เป็นพ่อแม่ ยามลูกกำลังจะสอบเข้ามหาลัย ต้องลุ้นต้องศึกษาเหมือนตนเองจะสอบเสียเอง พ่อแม่ใดเป็นแบบนี้บ้าง?

ผมยอมรับว่า ลูกคนเล็กที่เรียนโง่ ในสมัยประถม ที่เรียกว่ามีความบกพร่องในการเรียน(LD) แล้วผมปั่นฝึกด้วยวิธีของผมตามประสบการของผมในวัยเด็กที่ทบทวนได้ จนเขาจบ ป.6 มาได้ แบบแม่เขาและครูที่สอนเขาคิดว่าจะไม่จบ ป.6 หรือผลักดันจนจบ ป.6 แล้วเรียนต่อไม่ใหว

     จนเขาสมารถสอบเข้า ม.1 ได้โดยไม่ต้องจับฉลากในพื้นที่ ก็เป็นความยินดีตื้นเต้นของแม่เขามาก  และเป็นความประหลาดใจของเพื่อนๆ เขา 4 - 5 คนในหมู่บ้าน  เขาก็พัฒนาการเรียนดีขึ้นจนเขาจบ ม.3 ด้วยเกรดเฉลีย 2.56  กลายเป็นเด็กเรียนดี  คือได้เขาเรียน ม.4 สายศิลป-คอมพิวเตอร์ โดยไม่ต้องสอบเข้าในโรงเรียนเดิมนั้นเอง

      เรียนไม่ถึงเดือน เขามาขอผมว่า อยากย้ายไปเรียน ภาษาญีปุ่น ด้วยเหตุผลของเขาที่บอกผมคือ อยากรู้ภาษาญีปุ่น เพราะในเกมส์ และการลงโปรแกรมมีแต่ภาษาญีปุ่น ซึ่งเขาไม่รู้เรื่อง

       หมายเหตุ การยอมให้ลูกติดเกมส์ เป็นวิธีหนึ่งในหลายวิธีที่ผมพัฒนาการให้เขาเรียนได้แล้วเรียนดีขึ้น ก็ใช้เกมส์คอมพิวเตอร์เป็นตัวล่อเขา ในการแบ่งเวลาในการเรียนหนังสือ และรักษาระดับการเรียนไม่ให้ตกต่ำลง จนเขาติดเกมส์เข้ากระแสเลือด แต่รู้จักแบ่งเวลาเรียนหนังสือ  ซึ่งผมเคยลองติดเกมส์มาแล้วสมัยก่อนหลังเรียนจบแล้ว เมื่อติดหนักๆ แต่ยังมีสติเตือนตนเองอยู่เนื่องๆ  ถึงจุดหนึ่งมันก็จะคลายไปเอง เพราะมีหน้าที่อื่นที่ต้องทำและรับผิดชอบ)

     ผมจึงยอมไปย้ายให้เขาที่โรงเรียน ซึ่งเขาก็ทุ้มสุดตัวให้กับภาษาญีปุ่น ได้เกรด 4 คือเรียนเก่งภาษาญีปุ่นนั้นเองจน ฟั่ง MV การ์ตูณญีปุ่น เกมส์ภาษาญีปุ่นรู้เรื่องหมด แบบไม่ต้องมี ชับไตเติลใดๆ เลย  แต่เขาต้องสูญเสียเกรดในวิชา คณิตสาสตร และ วิทยาศาสตร์ จากเกรด 3 หรือ 2 เหลือ 1.6   แต่เขาก็ยังรักษา เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5  ไว้ได้

      ด้วยเหตุที่เขาอ่อน วิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์แถมภาษาไทย ลงอย่างมาก เกรดกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 1.7  แต่จะไปสูงในวิชาภาษาต่างประเทศ ส่วนวิชาอื่นก็รักษาเอาตัวรอดได้เฉลีย 2 กว่า  ผมจึงประเมินเขาว่า เขาไม่มีโอกาศเอ็นทรานส์ติด เอกภาษาญี่ปุ่น ม.รัฐ แน่  เพราะจะติดได้เขาต้องมี คะแนน GPX+O-NET+GAT+PAT  มากกว่า 15,000.00 ประมาณ 16,000.00  จาก 30,000.00 คะแนน  คือต้องได้ 53 % ถึงพอ จะติด ม.รัฐได้ และเขาเป็นเด็กที่ไม่ยอมรับและปฏิเสธ เรื่องการเรียนพิเศษเรียนเสริมในสำนักติวต่างๆ  ที่นอกจากเวลาเรียนที่โรงเรียน ตั้งแต่ ม.4 แล้วนั้นเอง

      เพราะด้วยความอ่อนและไม่ยอมเรียนเสริม วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ผมประเมิน  O-NET เขาที่ 30%  ส่วน GAT 20 % เท่านั้น ซึ่งพอติดคณะอื่นๆ เช่น บริหาร รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ ม.รัฐ ต่างจังหวัด ไม่มีโอกาศติด เอกญีปุ่น ที่เขาชอบเลย    

         นี้แหละเป็นเหตุที่ผมต้องลุ้น เหมือผมเองต้องเข้าไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย อีกรอบเมื่อวัยแก่แล้ว ใครไม่อยู่ในสภาวะแบบผมคงไม่เขาใจ  

       ต่างกับพี่สาวคนโตไม่ต้องลุ้นอะไรมาก เมื่อปี 2551 เพียงแต่ลุ้นว่าเขาจะเอาแพทย์หรือเปล่า?  เพราะเกรดเขาประมาณ 3.7 พื้นฐานแพทย์ประมาณ 68 %  แถมติดสอบตรง วิศวะคอม ม.มหิดลไปแล้ว มีเวลาเหลืออีก 2 เดือนกว่า จะสอบ O-NET A-NET ศักยภาพของเขาผมเห็นว่าทำได้อยู่แล้ว แต่เขาไม่เอาบอกว่างานมีลักษณะเครียดเกินไปรับไม่ได้เพราะเห็นน้องเข้าโรงพยาบาลทุกเดือนอยู่ในห้องแคบๆ คนป่วยรอเป็นร้อยๆ คน  จะเรียนวิศวะคอม ม.มหิดล เท่านั้น อย่างนั้นผมจึงข้อร้องเขาให้สอบติด วิศวะคอมมหาลัยรัฐทุกที่  เขาก็ทำได้ตามเป้าหมาย คือได้ O-NET 76 % แต่ A-NET ไม่ย่อมอ่านหนังสือไปสอบ จึงได้ประมาณ 44 % ก็ติดวิศวะคอมทุกมหาลัยยกเว้น จุฬา เท่านั้น

        กล่าวถึงลูกคนเล็ก ผมจะเข้าไปสอนไปติว คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เอง เขาก็ไม่ยอมรับ ผมซื้อหนังสือ O-NET, GAT เขาก็ไม่ยอมแตะ แล้วผมจะทำอย่างไรได้ละ   เขาบอกว่าเขาชิวๆ ไม่เครียดเรื่อง มหาลัย  มีเอกญีปุ่น ม.ราม เขาก็เรียนได้  แต่เม่เขาไม่ยอมถ้าเรียนราม ยอมเสียเงินให้ลูกเรียนเอกชน แล้วผมคิดว่า ม.เอกชน อย่างไทย-ญีปุ่น เขาจะสอบได้หรือ เพราะอ่อนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และภาษาไทย อย่างนั้น

        ปัญหาหนักอึ่งจึงตกอยู่ที่ผมอีกแล้วคราวนี้ แล้วกำลังใจเขาก็มาเมื่อเขาสอบ N5 ผ่าน แล้วผมก็ต้องวางแผนไปตามลำดับคือ  จะทำอย่างไรให้เขาได้ GAT มากว่า 60 คะแนน จาก 300 คะแนน เพื่อปักแน่นว่าเขาติด ม.รัฐ แน่ ๆ ในคณะอื่นๆ ถ้าถึงขั้นยื่นคะแนนแอดมิชชั่นกลาง โดยที่เขาจะไม่ปฏิเสธผม ซึ่งผมรู้ว่าเขาด้อยเรื่องเชื่อมโยง  เขาบอกว่าเขาทำไม่ได้เลย ส่วนภาษาอังกฤตนั้นเขาพอเอาตัวรอดได้  

        ผมเลยลองให้เขาทำดู  เขาทำได้ประมาณ 10 กว่าคะแนนจาก 150 คะแนน ผมก็เลยแนะนำเขาแบบชิวๆ ตามสไตรของเขา คือคอยเตือนแบบให้รำคาญนิดๆ  แนะให้เขาลองคอยทำแบบไม่ให้เขาเกิดการปฏิเสธไม่ยอมรับ   และผมก็ทำการสมัครให้เขาทุกมหาลัย ที่เป็นบริหารทั่วไป ทีเปิดโคต้า ที่รับเกรด 2.5  แต่ เอกญีปุ่นนั้น เขาเกรดไม่ถึงเพราะรับ 2.75 ขึ้นไป และจึงสมัครสอบตรงเอกญีปุ่น ที่ใช้ GAT PAT

        เป็นอันว่า โคต้าบริหาร 2.5 ทุกที่ เขาไม่ไปสอบสัมพาททุกที่ เขาบอกว่าไม่มีญีปุ่นไม่เอา ผมย่อมเสียเงินค่าสมัครไปหลายที่เลยครับ จึงไปสอบ ที่ ม.ไทยญีปุ่น เพราะมีภาษาญี่ปุน

         และด้วยผมคอยดันนิดๆ หน่อยๆ เรื่อง GAT เชื่อมโยง เพื่อให้เขาได้ประมาณ 70-80 คะแนนจาก 300 คะแนน เพื่อให้เขาจะได้มีทีเรียนเป็น ม.รัฐ ไม่ใช่ราชมงคลและราชฎัก ในสาขาอื่นๆ เช่น บริหาร ในต่างจังหวัด แล้วเขาทำได้เกินคาดหมายของผมคือได้ คะแนน GAT ถึง 88.25 และคะแนน PAT ญีปุ่น  105 คะแนน คืออยู่ในระดับกลุ่มบนๆ ประมาณพันคน จากผู้สอบ PAT ญีปุ่น 8,700 กว่าคนนั้นเอง   คือเขาติดชัวร์ ทั้งบริหาร สังคมศาสตร์ หรือ รัฐศาสตร์ ใน ม.ต่างจังหวัด นั้นเอง   แต่ยังไม่มั่นใจว่า จะติด เอกญีปุ่นได้หรือไม่?.

         ในวันต่อมาเขาก็สอบติดข้อเขียน ม.ไทยญีปุ่น บริหารบุคคลซึ่งพอมีภาษาญีปุ่นเรียนทั้ง 4 ปี   และในวันต่อมาเขาติด ม.พะเยา เอกญี่ปุ่น  แล้วเกิดปัญหาขึ้นคือ ทั้งสอง ม. นี้เกิดสอบสัมพาทย์ในวันเดียกัน  แต่เขาเอียงไปทาง ไทยญีปุ่น ตั้งแต่ต้น ผมก็สบายใจแล้ว เพราะเขามีที่เรียนตามที่เขาต้องการแล้ว แม้จะจ่ายเงินมากก็ตาม  แต่เขาก็ยังหวังมหาลัยรัฐ เอกญีปุ่น อื่นๆ อยู่ ที่อยู่ใกล้ กรุงเทพฯ หรือในกรุงเทพฯ  เพราะผมยอมเสียค่าสมัครไปทั่วทุกที่ เผื่อเขามีโอกาศฟลุก  ด้วยผมประเมินเขาต่ำไป ด้วยเขาอ่อน วิทยาศาสตร์และคณิตศาสาตร์ ได้เกรดแก่ 1.6 จากมุมมองของพ่อที่จบมาทางวิทยาศาสตร์     

       และแล้วในใกล้สอบสัมพาทย์ 1.5 วันเขาเกิดผลิกเปลี่ยนใจ ว่าเขาด้อยและไม่ชอบคณิตศาตร์ไม่อยากทนเรียน จะไปที่ ม.พะเยา โอ...ทั้งเข้าโรงพยาบาลเอกชนเพื่อตราจร่างกายให้ทัน ในวันที่จะไปสอบสัมพาทย์ ตั้งไปกลับ พะเยา  แลับ กทม. จึงป่วยทั้งพ่อและลูก.

       และยังทำให้ผมผิดคาดด้วยประเมินเขาต่ำไปคือ เขาสอบ N4 ผ่านอีก ในการสอบเพียงครั้งเดียว เพราะผิดคิดว่าเขาไม่น่าผ่านได้.

        หรือผมประเมินเด็กที่เคยมีความบกพร่อง(LD)ตอนเด็ก ต่ำไปแม้จะอยู่ใกล้ชิดกับเขามาก ผมจึงประเมินเขาใหม่เป็นดังนี้.

      - ผมประเมินผิดไป เพราะคิดว่า O-NET นั้นจะยากพอๆ ข้อสอบ Ent. เมื่อสมัยรุ่นผมคือ 30 กว่าปีมาแล้วที่ผมทำได้ประมาณ 30 - 40 % พอติดคณะ วิทยาศาสตร์สมัยนั้น(ซึ่งสมัยนั้นนิยมมากเข้ายาก น้องๆ วิศวะ) ได้อยู่แล้ว ยกเว้น ม.จุฬา หรือ ม.เกษร ก็คือ  O-NET สมัยนี้ง่ายกว่ามาก

       ซึ่งสมัยลูกสาวผม ประมาณเมื่อปี 2551  เขาทำ O-NET ได้ถึง  76 %  A-NET ได้ประมาณ 44 % (ไม่ยอมอ่านหนังสือไปสอบ A-NET กลัวติดแพทย์  เพราะผมนะนำว่าเอาแพทย์ได้ เมื่อเขาติดโคต้า วิศวะคอม ม.มหิดล และได้พื้นฐานแพทย์ถึง 68 % ซึ่งมีเวลาเหลือฟิดอีก 2 เดือนกว่า ก่อนสอบ O-NET และ A-NET)  เมื่อรวม GPX+O-NET+A-NET  ก็ประมาณ 73 %  ติดวิศวะทุกมหาลัย ในสมัยนั้น

      ดังนั้นรุ่นลูกชายผมที่เรียนอยู่ในระดับ 2.5 กว่าๆ  ในปี 2558 นี้ แม้จะด้อยกว่าลูกสาวผมมาก  เขาก็พอสามารถทำ O-NET ประมาณ 50%  (เพราะเขาไม่ยอมรับการเรียนพิเศษ ภายนอกเลย ตั้งแต่ ม.4 แล้ว จะทำได้มากกว่านี้คงอยาก แต่อาจจะน้อยกว่านี้) ก็พอได้อยู่ ตามศักยภาพของเขา ซึ่งสามารถติด เอกญีปุ่น ม.ต่างจังหวัดพอได้อยู่แล้วนั้นเอง   เมื่อรวมคะแนน GPX + O-NET + GAT- PAT ก็ประมาณ เกือบ 50% หรือ 50% ก่วาๆ ได้  ซึ่งเขาก็มีโอกาสติด เอกญีปุ่ม ม.รัฐ ต่างจังหวัดหรือ ราชมงคลกรุงเทพ ถ้ายื่นคะแนนเอดมิดชั่นกลาง

      ถ้าเขายื่นเขาจะยื่นเรียงลำดับอย่างนี้.
             1.เอกญีปุ่น มศว.      คะแนนสูงต่ำ   20660.3500    18213.7500    ปี 2557
             2.เอกญีปุ่น ม.บรพา   คะแนนสูงต่ำ  19189.4500     16727.1000    ปี 2557
             3.เอกญีปุ่น ม.อุบล หรือ ม. พะเยา  คะแนนสูงต่ำ  19419.7000  14156.9500  หรือ 18456.2000    15896.7000    ปี 2557
             4.เอกญีปุ่น ม.ราชมงคลกรุงเทพ   คะแนนสูงต่ำ 17023.2000  14619.9500  ปี 2557

    ซึ่งเขาคงติด ในระดับ 3 หรือ 4 นั้นเอง  ซึ่งคะแนนต่ำสุด อยู่ในระดับ 48 - 53 %  ส่วนระดับ 1 และ  2  นั้นเผื่อฟลุค.

     แต่เชาติด ม.พะเยา ไปแล้ว เขาจึงไม่ต้องเครียด เรียนแบบชิวๆ  ก่อนเพื่อนๆ เป็นเวลาหลายเดือน  แต่ถ้าติด ม.บูรพา เขาก็จะเอา ม.บูรพา เพราะใกล้บ้านกว่า.

        นี้และ ผู้เป็นพ่อ  เมื่อรู้ว่าลูกสู้ไม่ได้หรือแทบไม่ได้  พ่อจึงต้องมีสติและวางดำเนินผลักดันไปตามลำดับที่ลูกรับได้ไม่เกิดการต่อต้าน แล้วต้องลุ้นเหมือนตัวเองจะสอบสอบเข้ามหาลัยเองอย่างไรก็อย่างนั้น.

       ผมคิดว่า พ่อแม่ ท่านอื่นที่ลูกกำลังจะเข้ามหาลัย ก็คงลุ้นอยู่เหมือนกัน มีอะไรก็ระบายมาได้ครับ จะได้รู้สึกดีขึ้น หรือมีความหวัง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่