ทัศนคติของผมที่เปลี่ยนไปกับมอเตอร์ไซค์เพราะการ์ตูน

ต้องขอเกริ่นนำก่อนว่าผมเป็นคนที่ชื่นชอบในมอเตอร์ไซค์มากและก็เป็นคนอีกคนหนึ่งที่ชอบในสิ่งที่คนอื่นเค้าชอบกันนั่นก็คือ big bike ซึ่งแน่นอนความชอบผมก็เหมือนกับผู้ชายทั่วๆไปที่รู้สึกว่ามันทั้งเท่ห์ เร็ว แรง (ทะลุนรก)
จนเมื่อผมได้ครอบครองรถที่มีเทคโนโลยีเริ่มแรกในยุค 4 จังหวะของไทย นั่นก็คือ cbr 150

Cbr นั้นมีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมอะไรบ้าง ?
   - สตาร์ทมือ
   - DOHC (แคมชาร์ปคู่กดวาล์วโดยตรง)
(นึกออกแค่นี้แหละไอ้ที่เรียกกันว่านวัตกรรม)
    
     จนเมื่อผมใช้มันไปเรื่อยๆด้วยความเก่าของรถมันก็มีที่หมดและเสื่อมสภาพไปบ้างก็เข้าใจ
จนเมื่อในระยะหลังๆนี้มันเริ่มจะประสบปัญหาจากเทคโนโลยีที่มันให้มาเรื่อยๆ เช่น
   - อยู่ๆแบตก็ลาโลกโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าเลยซักคำ แถมเป็นวันที่มีธุระเร่งด่วนอีก
   - การซ่อมบำรุงด้วยตนเองเป็นเรื่องที่อยู่ในระดับยากและวุ่นวาย
   - หาช่างที่เก่งๆหรือมือถึง มาซ่อมบำรุงเครื่อง ยากพอสมควร

อันนี้ขอมาชี้แจงรายละเอียดปลีกย่อยจากข้างบน
แบต ลาโลก อันต้องเข้าใจก่อนว่า cbr มันไม่มีสตาร์ทเท้า แบตลาโลกคือจบ
ซ่อมบำรุงด้วยตนเองยาก  แฟริ่งรอบคัน หัวเทียนอยู่โคตรลึกและเข้าถึงยากมาก
หาช่างเก่งๆยาก  DOHC ใช้ระบบชิมวาล์วในการตั้งวาล์ว เป็นการตั้งวาล์วที่ต้องใช้เครื่องมือและฝีมือที่ละเอียด
กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมถูกเทคโนโลยีย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองซะแล้ว

นั่นจึงเป็นเรื่องที่ทำให้ความคิดในการมองหารถคันต่อไปของผมเริ่มเปลี่ยนไป
แต่ก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจเมื่อผมพยายามมองหารถญี่ปุ่นที่คิดว่าจะตรงกับผมนั่นก็คือ เทคโนโลยีไม่ต้องมากมาย
เอาที่พอซ่อมบำรุงได้สะดวก ถังหน้า ต้องมีสตาร์ทเท้า กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ผมตั้งไว้สูงเกินไปสำหรับรถญี่ปุ่นที่ผลิตขายในไทย

ยกตัวอย่างคันแรก
Kawasaki dtx/klx 150 ตรงทุกอย่างแต่เจือกไม่มีสตาร์ทเท้า รุ่นมีสตาร์ทเท้าก็เจือกส่งออกมาเล อินโด เวร




เจ้าญี่ปุ่นที่เหลือก็เป็นหัวฉีดซะหมดหาที่ตรงสเปคไม่ได้เลย

หนึ่งในเรื่องแปลกใจอีกเรื่องที่เจอก็คือ ญี่ปุ่นไม่ยอมให้สตาร์ทเท้า แต่จีนดันให้สตาร์ทเท้ามาด้วย ซะงั้น
เมื่อเรื่องมันลงเอยอย่างนี้ก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมองหาไปทางจีน

ในเมื่อกำหนดสเปคได้คร่าวๆแล้วทีนี้ก็มาหาแนวทางรถ ซึ่งก็มองไว้ 2 แนว นั่นคือ คลาสสิค กับ วิบาก(กรรม)
เหตุผลประกอบ วิบาก(กรรม) ไว้ลุยกับถนนเมืองไทย คลาสสิค(cafe) ชอบเป็นการส่วนตัว(ได้แรงบัลดาลใจมาจากการ์ตูน)
แต่เมื่อคิดทบทวนไปมา วิบาก(กรรม)ดูจะยังไม่ตอบโจทย์พอ เนื่องจากถังน้ำมันเล็กและยังมีชุดสีเกะกะ
จึงไปมองที่ café (ต่อไปนี้จะเรียกแบบนี้นะครับ) ซึ่งจำแนกหลักๆ ได้ 2 แบบ

พวก  JX CG  ที่วางเครื่องใหม่ พวกนี้มักจะมีปัญหาในเรื่องทะเบียน กับไม่ยอมไปแจ้งเปลี่ยนเครื่อง

Stallions  ceutaur  ตัวนี้ก็ดันมีข้อบกพร่องเรื่องเกรดวัสดุอีกแต่เปลี่ยนได้ไม่เป็นไร  
ยัง...ยังไม่พอผมอยากจะรู้เหลือเกินว่าพี่ท่านไปเอาบล็อกเครื่องใคร ยี่ห้อไหนมาใช้ครับ
ทำไมชุดกดคลัชไปอยู่ซะกลางเครื่องเยื้องชุดจานไฟอีกต่างหาก
พูดตรงๆผมไม่เคยเห็นบล็อกเครื่องแบบนี้มาก่อน ซึ่งถ้าชุดคลัชมีปัญหาก็ไม่รู้จะหารุ่นไหนมาเทียบเปลี่ยน




เครดิตรูปคุณ Vuttinun

แต่แล้วก็เหมือนว่าตัวเลือกมันน้อยใช่มั้ย ทาง Suzuki จึงได้ประทาน GD 110 ลงมาเพื่อเพิ่มทางเลือกให้
ความรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า เพราะในที่สุด “ญี่ปุ่น ก็ทำซะที” แต่ก็เหมือนกำเนิดมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งปวง
นั่นก็คือไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เจ้า GD 110 คันนี้ดัน ซีซี น้อยเกินซะอีก (แต่จะเอาอะไรมากกับราคา 4 หมื่นล่ะ)
ซึ่งก็ต้องไปหาช่องทางการโมดิฟายเพิ่มกันเองต่อไป

(สำนัก zeus custom วางแปลนจะแต่งเจ้า GD 110 แล้ว สำนัก k-speed ก็ด้วย)


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่นี้ขอมาชี้แจงเรื่องเหตุผลทำไมต้อง café
    ผมเชื่อว่า ณ ตอนนี้หลายคนๆต้องเคยเห็นรถ café ขายกาแฟ เอ๊ย..ไม่ใช่ รถ café racer กันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย
สวยบ้างไม่สวยบ้างในสายตาแต่ล่ะคน  แต่สิ่งหนึ่งที่ café หลายๆคันหรือหลายๆรุ่นไม่มีเหมือนๆกัน
นั่นก็คือ แฟริ่ง (ในที่นี้อนุโลมพอมีได้นิดหน่อย) เพราะจริงๆแล้วรถแบบ café นั้นมันแทบจะไม่มีบ้าอะไรเลย ถ้าให้ดูโดยรวมทั้งหมด
มันก็จะมีแค่ โครง เครื่อง เบาะ ล้อ กับ องค์ประกอบที่จำเป็นอีกเล็กน้อยเท่านั้น
มันถึงได้ตรงคอนเซปผมมาก คือ มีเท่าที่จำเป็น
ฉะนั้นถ้าคุณเห็นผมทั้งชื่นชมทั้งตำหนิ รถคันใดคันหนึ่ง (ชึ่งช่วงนี้ก็คงไม่พ้น Suzuki )
เพราะผมเป็นคนที่ตั้งแง่และอคติกับเทคโนโลยีในรถจักรยานยนต์สูง
นั่นก็เพราะผมโดนเทคโนโลยีหักหลังมาแล้วอย่างที่พิมพ์ข้างบนและยังเจ็บจนวันนี้



-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทีนี้ผมขอมาพิมพ์เกี่ยวกับการ์ตูนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมชื่นชอบ café racer กันบ้าง
หลายคนอาจสงสัยแล้วมันเกี่ยวอะไรกับห้องมอเตอร์ไซค์ มันมีส่วนเกี่ยวครับถึงจะแค่ 1-2%ก็เถอะ
การ์ตูนเรื่องนี้ชื่อ OH! MY GODDESS ซึ่งผู้แต่งนั้นชื่นชอบพวกมอเตอร์ไซค์และรถยนต์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ผู้แต่งจึงเอาเรื่องพวกนี้เข้ามามีส่วนในเรื่องด้วย (ถึงบางทีมันจะเวอร์ไปก็เถอะ) และผู้แต่งเริ่มเขียนเรื่องนี้ตอนประมาณ
กลางๆยุค 80 ซึ่งถ้าผมเข้าใจไม่ผิดมันเป็นยุค 4 จังหวะกำลังพัฒนาเพื่อให้ทัดเทียม 2 จังหวะที่กำลังรุ่งโรจน์ในยุคนั้น
เช่นพวกตระกูล 400 cc ทั้งหลาย ประมาณปีค.ศ. 1985 ก็ถือเป็นยุคเริ่มต้นของ 4 จังหวะ
ซึ่งตัวเอกของเรื่องใช้ BMW รุ่นอะไรจำไม่ได้แต่ 500 cc แต่ง cafe racer แล้วพ่วงไซด์คาร์   
ซึ่งตอนที่ประทับใจมันเกี่ยวกับการแข่งของพ่อ-ลูก ที่พระเอกถอดไซด์คาร์แล้วไปแข่งกับพ่อมัน
จริงๆมันก็คือ street racing เพียงแต่คนเขียนเค้าบรรยายกับวาดภาพซะแบบว่าอ่านจบอยากออกไปขับมอเตอร์ไซค์ทันที






ส่วนตอนเวอร์ๆของการแข่ง street racing ก็มีอีกพอสมควร เช่น  พระเอกใช้รถ Kawasaki kx80 tomboy (2 จังหวะ)
(เป็นไซด์คาร์ที่นำเครื่อง kx80 มาใส่ )
แข่งกับวิญญาณ NS400R  2 จังหวะ 3 สูบ (มารู้จักก็จากเรื่องนี้แหละ)
แล้วพระเอกก็เจือกชนะด้วยนะ 80 cc VS 400 cc โอ้โฮ ก็ยังจะชนะได้
แต่ให้พอหยวนๆยอมรับได้เพราะถนนที่แข่งโค้งเยอะ ไซด์คาร์เลยได้เปรียบ




จริงๆเรื่องนี้ยังมีเรื่องรถคลาสสิคที่บอกเกร็ดเล็กๆน้อยอยู่เยอะ เช่น Honda monkey
แล้วการ์ตูนเรื่องนี้ก็ทำให้ผมมีความมั่นใจว่าจะหลุดจากกรอบเดิมๆของความเชื่อพื้นฐานได้
นั่นก็คือ การแต่งรถ หรือโมดิฟายเครื่องยนต์ เพราะในเรื่องนี้ก็มีการโมดิฟายเครื่องยนต์อยู่เหมือนกัน
เฉกเช่นการ์ตูนเรื่องอื่นอย่าง GTO เรื่องนี้จะเป็นการใช้อะไหล่แต่งเช่น กรองอากาศ ท่อ เบรก ชุดหน้า ฯลฯ
อะไรพวกนี้ซะมากกว่า ซึ่งมันก็สามารถบอกได้เลยว่า ประเทศผู้ผลิตและออกแบบเอง ยังมีการแต่งรถกันเลย
ถ้าตัวอย่างจากการ์ตูนยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ยกตัวอย่างของจริง ให้ไปดู motor gp พี่ท่านใช้ท่อของอะไร
ใช้เบรกของอะไร



เครดิตรูปของคุณ BomboAC115

และก็มียี้ห้อของแต่งรถยี้ห้อนึงซึ้งผมว่าคนในห้องมอเตอร์ไซค์ต้องรู้จักกันแน่ๆ นั้นก็คือ
  Yoshimura ซึ่งหลายๆคนอาจจะรู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตท่อแต่ง แต่จริงๆแล้วเค้าก็ยังทำของแต่งชิ้นอื่นๆขายด้วย
เช่น แคมชาร์ป  คาร์บู  ลูกสูบ
เช่นเดียวกับสำนัก Takegawa ที่ขึ้นชื่อเรื่องชุดขยายความจุกระบอกสูบ ของรถสูบนอน
ผมชื่นชมสำนักของญี่ปุ่นไปแล้วคราวนี้มาดูสำนักไทยที่ดังไปถึงต่างประเทศบ้างโดยเฉพาะเรื่อง 2 จังหวะ
นั่นก็คือ แดงบางทราย หรือในชื่อ DBS ที่ตอนนี้ทำท่อ 2 จังหวะส่งออกต่างประเทศ

กลับมาเข้าเรื่องแต่งรถในการ์ตูนกันต่อถ้าอ่านอย่างซื่อๆมันก็เป็นแค่ตัวอักษรผ่านไป
แต่ถ้าอ่านแล้ววิเคราะห์ไปด้วยเค้าไม่ได้สักแต่ว่าใส่ๆเข้าไปนะครับ เค้าทำทุกอย่างให้มันเข้ากันนะครับ
เช่น เสนอให้ขยายกระบอกสูบ เสนอตามว่าต้องเปลี่ยนข้อเหวี่ยง แล้วก็เสนอกันตามๆมาว่า
งั้นก็ควรใช้ฝาสูปหัวเทียนคู่ ควรเพิ่มชุดระบายความร้อน(oil cooller) ควรเสริมตะเกียบหน้า(โช็คหน้า) ควรทำดิสเบรก
เห็นยังครับเค้าทำกันอย่างมีหลักการ ซึ่งทั้งหมดก็ต้องยกความดีความชอบให้ผู้แต่งที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องยนต์   
(แต่ต้องทำใจกับการแปลชิ้นส่วนยานยนต์เป็นภาษาไทยของสำนักพิมพ์ก่อนนะครับ เพราะชิ้นส่วนหลายๆชิ้นเป็นศัพท์เฉพาะจริงๆ คนแปลก็คงจะไม่อาจทราบได้ ฉะนั้นผู้อ่านก็ต้องถอดความกันเองในบางเรื่อง)





และเรื่อง OH! MY GODDESS ยังทำให้ผมอยากจะครอบครอง 2 จังหวะ อีกด้วย




ในรูปคือใช้โครง Yamaha FZR แต่เครื่องใช้ของ snowmobile 2 จังหวะ 3 สูบ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สุดท้ายนี้ ผมก็เชื่อว่าต้องมีคนที่ไม่เห็นด้วย มีความคิดที่แตกต่างจากผมแน่นอน
ซึ่งผมยอมรับทุกความคิดเห็นครับ เห็นต่างได้ แย้งได้ ตามสบายเลยครับ
เพราะมนุษย์เราไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีทัศนคติเหมือนกัน เห็นเหมือนกัน รู้เหมือนกัน อารมณ์เดียวกัน มันเป็นไปไม่ได้

และกระทู้นี้ยังเป็นกระทู้แรกที่ผมลองโพสรูปดู  ขอแท็กห้องการ์ตูนด้วยนะครับ (ช่วงนี้แอบป่วยเรือ)

สุดท้ายจริงๆแล้วครับ

ที่ผมเขียนมาทั้งหมดเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ เอาจริงๆผมก็ยังไม่มีเงินซื้อหรอกนะครับ คงจะอีกซักปีสองปี
ซึ่งก็คงจะมีรถรุ่นใหม่ๆเข้ามามากขึ้นน่ะแหละครับ

                                    "ผมก็ทำได้แค่วิจารณ์ไปในสิ่งที่ผมเห็น"

ขอบคุณครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติม สำหรับท่านที่มาอ่านที่หลัง

ความเป็นมืออาชีพของพระเอกในเรื่อง และการใส่ใจในรายละเอียดของผู้แต่ง

อันนี้คือตอนช่วยกันถอดไซด์คาร์ก่อนแข่งกับพ่อ และปรับเซ็ตโช็คใหม่สำหรับแข่งและขับคนเดียว




เพื่อคนไม่รู้หรือไม่เคยอ่าน พระเอกในเรื่อง เรียนวิศวกรรมยานยนต์ นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่