาหาร)
สมมติซื้อแกง พร้อมข้าว วันละ 4,000 บาท ตักขายได้ 6,000 บาท
**** กำไรสุทธิ ที่เหลือต่อวัน 2,000 บาท
ได้กำไรมากขึ้นเพราะ ไม่ต้องจ้างพนักงานในการผลิต หั่นของ เตรียมของ
ไม่ต้องเสียเวลา พลังงาน ในการเตรียมของ ตั้งแต่ตี2-3 ปรุงเสร็จพร้อมขาย 6-7โมงเช้า
สุขภาพทรุดโทรมแน่ๆ(พี่หุ้นส่วนบอกว่า ขายอาหารเหนื่อยมากๆ สุขภาพแย่ระยะยาว)
****ที่เกิดไอเดียนี้เพราะ ปกติบาวช่วงมีคนมาสั่งอาหาร เหมาไปจัดเลี้ยง ก้อทำทีเดียว
กำไรเปนก้อนไม่ต้องมาตักให้เหนื่อย และเสี่ยงต่อการเหลือ ได้กำไร 100%หรือเท่าตัว
แต่ถ้าเขาจะซื้อไปขาย เราก้อต้องถอยลง กำไรน้อยลง เพื่อให้ลูกค้า ได้กำไรบ้างแบ่งกัน
เราสบาย เขาสบายสร้างอาชีพ สร้างแบรนด์ ให้แข็งแกร่งขึ้น
แล้วยังมีน้ำ ขนม มาขายอีก ได้กำไรอีกเยอะเลย ให้กลุ่มแม่บ้าน ทำ เราช่วยกระจายสินค้า
เอากำไรนิดนึง คนขายกำไรมาก
พอจะไปได้มั้ยครับ ไอเดีย อันบรรเจิด ไฟแรงอยากทำแล้ว
แต่ขอเซ็ทระบบ แบ่งสรรปันส่วน ให้เหมาะสมก่อน
ใช้ fb ,line , beetalk และหน้าร้านเปนตัวประชาสัมพันธ์
แต่จะจำกัดจำนวนสาขา และคุมโซนไม่ให้ทับกัน
เอาแบบที่พอดูแลถึง ขอสัก 10 สาขาก้อพอแล้วครับ ขอแบบแน่นๆคนที่พร้อมจะช่วยกันรวย
เราจะคุมคุณภาพ ความสะอาด ภาชนะอวิธีการตัก สุขอนามัย ด้วยเพราะมันคือแบรนด์
คือชื่อของร้าน
แต่อีกรูปแบบ ไม่มีชื่อร้านเรา เอาเปนร้านเขา ก้อคุมคุณภาพน้อยลงมาหน่อย
แต่อยากให้ ผู้บริโภคได้กินของอร่อย มีคุณภาพ สะอาด มีประโยชน์ ราคาเหมาะสม
ทำแฟรนชาย ร้านข้าวแกง ดีป่ะ??
ตอนนี้ยอดขายตกไปครึ่งๆ เพราะย้ายร้าน ลูกค้าเก่าหายไปเกินครึ่ง เพราะไม่รู้จักร้านใหม่ ห่างมา500เมตร
แต่ก้อเริ่มทยอยกลับมาบางส่วน
เริ่มรู้ข่าว จากป้ายย้ายร้าน จากไลน์ fb แต่ยอดขาย กำไรยังติดลบอยู่ อยากขยายสาขา
แต่มีทุนจำกัด แรงงานขายจำกัด
มีแต่ฝีมือขั้นเทพ
มีช่วงนึงทำข้าวแกงขายด้วยเพราะ ตามสั่ง เตี๋ยวไม่ทัน คนงานก่อสร้าง พักเที่ยงทีนึงเปนร้อยๆคน
ต้องข้าวแกงเท่านั้น แป้บเดียวเกลี้ยง เลยปิ้ง แว้บ ไอเดียว่า
ข้อดีของแฟรนชาย ข้าวแกง
- บางคนมีทำเลดีๆ
- มีทุนนิดหน่อย ไม่มีทุนมากที่จะซื้ออุปกรณ์ร้านข้าวแกง (หมดเกือบแสนครั้งแรก)
-ไม่มีฝีมือทำอาหารที่อร่อยแบบติดใจต้องแวะกินอีก
- ไม่มีแรงงานพนักงาน
-ไม่มีเวลา พลังพอจ่ายตลาดตอนดึก
-อยากทดลองขาย โดยลงทุนแบบไม่เจ็บตัว
-ชื่อเสียง ร้านมีชื่อคนรู้จัก นิยมอยู่เเล้ว แค่เหนป้ายชื่อร้าน สาขา คนก้อแวะแล้ว
ข้อเสีย
-ไม่ได้สร้างชื่อให้ตัวเอง
-กำไรอาจน้อยกว่าทำเอง นิดนึง (ถ้าลดต้นทุน ค่าแรงงานได้ ซื้อวัตถุดิบทีละมากๆ) เช่น ถ้าทำข้าวแกงเอง
สมัยนี้ ถ้าตักมาตรฐาน อาจจะกำไรถึง 100%(แต่ยากมากช่วงนี้ วัตถุดิบขึ้นมามากหลายอย่าง โดยเฉพาะเนื้อ แก้ส)
สมมติ ลงทุนซื้อของสด 3000 บาท จะได้ยอดขาย 6000 บาท จะได้กำไร 3000 บาท
แต่เอากำไรไปหักค่าพนักงาน อีก 2คน คนละ 300 =600 ,ค่าแก้สต่อวัน 200 บาท ,ค่าแรงเจ้าของ 500 บาท
ค่ารถไปจ่ายตลาด 200บาท สรุป ค่าใช้จ่ายอีก 1,500 บาท
******ดังนั้นกำไรสุทธิที่เหลือ ต่อวัน 1,500 บาท
แต่ถ้าซื้อแฟรนชาย อาจจะกำไรแค่50% แต่ตัดค่าการผลิตไปเยอะ เช่น เปลี่ยนจากลงทุนซื้อของสด
มาเปนซื้อแกงพร้อมตัก และข้าวสวยพร้อมตัก อาจเสียค่ารถมารับของที่ร้าน 200-300 บาท (จะรับลูกค้าไม่ไกล
รัศมี30 กม. ชานเมือง แถวสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อความสด ใหม่ของอาหาร)
สมมติซื้อแกง พร้อมข้าว วันละ 4,000 บาท ตักขายได้ 6,000 บาท
**** กำไรสุทธิ ที่เหลือต่อวัน 2,000 บาท
ได้กำไรมากขึ้นเพราะ ไม่ต้องจ้างพนักงานในการผลิต หั่นของ เตรียมของ
ไม่ต้องเสียเวลา พลังงาน ในการเตรียมของ ตั้งแต่ตี2-3 ปรุงเสร็จพร้อมขาย 6-7โมงเช้า
สุขภาพทรุดโทรมแน่ๆ(พี่หุ้นส่วนบอกว่า ขายอาหารเหนื่อยมากๆ สุขภาพแย่ระยะยาว)
****ที่เกิดไอเดียนี้เพราะ ปกติบาวช่วงมีคนมาสั่งอาหาร เหมาไปจัดเลี้ยง ก้อทำทีเดียว
กำไรเปนก้อนไม่ต้องมาตักให้เหนื่อย และเสี่ยงต่อการเหลือ ได้กำไร 100%หรือเท่าตัว
แต่ถ้าเขาจะซื้อไปขาย เราก้อต้องถอยลง กำไรน้อยลง เพื่อให้ลูกค้า ได้กำไรบ้างแบ่งกัน
เราสบาย เขาสบายสร้างอาชีพ สร้างแบรนด์ ให้แข็งแกร่งขึ้น
แล้วยังมีน้ำ ขนม มาขายอีก ได้กำไรอีกเยอะเลย ให้กลุ่มแม่บ้าน ทำ เราช่วยกระจายสินค้า
เอากำไรนิดนึง คนขายกำไรมาก
พอจะไปได้มั้ยครับ ไอเดีย อันบรรเจิด ไฟแรงอยากทำแล้ว
แต่ขอเซ็ทระบบ แบ่งสรรปันส่วน ให้เหมาะสมก่อน
ใช้ fb ,line , beetalk และหน้าร้านเปนตัวประชาสัมพันธ์
แต่จะจำกัดจำนวนสาขา และคุมโซนไม่ให้ทับกัน
เอาแบบที่พอดูแลถึง ขอสัก 10 สาขาก้อพอแล้วครับ ขอแบบแน่นๆคนที่พร้อมจะช่วยกันรวย
เราจะคุมคุณภาพ ความสะอาด ภาชนะอวิธีการตัก สุขอนามัย ด้วยเพราะมันคือแบรนด์
คือชื่อของร้าน
แต่อีกรูปแบบ ไม่มีชื่อร้านเรา เอาเปนร้านเขา ก้อคุมคุณภาพน้อยลงมาหน่อย
แต่อยากให้ ผู้บริโภคได้กินของอร่อย มีคุณภาพ สะอาด มีประโยชน์ ราคาเหมาะสม