ไปค้ำประกันรถให้พี่สาว รถโดนยึด กลับต้องใช้หนี้อีก 350,000 บาท

ผมไปค้ำประกันรถให้พี่สาวกับพี่เขย โดยใช้ชื่อพี่สาวเป็นคนซื้อ ผมเป็นผู้ค้ำ หลังจากนั้น 3 ปีก็ได้มีจดหมายมาจากโตโยต้าลีสซิ่งว่าขาดการผ่อนชำระ 30 งวดจำเป็นต้องยึดรถ เพื่อนำไปขายแล้วเหลืออีกเท่าไหร่ก็ค่อยใช้ต่อ ผมก็ได้โทรคุยกับพี่สาวว่าทำไมมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แกก็แก้ตัวบราๆ (รายละเอียดพวกนี้ผมไม่ขอเอ่ยถึงเพราะหงุดหงิดมาก) ผมก็คิดว่าขายก็ขาย มีอะไรแกคงรับผิดชอบเองไม่เกี่ยวกับเรา
ผ่านไปประมาณ 6 เดือนก็มีจดหมายมาอีกว่ารถได้นำไปถูกขายแล้วหักกับหนี้ที่เหลือยังต้องใช้โตโยต้าลีสซิ่งอีกห้าแสนกลางๆ โดยขอให้ไปขึ้นศาลเพื่อประนอมหนี้ ผมก็หาทนายแล้วก็ขึ้นศาล ศาลท่านก็ปรับลดลงเหลือ 350,000 บาท ตรงจุดนี้พี่สาวกับพี่เขยเองก็รับปากว่าทางเค้าจะรับผิดชอบเอง ผ่ายไปอีกประมาณ 5 เดือน ก็มีจดหมายมาอีก แต่คราวนี้มาจากทางอีออน ว่ายังไม่มีการชำระยอด 350,000 เข้ามา ผมเลยได้โทรเข้าไปทางพี่สาวว่าไหนรับปากว่าจะรับผิดขอบแล้วทำไมไม่หาเงินไปจ่ายเค้าเสียที เอาไปเอามาพี่สาวก็เลยบอกว่า เลิกกับพี่เขยแล้ว (เพราะทางพี่เขยไปมีเมียน้อย) แล้วใช้หนี้ไม่ไหมเลย ผมเลยคิดในใจเอาอีกแล้วกู เลยโทรไปหาอีออนได้ความว่าถ้าจะจ่ายปิดเลย เค้าขอแค่ 250,000 จาก 350,000 บาท แล้วเค้าจะไปคุยกับทางโตโยต้าลิสซิ่งให้ ถ้าทางโตโยต้าโอเค ก็ให้นำเงินเข้าไปชำระที่โตโยต้าแล้วก็จะปิดยอดเลย ผมเคยคิดในใจว่าทำไมเค้าหักให้เยอะจัง หรือว่าเค้าตีหนี้เราเป็นหนี้เสียแล้ว ถ้าเป็นหนี้เสียแล้ว อย่างนี้เราไม่ชำระหรือดึงไปเรื่องจะเป็นอะไรหรือไม่ครับ เพราะผมเองก็เป็นครูเงิน 250,000 ก็หนักพอสมควรอยู่ ถ้าเค้าตีว่าหนี้เราเป็นหนี้เสียแล้วไม่ต้องใช้เป็นอะไรหรือไม่ครับ แต่ศาลท่านสั่งว่ามีดอกเบี้ยตามกฎหมาย ร้อยละ 7 ต่อปี ถ้าเราดึงไปเรื่อยเค้าคิดดอกจากเงิน 350,000 ดอกร้อยละ7 ก็ 24,000 บาท ในปีแรกปีต่อมาก็คงสูงขึ้นเรื่อยตามเงินต้น ควรจ่ายตัดไปเลยดีหรือไม่ครับ หรือยอมเสี่ยงคิดว่าเป็นหนี้เสียแล้ว ปล ผมเองก็กลัวโดนยึดพวกบ้านกับที่ดินครับ เพราะพ่อได้โอนเป็นชื่อผมเรียบร้อยแล้ว จะมีสิทธิตามมายึดได้ไหมครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่