ผมคิดว่าข่าวนี้สะท้อนภาพเทาๆ หลายด้านในสังคมนะครับ ผมอยากเสนอความคิดและอยากฟังความคิดของเพื่อนๆ ชาวพันทิพย์ และอยากให้กระทู้นี้ทำให้ทุกคนฉุกคิดมากขึ้นก่อนที่จะเชื่ออะไร
ถ้าเห็นด้วยหรือถูกใจก็รบกวนกดโหวตด้วยนะครับ กระทู้นี้จะได้ผ่านตาคนมากขึ้น
1. สื่อแสดงความคิดเห็นอย่างมักง่ายและไม่เป็นกลาง
ขอยกตัวอย่าง เรื่องเล่าเช้านี้ครับ (
http://youtu.be/qnZmEUyYRas) สไตล์เล่าข่าวของคุณสรยุทธ์มักจะเป็นลักษณะชี้นำ, โอนเอียง หรือ โจมตีเสมอๆ. คุณดูข่าวแล้วก็ต้องเคลิ้มเชื่อพิธีกรและโอนเอียงมาโจมตีสโมสรกองทัพบกแน่ๆ ก็ในเมื่อภาพมันฟ้อง แต่คุณต้องดูไป 5 นาทีเขาถึงบอกว่าภาพที่ฉายมาทั้งหมดเป็นภาพที่ตลาดอื่น!?!?
งงล่ะสิครับ ภาพกะเพราเจ้าปัญหาก็ไม่มี ภาพสถานที่จริงก็ไม่มี ผมพยามเสิร์ชหารูปของจริงแต่ก็ไม่เห็นนะ ทุกสำนักจะเล่าข่าวไปแล้วใช้ "แฟ้มภาพ" มาประกอบหรือจะแปลง่ายๆก็คือ "ภาพอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง" ผมคิดว่าสื่อมักง่ายไปนะครับ สื่อที่ดีต้องเสนอข้อมูลอย่างครบถ้วนและเป็นกลางถึงจะถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงคนอื่น ถ้าจะปล่อยให้ชื่อเสียงคนอื่นเขาเสียหายแล้วค่อยมาขอโทษเงียบๆ มันไม่ถูกต้อง
* ถ้าเพื่อนพันทิพย์ท่านใดมีภาพจริง สถานที่จริง ขอช่วยโพสต์ประกอบด้วยนะครับ
2. "ความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม" คำพูดเกร่อๆ ที่ต้องลดลง
สื่อมักจะขึ้นข้อความนี้บนข่าวที่อาจไม่จริง, งมงาย หรือดูหมิ่นเหม่ไม่น่าเชื่อถือ มันเปรียบเสมือนเป็นยันต์กันผีไม่ให้สื่อเสียหายถ้าข่าวนั้นไม่จริง ผมคิดว่ามันง่ายไปนะครับ สื่อควรจะลงแรงไปหาความจริงก่อนสิแล้วค่อยนำเสนอถึงจะเหมาะสม
ตัวอย่างนึงที่ผมนึกออกก็คือข่าวเจลลดไข้เด็ก (เก่าหน่อยนะ) ตอนนั้นตีข่าวกันว่าเป็นสัตว์พันธุ์ใหม่สัตว์ต่างดาวต่างๆ นาๆ พอให้น้ำฝนเป็นอาหารแล้วตัวใหญ่ขึ้น พอทิ้งไว้ก็ตัวเล็กลงอ่อนแรง ข่าวชาวบ้านที่ออกข่าวกันทุกช่อง เชิญคนนั้นคนนี้มาพูดออกรายการ แต่ก็ไม่ลืมแปะยันต์ไว้ที่หน้าจอทุกครั้งที่ออกรายการ พอความจริงกระจ่างว่าเป็นเจลลดไข้เท่านั้นแหละ .... เงิบ!
3. ผู้ชมบริโภคข่าวโดยวิเคราะห์น้อยลง
อาจจะด้วยที่เราชอบอะไรชิลๆ สบายๆ เลยชอบเลือกฟังข่าวที่เขาเล่ามาเพราะย่อยง่ายดี ไม่ต้องคิดอะไรให้เมื่อย อ่านแค่พาดหัวข่าวหรือฟังคร่าวๆ ก็พอ ขอเป็นอะไรที่มันดราม่าไว้ก่อนแล้วก็รีบกดไลค์ กดแชร์ พอจุดติดเป็นกระแสพวกสื่อคิดน้อยก็จะรีบคว้ามาทำข่าวให้เป็นกระแสกว่าเดิมโดยไม่คิดจะลงแรงตรวจสอบก่อนซักนิด ถ้าเราวิเคราะห์ข่าวไปด้วย ก็จะเป็นการกดดันให้สื่อทั้งหลายมีความพยายามในการหาความจริงก่อนที่จะนำเสนอเพื่อรักษาเครดิตความน่าเชื่อถือของตัวเอง
กลับมาเรื่องกะเพรา ต้องยอมรับความจริงว่าราคาอาหารสูงขึ้นจริง แต่ถ้าเพราะพูดถึงแต่ข่าวกะเพรานี้ มันชัดเจนว่าเขาต้องการโจมตีสโมสรกองทัพบก ไม่ก็กองทัพบก โดยไม่ได้ต้องการพูดถึงเรื่องอาหารแพง ถ้าจะมองให้ครบถ้วน ต้องดูไปถึงต้นทุนอื่นๆ ด้วยถึงจะถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องค่าเช่าที่ คนที่ขายของในตึกในห้างคงเข้าใจดี
กะเพราะหมูกรอบไข่เจียวแถวบ้านผมก็มีราคา 100 นึงเหมือนกัน ผมโดนเข้าไปทีแรกก็ทำใจลำบากครับ แต่ก็อนุโลมเพราะเขาให้หมูชิ้นใหญ่ ให้เยอะ และอร่อยครับ นานๆ ค่อยไปกินทีเพราะรู้ว่าแพง. ผมอยากให้เทียบอย่างนี้ กาแฟมีตั้งแต่ 20 บาทไปยันร้อยกว่าก็เห็นดื่มกันได้นิ ขายดีด้วย ถ้าเขาขายแพงเกินคุณภาพ คนก็จะไม่กินแล้วเขาก็ต้องลดราคาหรือล้มหายตายจากไป. ถ้าเขาไม่ได้โก่งราคาเกินควร ผมว่าให้กลไกของตลาดปรับสมดุลเอาเองน่าจะดีกว่านะ
4. สังคมอุดมนักเลงคีย์บอร์ด
ในโลกความเป็นจริง เราจะยั้งคิดยั้งทำก่อนที่จะทำร้ายใครหรือพูดจาทำร้ายใคร แต่ในโลกออนไลน์ทุกอย่างกลับตาลปัตร บางคนละเลงคีย์บอร์ดเอามันส์โดยไม่สนใจว่าคนที่โดนโจมตีหรือเสียหายจะรู้สึกยังไง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเจ้าตัวหรือคนอื่นที่มีความคิดเห็นแตกต่าง. ผมมั่นใจว่าในกระทู้นี้ผมเองก็อาจจะโดนเหมือนกัน (แอบหวังว่าจะไม่โดนนะ ขอให้แลกเปลี่ยนความคิดกันดีๆ)
นึกออกเท่านี้ ขอบคุณที่อ่านครับ
กะเพราจานละ 100 !!! กับการเสนอข่าวอย่างมักง่าย
ถ้าเห็นด้วยหรือถูกใจก็รบกวนกดโหวตด้วยนะครับ กระทู้นี้จะได้ผ่านตาคนมากขึ้น
1. สื่อแสดงความคิดเห็นอย่างมักง่ายและไม่เป็นกลาง
ขอยกตัวอย่าง เรื่องเล่าเช้านี้ครับ (http://youtu.be/qnZmEUyYRas) สไตล์เล่าข่าวของคุณสรยุทธ์มักจะเป็นลักษณะชี้นำ, โอนเอียง หรือ โจมตีเสมอๆ. คุณดูข่าวแล้วก็ต้องเคลิ้มเชื่อพิธีกรและโอนเอียงมาโจมตีสโมสรกองทัพบกแน่ๆ ก็ในเมื่อภาพมันฟ้อง แต่คุณต้องดูไป 5 นาทีเขาถึงบอกว่าภาพที่ฉายมาทั้งหมดเป็นภาพที่ตลาดอื่น!?!?
งงล่ะสิครับ ภาพกะเพราเจ้าปัญหาก็ไม่มี ภาพสถานที่จริงก็ไม่มี ผมพยามเสิร์ชหารูปของจริงแต่ก็ไม่เห็นนะ ทุกสำนักจะเล่าข่าวไปแล้วใช้ "แฟ้มภาพ" มาประกอบหรือจะแปลง่ายๆก็คือ "ภาพอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง" ผมคิดว่าสื่อมักง่ายไปนะครับ สื่อที่ดีต้องเสนอข้อมูลอย่างครบถ้วนและเป็นกลางถึงจะถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงคนอื่น ถ้าจะปล่อยให้ชื่อเสียงคนอื่นเขาเสียหายแล้วค่อยมาขอโทษเงียบๆ มันไม่ถูกต้อง
* ถ้าเพื่อนพันทิพย์ท่านใดมีภาพจริง สถานที่จริง ขอช่วยโพสต์ประกอบด้วยนะครับ
2. "ความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม" คำพูดเกร่อๆ ที่ต้องลดลง
สื่อมักจะขึ้นข้อความนี้บนข่าวที่อาจไม่จริง, งมงาย หรือดูหมิ่นเหม่ไม่น่าเชื่อถือ มันเปรียบเสมือนเป็นยันต์กันผีไม่ให้สื่อเสียหายถ้าข่าวนั้นไม่จริง ผมคิดว่ามันง่ายไปนะครับ สื่อควรจะลงแรงไปหาความจริงก่อนสิแล้วค่อยนำเสนอถึงจะเหมาะสม
ตัวอย่างนึงที่ผมนึกออกก็คือข่าวเจลลดไข้เด็ก (เก่าหน่อยนะ) ตอนนั้นตีข่าวกันว่าเป็นสัตว์พันธุ์ใหม่สัตว์ต่างดาวต่างๆ นาๆ พอให้น้ำฝนเป็นอาหารแล้วตัวใหญ่ขึ้น พอทิ้งไว้ก็ตัวเล็กลงอ่อนแรง ข่าวชาวบ้านที่ออกข่าวกันทุกช่อง เชิญคนนั้นคนนี้มาพูดออกรายการ แต่ก็ไม่ลืมแปะยันต์ไว้ที่หน้าจอทุกครั้งที่ออกรายการ พอความจริงกระจ่างว่าเป็นเจลลดไข้เท่านั้นแหละ .... เงิบ!
3. ผู้ชมบริโภคข่าวโดยวิเคราะห์น้อยลง
อาจจะด้วยที่เราชอบอะไรชิลๆ สบายๆ เลยชอบเลือกฟังข่าวที่เขาเล่ามาเพราะย่อยง่ายดี ไม่ต้องคิดอะไรให้เมื่อย อ่านแค่พาดหัวข่าวหรือฟังคร่าวๆ ก็พอ ขอเป็นอะไรที่มันดราม่าไว้ก่อนแล้วก็รีบกดไลค์ กดแชร์ พอจุดติดเป็นกระแสพวกสื่อคิดน้อยก็จะรีบคว้ามาทำข่าวให้เป็นกระแสกว่าเดิมโดยไม่คิดจะลงแรงตรวจสอบก่อนซักนิด ถ้าเราวิเคราะห์ข่าวไปด้วย ก็จะเป็นการกดดันให้สื่อทั้งหลายมีความพยายามในการหาความจริงก่อนที่จะนำเสนอเพื่อรักษาเครดิตความน่าเชื่อถือของตัวเอง
กลับมาเรื่องกะเพรา ต้องยอมรับความจริงว่าราคาอาหารสูงขึ้นจริง แต่ถ้าเพราะพูดถึงแต่ข่าวกะเพรานี้ มันชัดเจนว่าเขาต้องการโจมตีสโมสรกองทัพบก ไม่ก็กองทัพบก โดยไม่ได้ต้องการพูดถึงเรื่องอาหารแพง ถ้าจะมองให้ครบถ้วน ต้องดูไปถึงต้นทุนอื่นๆ ด้วยถึงจะถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องค่าเช่าที่ คนที่ขายของในตึกในห้างคงเข้าใจดี
กะเพราะหมูกรอบไข่เจียวแถวบ้านผมก็มีราคา 100 นึงเหมือนกัน ผมโดนเข้าไปทีแรกก็ทำใจลำบากครับ แต่ก็อนุโลมเพราะเขาให้หมูชิ้นใหญ่ ให้เยอะ และอร่อยครับ นานๆ ค่อยไปกินทีเพราะรู้ว่าแพง. ผมอยากให้เทียบอย่างนี้ กาแฟมีตั้งแต่ 20 บาทไปยันร้อยกว่าก็เห็นดื่มกันได้นิ ขายดีด้วย ถ้าเขาขายแพงเกินคุณภาพ คนก็จะไม่กินแล้วเขาก็ต้องลดราคาหรือล้มหายตายจากไป. ถ้าเขาไม่ได้โก่งราคาเกินควร ผมว่าให้กลไกของตลาดปรับสมดุลเอาเองน่าจะดีกว่านะ
4. สังคมอุดมนักเลงคีย์บอร์ด
ในโลกความเป็นจริง เราจะยั้งคิดยั้งทำก่อนที่จะทำร้ายใครหรือพูดจาทำร้ายใคร แต่ในโลกออนไลน์ทุกอย่างกลับตาลปัตร บางคนละเลงคีย์บอร์ดเอามันส์โดยไม่สนใจว่าคนที่โดนโจมตีหรือเสียหายจะรู้สึกยังไง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเจ้าตัวหรือคนอื่นที่มีความคิดเห็นแตกต่าง. ผมมั่นใจว่าในกระทู้นี้ผมเองก็อาจจะโดนเหมือนกัน (แอบหวังว่าจะไม่โดนนะ ขอให้แลกเปลี่ยนความคิดกันดีๆ)
นึกออกเท่านี้ ขอบคุณที่อ่านครับ