ซิ่วต่อ VS พอเเค่นี้ (เรียนเภสัช อยากเป็นหมอ)

ขอบคุณสำหรับทุกคำเเนะนำนะคะ ได้เเง่คิดดีๆเยอะเลยค่ะ
นานาขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
ตอบในฐานะรุ่นพี่นะ พี่เคยเรียนเภสัชมาก่อนตอนปีหนึ่งได้เรียนวิชา Introduction to Pharmacy
แล้วรู้สึกเลยว่าไม่ใช่ตัวเรา มองไม่เห็นว่าตัวเองจะทำงานอย่างไร ไม่รู้ว่าจะมีความสุขไหม

แค่นี้ก็เพียงพอที่จะ Drop แล้วลาออกทีหลังแล้วล่ะ
เลยมาสอบแล้วติด เรียนจบมาก็ทำงานเป็นหมอ

วันนี้เรามองย้อนไปแล้วคงเสียใจไปตลอด ถ้าไม่ได้พยายามเต็มที่

น้องถามใจตัวเองว่าเต็มที่หรือยัง อนาคตต่อไปแล้วมองกลับมาจะเสียดายโอกาสไหม

"ถ้าเสียดายก็กลัวอะไร ลุยต่อเลย!!!"

1-2 ปีซิ่วไม่ช้าไปหรอก เดี๋ยวก็ตามทันเพื่อนๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
พี่เป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นคลินิคนะ จขกท.เรียนเภสัชอยู่ปี1ขอเรียกน้องนะคะ
ในความคิดพี่ ปี1ไม่ว่าเภสัชหรือหมอ เนื้อหาการเรียนก็แทบจะเหมือนกันไม่ใช่หรอคะ
ตอนพี่อยู่ปี1 มหาลัยพี่ตัดเกรดรวมกันด้วยซ้ำ
ดังนั้นถ้าจะเอาการเรียนปี1มาตัดสินว่าไม่ชอบคณะนี้คงไม่ใช่มั้ง เพราะจะตัดสินได้ ก็ต้องเรียนวิชาของคณะก่อนนะ
ขนาดพี่เรียนหมอ บอกตรงๆปี1-3ทรมานมาก ไม่ชอบเลย อยากซิ่วอยู่เรื่อยๆ มีแต่อ่านหนังสือเป็นหลัก
พอมาขึ้นปี4ถึงเริ่มสนุกขึ้น เพราะการเรียนเปลี่ยนไป มาสัมผัสกับคนไข้มากขึ้น

ส่วนที่บอกว่าอยากช่วยคนโดยตรง เดี๋ยวนี้ก็มีเภสัชบริบาลนี่นา ถ้ายังเรียนเภสัชแล้วอยากช่วยคนมากขึ้นทางนี้อาจเป็นคำตอบ
แต่ถ้ายังยืนยันว่าอยากเรียนหมอจริงๆ ก็ซิ่วเถอะค่ะ ขอให้ผลวันที่23นี้ออกมาเป็นที่พอใจนะจ๊ะ

พี่แค่อยากฝากนิดนึง ว่าถ้าน้องเรียนหมอ ทุกอย่างย่อมมีข้อดีข้อเสีย อยากให้มองทั้ง2ด้าน
น้องจะได้ช่วยเหลือคนมากขึ้นจริงๆ...แต่น้องจะสูญเสียเวลาที่จะดูแลตัวเองและคนในครอบครัวไปนะ
โดยส่วนตัวแล้วพี่sensitiveกับเรื่องนี้มาก สะท้อนใจอยู่บ่อยๆ ตื่นเช้าไปดูคนไข้ทุกวัน แต่ตอนเราออกจากบ้าน คนในบ้านยังไม่ตื่น
พี่สาวพี่เป็นเภสัช อยู่รพ.เดียวกันแท้ๆ บ้านก็หลังเดียวกัน แต่บางทีไม่ได้เจอหน้ากัน2-3วันติด
พอเวลากลับ ถ้าอยู่เวร กลับเที่ยงคืน เค้าก็หลับกันหมดแล้ว  วันหยุดเทศกาลอะไรนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบจะลืมวันเดือนปีไปแล้วด้วยซ้ำบางที
ได้แต่หวังว่าพอเรียนจบ โตขึ้น อาจมีทางเลือกแบ่งเวลาได้มากกว่านี้(แต่เท่าที่เห็นอาจารย์หมอแต่ละคนแล้วไม่ใช่เลยTT)
บางทีก็มีคำถามผุดขึ้นมาในหัว ตกลงชั้นเป็นคนดีหรือเลวกันแน่นะ ดูแลคนอื่นได้ทั่วไปหมด อาการคนไข้บลาๆๆยังไงท่องได้เป็นชุด
แต่พ่อแม่เราล่ะ แทนที่จะได้ทำกับข้าวให้ท่านกิน พาท่านไปเที่ยว ไปโน่นมานี่ คุยกับแม่ยาวๆ มีเวลานั่งเล่นดูซีรี่ย์ด้วยกันครั้งสุดท้ายเมื่อไรนะ...นานจนจำไม่ได้แล้ว

เอาจริงๆพี่กับเพื่อนแอบอิจฉาเภสัชมาก 8:30น.แทบทุกวันจะเป็นเวลาที่พี่ราวน์คนไข้เสร็จ แต่พี่สาวพี่เพิ่งมาถึงรพ. อยากทำแบบนี้บ้างอ่ะ
เทียบแล้วแทบเป็นวิชาชีพที่การทำงานสบายที่สุดสาขานึงในรพ.
เสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยสุด ส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องยา ภาระหน้าที่ที่ต้องเรียกมาแบบฉุกเฉินก็น้อย อยู่เวรดึกได้offวันต่อมา
ความเสี่ยงต่อการโดนฟ้องร้องก็น้อยกว่า ความเครียดในการทำงานก็น้อยกว่า
ค่าตอบแทนอาจไม่มากเมื่อเทียบกับหมอ แต่ก็ไม่น้อยอะไรนะ
เทียบแล้วพี่ว่าเป็นวิชาชีพที่ลงตัวมาก ได้ทำงานที่ดีและมีเวลาให้ครอบครัวได้พอสมควร

ลองคิดดีดีละกันค่ะ
ตอนแรกพี่อยากเรียนเภสัช จุฬาฯ แต่บังเอิญติดโควต้าแพทย์ก่อน ปรึกษาคนที่เป็นเภสัช3-4คน ทุกคนแนะนำว่าถ้าจะเรียนเภสัช ให้เรียนหมอไปเลยดีกว่า
แต่พอเข้ามาอยู่ในสังคมหมอจริงๆ หมอหลายๆคนกลับไม่อยากให้ลูกหลานหรือคนที่ตัวเองรู้จักมาเป็นหมอ แนะนำให้เรียนเภสัชหรือทันตะทั้งนั้น
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  มนุษย์เงินเดือน มหาวิทยาลัย แพทย์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่