สวัสดีพี่น้องชาวบลูแพลนเน็ตทุกท่าน
ผมขอใช้กระทู้นี้เล่าเรื่องราวการไปตะลุยอินเดียครั้งแรกของผม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว นี้เป็นกระทู้แรกของผมในพันทิป ยินดีรับฟังทุกคำแนะนำครับ
“ชีวิตคือการเดินทาง”…
ประโยคคูลๆ สำหรับคนที่กำลังจะออกเดินทางท่องเที่ยวที่ใดซักที่…
แต่ผมว่าประโยคนี้เราสามารถใช้มันได้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้วนะ
เพราะถ้าแกไม่เดินออกมาสั่งหมูกระเทียมไข่ดาวร้านเจ๊ติ๋มหน้าปากซอยแกจะมีข้าวกินไหม หรือไม่ถ้าแกไม่ออกมาขึ้นรถเพื่อไปให้หัวหน้าใช้งานแกจะมีตังค์ใช่ไหม
เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องแรดแบกเป้ใบควายๆ พกกล้องอันใหญ่เท่ากระบอกปืนใหญ่ เพื่อจะบอกว่าชั้นออกเดินทางเพราะชีวิตคือการเดินทางหรอกฮะ
แล้วผมหละ ผมออกเดินทางเพื่ออะไร..
ผมก็แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งหละ ใช้ชีวิตในมหาลัยเหมือนเด็กทั่วไป เรียนบ้าง เล่นบ้าง จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนสนิทผมชวนไปแบคแพคหลังเรียนจบ ตอนนั้นไม่รู้หรอกคืออะไร ตอบตกลงไว้ก่อนเดี๋ยวขี้เกียจค่อยปฎิเสธมันเอา ประเทศแรกที่เราคิดจะไปคือเวียดนาม เหตุผลตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดเพราะเวียดนามมีน้องเอลลี่ (ที่โนตมๆแล้วใส่แว่นหน้าหวานๆอะ รู้นะว่าฮะว่าหลายคนก็รู้จัก) แต่สืบเนื่องจากไม่มีตังค์จึงเบนเข็มมาที่ประเทศลาว... การไปเที่ยวสิบกว่าวันในครั้งนั้น ทำให้ผมเริ่มชอบการออกเดินทางแบบ “แบกเป้ ไม่ง้อทัวร์” มากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองเท่โคตรๆเลยเวลา เดินอยู่ในถิ่นที่เราไม่คุ้นเคย แบกเป้ใบโตๆ (ยิ่งใหญ่ยิ่งดี ยิ่งเป็นยี้ห้อฮิตๆพวก Deuter หรือไม่ก็ North Face ละก็ ความเท่ห์จะเพิ่มอีก 10 up) ถือกล้องโปรถ่ายรูปนู่นนี้นั้น กลับมาพร้อมเรื่องเล่าแปลกๆที่ทำให้คนฟังอยากจะ”ตามรอยเรา” บ้างเนี้ย มันรู้สึกดีเป็นบ้าเลยฮะ..
พอผมเริ่มทำงานไปได้ปีนึง สงกรานต์ในปีนั้นผมเลือกที่จะกลับไปลาวอีกครั้ง คราวนี้เลือกไปลาวเหนือ หลวงพระบาง เมืองเล็กๆทางตอนเหนือที่ต้องนั่งรถทัวร์ตัดภูเขากว่าสิบชั่วโมงเป็นอะไรที่ทำให้ผมประทับใจสุดๆ ระหว่างทริปนั้นผมเจอหญิงสาวชาวแคนนาดาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม เธอออกเดินทางเที่ยวรอบๆเอเชียอาคเนย์ด้วยตัวคนเดียวเป็นเวลาเดือนกว่าด้วยเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุด(ในขณะที่ผมเอาเสื้อไปเท่ากับจำนวนวันที่ไป…)ความผยองลำพองว่าข้าคือยอดนักผจญภัย รพินทร์ ไพรวัลย์บุกเข้าไปในดินแดนสุดลี้ลับหายไปในพริบตา การแบกเป้ไปเที่ยวของผมกลายเป็นเพียงลูกเสื้อสำรองเข้าค่ายค้างคืนที่โรงเรียนทันที…
ผมกลับมาครั้งนั้นพร้อมแอบเอาความเก็บกดเล็กๆอันนี้ เพื่อหาสถานที่ท่องเที่ยวในครั้งต่อไปให้มัน เร้าใจกว่านี้ ดิบกว่านี้ ผจญภัยมากกว่านี้ เป็นช่วงเวลาเดียวกับพี่สาวของผมเพิ่งกลับมาจาก “สิกขิม” รัฐทางตอนเหนือของอินเดีย เธอเล่าถึงการเดินทางของเธอให้ฟัง, ค่าใช้จ่ายระหว่างทริปที่ไม่แพงมาก แต่สิ่งที่ทำให้ผมให้หลงเสน่ห์สาวภารตะรายนี้เข้าอย่างจังคือรูปถ่ายของพี่สาวผมกับกระท่อมไม้หลังหนึ่งบนทุ่งขาวโพลนที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะในเดือนพฤษภา
Decision was made…
Next destination “Sikkim”….
“ผมจะไปอินเดีย เล่นหิมะ ในช่วงสงกรานต์ !”
[SR] [CR] "กิ๊มหมิ่ม สิกขิม"!! "Sikkim" Unexpected journey !! ตอนที่ 1
ผมขอใช้กระทู้นี้เล่าเรื่องราวการไปตะลุยอินเดียครั้งแรกของผม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว นี้เป็นกระทู้แรกของผมในพันทิป ยินดีรับฟังทุกคำแนะนำครับ
“ชีวิตคือการเดินทาง”…
ประโยคคูลๆ สำหรับคนที่กำลังจะออกเดินทางท่องเที่ยวที่ใดซักที่…
แต่ผมว่าประโยคนี้เราสามารถใช้มันได้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้วนะ
เพราะถ้าแกไม่เดินออกมาสั่งหมูกระเทียมไข่ดาวร้านเจ๊ติ๋มหน้าปากซอยแกจะมีข้าวกินไหม หรือไม่ถ้าแกไม่ออกมาขึ้นรถเพื่อไปให้หัวหน้าใช้งานแกจะมีตังค์ใช่ไหม
เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องแรดแบกเป้ใบควายๆ พกกล้องอันใหญ่เท่ากระบอกปืนใหญ่ เพื่อจะบอกว่าชั้นออกเดินทางเพราะชีวิตคือการเดินทางหรอกฮะ
แล้วผมหละ ผมออกเดินทางเพื่ออะไร..
ผมก็แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งหละ ใช้ชีวิตในมหาลัยเหมือนเด็กทั่วไป เรียนบ้าง เล่นบ้าง จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนสนิทผมชวนไปแบคแพคหลังเรียนจบ ตอนนั้นไม่รู้หรอกคืออะไร ตอบตกลงไว้ก่อนเดี๋ยวขี้เกียจค่อยปฎิเสธมันเอา ประเทศแรกที่เราคิดจะไปคือเวียดนาม เหตุผลตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดเพราะเวียดนามมีน้องเอลลี่ (ที่โนตมๆแล้วใส่แว่นหน้าหวานๆอะ รู้นะว่าฮะว่าหลายคนก็รู้จัก) แต่สืบเนื่องจากไม่มีตังค์จึงเบนเข็มมาที่ประเทศลาว... การไปเที่ยวสิบกว่าวันในครั้งนั้น ทำให้ผมเริ่มชอบการออกเดินทางแบบ “แบกเป้ ไม่ง้อทัวร์” มากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองเท่โคตรๆเลยเวลา เดินอยู่ในถิ่นที่เราไม่คุ้นเคย แบกเป้ใบโตๆ (ยิ่งใหญ่ยิ่งดี ยิ่งเป็นยี้ห้อฮิตๆพวก Deuter หรือไม่ก็ North Face ละก็ ความเท่ห์จะเพิ่มอีก 10 up) ถือกล้องโปรถ่ายรูปนู่นนี้นั้น กลับมาพร้อมเรื่องเล่าแปลกๆที่ทำให้คนฟังอยากจะ”ตามรอยเรา” บ้างเนี้ย มันรู้สึกดีเป็นบ้าเลยฮะ..
พอผมเริ่มทำงานไปได้ปีนึง สงกรานต์ในปีนั้นผมเลือกที่จะกลับไปลาวอีกครั้ง คราวนี้เลือกไปลาวเหนือ หลวงพระบาง เมืองเล็กๆทางตอนเหนือที่ต้องนั่งรถทัวร์ตัดภูเขากว่าสิบชั่วโมงเป็นอะไรที่ทำให้ผมประทับใจสุดๆ ระหว่างทริปนั้นผมเจอหญิงสาวชาวแคนนาดาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม เธอออกเดินทางเที่ยวรอบๆเอเชียอาคเนย์ด้วยตัวคนเดียวเป็นเวลาเดือนกว่าด้วยเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุด(ในขณะที่ผมเอาเสื้อไปเท่ากับจำนวนวันที่ไป…)ความผยองลำพองว่าข้าคือยอดนักผจญภัย รพินทร์ ไพรวัลย์บุกเข้าไปในดินแดนสุดลี้ลับหายไปในพริบตา การแบกเป้ไปเที่ยวของผมกลายเป็นเพียงลูกเสื้อสำรองเข้าค่ายค้างคืนที่โรงเรียนทันที…
ผมกลับมาครั้งนั้นพร้อมแอบเอาความเก็บกดเล็กๆอันนี้ เพื่อหาสถานที่ท่องเที่ยวในครั้งต่อไปให้มัน เร้าใจกว่านี้ ดิบกว่านี้ ผจญภัยมากกว่านี้ เป็นช่วงเวลาเดียวกับพี่สาวของผมเพิ่งกลับมาจาก “สิกขิม” รัฐทางตอนเหนือของอินเดีย เธอเล่าถึงการเดินทางของเธอให้ฟัง, ค่าใช้จ่ายระหว่างทริปที่ไม่แพงมาก แต่สิ่งที่ทำให้ผมให้หลงเสน่ห์สาวภารตะรายนี้เข้าอย่างจังคือรูปถ่ายของพี่สาวผมกับกระท่อมไม้หลังหนึ่งบนทุ่งขาวโพลนที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะในเดือนพฤษภา
Decision was made…
Next destination “Sikkim”….
“ผมจะไปอินเดีย เล่นหิมะ ในช่วงสงกรานต์ !”