เพราะธุระเรื่องงานเลยทีโอกาสได้ไปเยือนน่าน ดินแดนที่เงียบสงบแห่งแดนเหนือ
สำหรับผมจังหวัดน่าน เป็นเหมือนที่ๆ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ไป แค่ชื่อก็ไม่คุ้นหูแล้ว มาได้ยินถี่หน่อยก็ช่วงที่ผีอีเม้ยอาละวาดบนจอแก้ว ทั่วทั้งเจียงไหม่ เจียงฮาย หละปูน หละปาง ปะเยา แปร้ น่าน และมาช่วงหลังๆ ที่คนเริ่มพูดถึงน่านมากขึ้นว่าเป็นเมืองพักผ่อน เป็นดินแดนที่เงียบสงบ พอมาวันนี้ก็เลยมีโอกาสได้สัมผัส จากตอนลงเครื่องก็เห็นคนเอาจักรยานใส่วินสิตามาด้วย แถมตอนนั่งรถผ่านก็เห็นร้านจักรยานใหญ่ๆ แล้วก็หลายร้านเลยมีเสือภูเขาจอดหน้าร้าน เลยาัมผัสได้ว่า อาจมีพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่ ก็ เป็น ได้
แม่เสือสาว กิ๊กใหม่ที่โรงแรมให้ยืมเป็นคู่ใจ
ว่าแล้วก็เข็นแม่เสือสาวที่ขนาดเล็กแถมพยศได้ใจมาเป็นคู่ใจท่องเมืองน่านเพื่อหาร้านอ่หารเหนือกิน ที่นี่เป็นไม่กี่ที่ที่ผมรู้สึกว่าปั่นบนถนนได้อย่างสบายใจแม้ไม่ทีหมวกกันน็อค อาจเป็นเพราะน้องเสือเธอเป็นแม่บ้านบุคลิกเลยออกแนวเรียบร้อยกว่าสาวสปอร์ตจอมลุยแบบน้องโค้ก ที่คร่อม ขย่ม โยกทีไร ปวดระบมได้ทุกรอบ แต่น้องเสือเป็นแบบเอื่อยๆ และมีแอบพยศนิดๆ (หลักอานยุบลงตอนตกหลุม) เพราะไซส์เธอเล็กกว่าน้องโค้กราวแม่กับลูก ผลคือเข่าที่สะบ้าอักเสบอยู่แล้วระบมเข้าไปอีก
ร้านจักรยานตอนนั่งรถผ่าน
แต่หลังจากปั่นได้รอบเล็กๆ ก็รู้สึกว่าเมืองนี้มีเสน่ห์ วิถีชีวิตที่ผู้คนบนท้องถนนไม่เร่งรีบแบบเมืองหลวง ทำให้พาหนะเล็กและใหญ่ถ้อยทีถ้อยอาศัย รอบเมืองก็เต็มไปด้วยเรื้องราวที่สืบทอดจากวัดวาอาราม บ้านเรือนยุคเก่า อากาศไม่ร้อนมาก
หลักฐานการปรากฏเพศที่สาม ที่มีอายุร้อยกว่าปี วัดๆ เดียว ภาพเขียนไม่กี่ภาพมันถ่ายทอดวิถีของอดีตได้อย่างลงตัว
ความรู้สึกของการปั่นที่นี่ จะบอกว่าสบายๆ คล้ายๆ สวนส่าธารณะก็ได้ เพราะมันไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องรถอื่นๆ วิถีชาวบ้านก็มีทั้งรถสองล้อ สามล้อ และสี่ล้อ ส่วนนักท่องเที่ยวเท่าที่ผมเห็นจะเป็นเสือภูเขาเสียส่วนใหญ่
เลนจักรยานที่นี่ เป็นแบบเอื้ออาทร แบ่งกันใช้ แค่ตีเส้นเล็กๆ ไว้ พ่นสเปรย์รูปสองล้อ และติดป้ายให้ระวังจักรยาน แต่ถึงจะไม่มีรั้วกั้นแบบใน กทม แต่ผมรู้สึกว่ามันโล่งสบายกว่าจริงๆ นะ รถใหญ่ก็ไม่มีเบียดหรือปาด เราอยู่ช้าๆ ขอบๆ เขาก็แซงขึ้นไป มีบ้างที่เป็นมอเตอร์ไซค์ย้อนศรแต่ก็แค่ช่วงสั้นๆ และเขาก็หลบทางให้ รถจอดข้างทางก็มีแต่เพราะปริมาณรถไม่แออัดก็เลยหลบหลีกกันได้ง่ายๆ ใจจริงอยากปั่นสัมผัสกับบรรยากาศที่นี่ให้นานกว่านี้ แต่ติดที่เจ็บเข่า และมีรายการต่อเลยต้องพักไว้ก่อน แต่น่านกับผมจะต้องเจอกันอีกแน่นอน ด้วยรถของผมเอง
วันเบาๆ ณ น่าน
สำหรับผมจังหวัดน่าน เป็นเหมือนที่ๆ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ไป แค่ชื่อก็ไม่คุ้นหูแล้ว มาได้ยินถี่หน่อยก็ช่วงที่ผีอีเม้ยอาละวาดบนจอแก้ว ทั่วทั้งเจียงไหม่ เจียงฮาย หละปูน หละปาง ปะเยา แปร้ น่าน และมาช่วงหลังๆ ที่คนเริ่มพูดถึงน่านมากขึ้นว่าเป็นเมืองพักผ่อน เป็นดินแดนที่เงียบสงบ พอมาวันนี้ก็เลยมีโอกาสได้สัมผัส จากตอนลงเครื่องก็เห็นคนเอาจักรยานใส่วินสิตามาด้วย แถมตอนนั่งรถผ่านก็เห็นร้านจักรยานใหญ่ๆ แล้วก็หลายร้านเลยมีเสือภูเขาจอดหน้าร้าน เลยาัมผัสได้ว่า อาจมีพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่ ก็ เป็น ได้
แม่เสือสาว กิ๊กใหม่ที่โรงแรมให้ยืมเป็นคู่ใจ
ว่าแล้วก็เข็นแม่เสือสาวที่ขนาดเล็กแถมพยศได้ใจมาเป็นคู่ใจท่องเมืองน่านเพื่อหาร้านอ่หารเหนือกิน ที่นี่เป็นไม่กี่ที่ที่ผมรู้สึกว่าปั่นบนถนนได้อย่างสบายใจแม้ไม่ทีหมวกกันน็อค อาจเป็นเพราะน้องเสือเธอเป็นแม่บ้านบุคลิกเลยออกแนวเรียบร้อยกว่าสาวสปอร์ตจอมลุยแบบน้องโค้ก ที่คร่อม ขย่ม โยกทีไร ปวดระบมได้ทุกรอบ แต่น้องเสือเป็นแบบเอื่อยๆ และมีแอบพยศนิดๆ (หลักอานยุบลงตอนตกหลุม) เพราะไซส์เธอเล็กกว่าน้องโค้กราวแม่กับลูก ผลคือเข่าที่สะบ้าอักเสบอยู่แล้วระบมเข้าไปอีก
ร้านจักรยานตอนนั่งรถผ่าน
แต่หลังจากปั่นได้รอบเล็กๆ ก็รู้สึกว่าเมืองนี้มีเสน่ห์ วิถีชีวิตที่ผู้คนบนท้องถนนไม่เร่งรีบแบบเมืองหลวง ทำให้พาหนะเล็กและใหญ่ถ้อยทีถ้อยอาศัย รอบเมืองก็เต็มไปด้วยเรื้องราวที่สืบทอดจากวัดวาอาราม บ้านเรือนยุคเก่า อากาศไม่ร้อนมาก
หลักฐานการปรากฏเพศที่สาม ที่มีอายุร้อยกว่าปี วัดๆ เดียว ภาพเขียนไม่กี่ภาพมันถ่ายทอดวิถีของอดีตได้อย่างลงตัว
ความรู้สึกของการปั่นที่นี่ จะบอกว่าสบายๆ คล้ายๆ สวนส่าธารณะก็ได้ เพราะมันไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องรถอื่นๆ วิถีชาวบ้านก็มีทั้งรถสองล้อ สามล้อ และสี่ล้อ ส่วนนักท่องเที่ยวเท่าที่ผมเห็นจะเป็นเสือภูเขาเสียส่วนใหญ่
เลนจักรยานที่นี่ เป็นแบบเอื้ออาทร แบ่งกันใช้ แค่ตีเส้นเล็กๆ ไว้ พ่นสเปรย์รูปสองล้อ และติดป้ายให้ระวังจักรยาน แต่ถึงจะไม่มีรั้วกั้นแบบใน กทม แต่ผมรู้สึกว่ามันโล่งสบายกว่าจริงๆ นะ รถใหญ่ก็ไม่มีเบียดหรือปาด เราอยู่ช้าๆ ขอบๆ เขาก็แซงขึ้นไป มีบ้างที่เป็นมอเตอร์ไซค์ย้อนศรแต่ก็แค่ช่วงสั้นๆ และเขาก็หลบทางให้ รถจอดข้างทางก็มีแต่เพราะปริมาณรถไม่แออัดก็เลยหลบหลีกกันได้ง่ายๆ ใจจริงอยากปั่นสัมผัสกับบรรยากาศที่นี่ให้นานกว่านี้ แต่ติดที่เจ็บเข่า และมีรายการต่อเลยต้องพักไว้ก่อน แต่น่านกับผมจะต้องเจอกันอีกแน่นอน ด้วยรถของผมเอง