เทศกาลหนังที่จัดบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ ที่นักทำหนังอินดี้อเมริกันใฝฝันจะเอาหนังไปฉายให้ได้ซักครั้ง ได้ผู้ชนะคนใหม่ ที่กวาดคำชมทางฝั่งนักวิจารณ์และคนดูอย่างพร้อมเพรียง
แม้ในขวบปีหลัง
Sundance Film Festival จะเปลี่ยนจากเทศกาลเบี้ยน้อยหอยน้อย นอกสารบบฮอลลีวู้ด สู่เทศกาลที่ทั้งดารา ค่ายหนัง และสื่อเดินกันยั่วเยี่ย พร้อมความหรูหรา ฮอลลีวู้ดจ๋า (ถ้าอยากรู้ความป่วงของการส่งหนังเข้าเทศกาลเราขอแนะนำให้ชมหนังสารคดีที่ชื่อ Official Rejection) แต่บทพิสูจน์ของหนังซันแดนซ์แท้ๆอย่าง
Whiplash ที่หาทุนจากเทศกาล ชนะรางวัลจากกรรมการและคนดู จนสามารถมีกระแสยาวถึงออสการ์ (ซึ่งถ้ามาคิดก็โหดมากนี่เกิน 1 ปีที่หนังฉายที่เทศกาลละ) มาถึงปีนี้ก็มี
Me and Earl and the Dying Girl ที่ชนะทั้ง 2 รางวัลแบบนั้นอีกครั้ง
Me and Earl and the Dying Girl เล่าเรื่องของ Greg เด็กม.6 ที่ธรรมดาที่อยากจะจบชีวิตม.ปลายแบบเงียบๆ เขากับเพื่อน Earl ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำหนังเพี้ยนล้อเลียนหนังคลาสสิค ทุกอย่างเหมือนจะผ่านไปอย่างสวยงาม จนกระทั่งแม่ของเขาบังคับให้เขาเป็นเพื่อกับ Rachel เพื่อนร่วมห้องที่ป่วยเป็นลูคีเมีย พวกเขาเข้ากันได้อย่างที่ตัว Greg ยังแปลกใจ แต่เมื่อ Rachel อาการแย่ลง เขาตัดสินใจทำหนังเรื่องนึงเพื่อเธอ (ถ้าให้ผมเดาน่าจะออก Be kind Rewind ผสม The Fault in Our Stars)
หนังยังไม่มีตัวอย่างปล่อยออกมา แต่มีบทสัมภาษณ์ผู้กำกับ
Alfonso Gomez-Rejon ถึงตัวหนัง ซึ่งน่าจะเป็นอะไรที่เข้าใกล้ตัวอย่างหนังมากที่สุด
อีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ
The Wolfpack หนังสารคดีเล่าเรื่องของ 6 พี่น้อง Angulo ผู้ใช้ชวิตเกือบทั้งชีวิต อยู่ในอพาตเม้นในนิวยอร์ค เนื่องจากพ่อแม่พวกเขาคิดว่าโลกภายนอกนั้นจะทำลายพวกเขา สิ่งเดียวที่เชื่อมพวกเขาไว้กับโลกภายนอกนั้นก็คือ
หนัง พวกเขาไม่ใช่แค่ดู พวกยังจำลองหนังเหล่านี้ขึ้นมาจากข้าวของในอพาตเม้นและถ่ายฉากเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อหนึ่งในพวกเขาเลือกที่จะออกไปผจญโลกแห่งความจริง
แต่ไม่ใช่ว่าดูเรื่องไหนก็ชอบไปหมดนะครับ ลองดูจากภาพนี่พวกเขารสนิยมดีไม่เบา
หนังยังไม่มีตัวอย่างเหมือนกัน มีแต่บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ
Crystal Moselle ที่ไปคลุกคลีกับทั้ง 6 คนมาให้สัมภาษณ์
รายชื่อรางวัลทั้งหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้US Dramatic Films
Grand Jury Prize — Me and Earl and the Dying Girl
Directing Award — Robert Eggers for The Witch
Waldo Salt Screenwriting Award — Tim Talbott for The Stanford Prison Experiment
Special Jury Award for Collaborative Vision — Advantageous
Special Jury Award for Excellence in Editing — Lee Haugen for Dope
Special Jury Award for Excellence in Cinematography — Brandon Trost for The Diary of a Teenage Girl
Audience Award — Me and Earl and the Dying Girl
US Documentary Films
Grand Jury Prize — The Wolfpack
Directing Award — Matthew Heineman for Cartel Land
Special Jury Award for Cinematography — Matthew Heineman for Cartel Land
Special Jury Award for Break Out First Feature — Lyric R. Cabral, David Felix Sutcliffe for (T)ERROR
Special Jury Award for Vérité Filmmaking — Bill Ross, Turner Ross for Western
Special Jury Award for Social Impact — Marc Silver for 3½ MINUTES
Alfred P. Sloan Feature Film Prize — The Stanford Prison Experiment
Audience Award — Meru
World Cinema Documentary Film
Grand Jury Prize — The Russian Woodpecker (UK)
Directing Award — Kim Longinotto for Dreamcatcher (UK)
Special Jury Award for Editing — Jim Scott for How To Change The World (UK/Canada)
Special Jury Award for Impact — Pervert Park (Sweden/Denmark)
Audience Award — Dark Horse (UK)
Special Jury Award for Unparalleled Access — Pervert Park (Sweden/Denmark)
World Cinema Dramatic
Grand Jury Prize — Slow West (New Zealand)
Directing Award — Alanté Kavaïté for The Summer of Sangaile (Lithuania/France/Holland)
Special Jury Award for Acting — Regina Casé and Camila Márdila for The Second Mother (Brazil)
Special Jury Award for Acting — Jack Reynor for Glassland (Ireland)
Special Jury Award for Cinematography — Germain McMicking for Partisan (Australia)
Audience Award — Umrika (India)
ปล. ผมบล็อกและเพจ ที่เขียนทั้งเรื่องหนัง เรื่องเพลง แต่จะเขียนทางสายอินดี้มากกว่า ถ้าสนใจยังก็ตามลิ้งด้านล่างเลย
https://basicbaldguy.wordpress.com/
https://www.facebook.com/nhungseesong
“Me and Earl and the Dying Girl” ตามรอย Whiplash คว้า 2 รางวัลใหญ่ Sundance
แม้ในขวบปีหลัง Sundance Film Festival จะเปลี่ยนจากเทศกาลเบี้ยน้อยหอยน้อย นอกสารบบฮอลลีวู้ด สู่เทศกาลที่ทั้งดารา ค่ายหนัง และสื่อเดินกันยั่วเยี่ย พร้อมความหรูหรา ฮอลลีวู้ดจ๋า (ถ้าอยากรู้ความป่วงของการส่งหนังเข้าเทศกาลเราขอแนะนำให้ชมหนังสารคดีที่ชื่อ Official Rejection) แต่บทพิสูจน์ของหนังซันแดนซ์แท้ๆอย่าง Whiplash ที่หาทุนจากเทศกาล ชนะรางวัลจากกรรมการและคนดู จนสามารถมีกระแสยาวถึงออสการ์ (ซึ่งถ้ามาคิดก็โหดมากนี่เกิน 1 ปีที่หนังฉายที่เทศกาลละ) มาถึงปีนี้ก็มี Me and Earl and the Dying Girl ที่ชนะทั้ง 2 รางวัลแบบนั้นอีกครั้ง
Me and Earl and the Dying Girl เล่าเรื่องของ Greg เด็กม.6 ที่ธรรมดาที่อยากจะจบชีวิตม.ปลายแบบเงียบๆ เขากับเพื่อน Earl ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำหนังเพี้ยนล้อเลียนหนังคลาสสิค ทุกอย่างเหมือนจะผ่านไปอย่างสวยงาม จนกระทั่งแม่ของเขาบังคับให้เขาเป็นเพื่อกับ Rachel เพื่อนร่วมห้องที่ป่วยเป็นลูคีเมีย พวกเขาเข้ากันได้อย่างที่ตัว Greg ยังแปลกใจ แต่เมื่อ Rachel อาการแย่ลง เขาตัดสินใจทำหนังเรื่องนึงเพื่อเธอ (ถ้าให้ผมเดาน่าจะออก Be kind Rewind ผสม The Fault in Our Stars)
หนังยังไม่มีตัวอย่างปล่อยออกมา แต่มีบทสัมภาษณ์ผู้กำกับ Alfonso Gomez-Rejon ถึงตัวหนัง ซึ่งน่าจะเป็นอะไรที่เข้าใกล้ตัวอย่างหนังมากที่สุด
อีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ The Wolfpack หนังสารคดีเล่าเรื่องของ 6 พี่น้อง Angulo ผู้ใช้ชวิตเกือบทั้งชีวิต อยู่ในอพาตเม้นในนิวยอร์ค เนื่องจากพ่อแม่พวกเขาคิดว่าโลกภายนอกนั้นจะทำลายพวกเขา สิ่งเดียวที่เชื่อมพวกเขาไว้กับโลกภายนอกนั้นก็คือหนัง พวกเขาไม่ใช่แค่ดู พวกยังจำลองหนังเหล่านี้ขึ้นมาจากข้าวของในอพาตเม้นและถ่ายฉากเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อหนึ่งในพวกเขาเลือกที่จะออกไปผจญโลกแห่งความจริง
แต่ไม่ใช่ว่าดูเรื่องไหนก็ชอบไปหมดนะครับ ลองดูจากภาพนี่พวกเขารสนิยมดีไม่เบา
หนังยังไม่มีตัวอย่างเหมือนกัน มีแต่บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ Crystal Moselle ที่ไปคลุกคลีกับทั้ง 6 คนมาให้สัมภาษณ์
รายชื่อรางวัลทั้งหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. ผมบล็อกและเพจ ที่เขียนทั้งเรื่องหนัง เรื่องเพลง แต่จะเขียนทางสายอินดี้มากกว่า ถ้าสนใจยังก็ตามลิ้งด้านล่างเลย
https://basicbaldguy.wordpress.com/
https://www.facebook.com/nhungseesong