ถอดรหัส...ดิเอโก้ คอสต้า : นักฟุตบอลข้างถนนสู่ กองหน้าระดับโลกในอนาคต!!

เหตุการณ์ ดีเอโก้ คอสต้า ย่ำขา เอ็มเร่ ชาน ในเกมแคปปิตอล วัน คัพ ทำให้เกิดประเด็นฮือฮามาก กับความเถื่อนในสไตล์การเล่นของ หัวหอกทีมชาติสเปนเชื้อสายบราซิเลียน ที่กลายเป็นตัวแสบของคู่แข่ง นอกจากความฮอตของฝีเท้าแล้ว ยังมาจากการเล่นตุกติก นอกเกม จนน่าหงุดหงิด .... แต่พอไปขุดคุ้ยประวัติของ คอสต้า แล้ว บางทีมันอาจไม่แปลก!  

        "ผมโตมาโดยคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ" ครั้งหนึ่ง คอสต้า เคยพูดถึงสไตล์การเล่นที่ถึงลูกถึงคนของเขา แขนกาง, เท้าเข้าใส่ แบบที่เขาทำให้เห็นมาตลอดในหลายๆ เกม รวมถึงเกมแสนเครียดที่ เดอะ บริดจ์  

             ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คอสต้า ย่อมถูกเอาไปเปรียบเทียบกับ หลุยส์ ซัวเรซ จากสไตล์การเล่นนอกเกมของ คอสต้า ที่ตลอด 6 ปีเล่น 9 สโมสร และไม่เคยผ่าน "อะคาเดมี่" ของทีมไหนทั้งสิ้น หรือลองไปถาม มาริโอ ซัวเรซ มิดฟิลด์อาร์เจนไตน์ ของ แอตเลติโก มาดริด ที่เคยเล่นกับ คอสต้า ตั้งแต่ตอนที่ ดาวยิงตีนระเบิด ย้ายมา เซลต้า บีโก้ แบบยืมตัวปี 2008 เขาบอกว่า "การเปลี่ยนจากคนดีๆ กลายเป็นคนที่เล่นดุดันในสนามคือความยอดเยี่ยมของ ดีเอโก้ คอสต้า"

             ย้อนไปปีก่อน โฮเซ่ เด เฮซุส พ่อของ คอสต้า ให้สัมภาษณ์กับช่องทีวี "กานัล ปลุส" ก็พูดในทำนองเดียวกันว่า ลูกชายของเขาจะเปลี่ยนเป็นคนละคน ทันทีที่ "บอลเริ่มหมุน" โดยบอกว่า "เขาเล่นดุดันมาก และเราต้องเตือนให้เขา "ใจเย็นๆ" ตลอด" ขณะที่แม่ โฮเซไลเด้ เล่าถึงเรืองที่ คอสต้า จะทะเลาะกับ แฌร์ พี่ชาย ที่ตอนแรกเหมือนจะเก่งกว่าน้อง เสมอๆ ว่า "ทางที่ดีพวกเขาจะต้องอยู่ข้างเดียวกัน ไม่งั้นได้ทะเลาะกันตาย"

             ด้านพี่ชายเมาท์น้องชายของตัวเองว่า "ประเด็นก็คือเขาไม่เคยไปโรงเรียนฟุตบอลในบราซิล เขาเรียนรู้จากท้องถนนที่การแข่งขันมันไร้กฎกติกาสุดๆ บางทีก็มีคนจากย่านอื่นมาเล่น บางครั้งมาแบบเมาๆ ด้วยซ้ำ และเกมก็อาจจะรุนแรงได้"

             ตามประสาคนเตะบอล คอสต้า ไปทดสอบฝีเท้ากับ "ลาการ์เทนเซ่" ทีมท้องถิ่น แต่มันออกมาไม่ดีจนเขาคิดเลิกเล่น "มันทำเอาผมไม่อยากเล่นฟุตบอลอีกเลย ผมอยากหาเงินเลี้ยงตัวเองไปวันๆ" คอสต้า กล่าวกับ "เอล ปาอิส"

             คอสต้า ไปอยู่กับลุงจาร์มินโญ่ ที่ เซา เปาโล เตร่แถวชายแดน ปารากวัย และเอาสินค้าปลอมมาขายที่ เซา เปาโล เรียกว่าชีวิตนอกสนามโลดโผนสุด แต่เขายังมีบุญที่ลุงกระตุ้นให้เขาลองกับฟุตบอล อีกสักตั้ง และเขาทำสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า เอสปอร์ติโบ ใน เซา เปาโล และจากนั้นไม่นาน เขาก็ไปเตะเตตาเอเยนต์ที่ทำงานกับ จอร์จ เมนเดส ด้วยเหตุที่ต้องบอกว่า ถ้าหากไม่มีบุญ หรือโชคชะตาไม่กำหนดไว้ เขาคงไม่มีวันนี้

            "ผมไม่น่าจะได้เล่นในเกมนั้น เพราะผมโดนแบน 4 เดือนโทษฐานทำร้ายคู่แข่ง และหาเรื่องกรรมการ แต่วันที่ เมนเดส ส่งแมวมองมาดูผม โค้ชบอกผมว่า - ชั้นก็ไม่รู้นะว่ามันเป็นความผิดพลาดหรือเปล่า แต่นายลงเล่นได้แล้ว"

             สำหรับ คอสต้า แล้ว การเล่นของเขามันก้ำกึ่งระหว่าง "ถูก-ไม่ถูก" เสมอ และมันติดตัวมาตั้งแต่ฟุตบอลข้างถนนที่ ลาการ์โต้ และพอเขาเอามันมาใช้ในยุโรป มันไปได้สวยเมื่อเขาหัดที่จะ "ไม่โดนไล่ออก"

             จาก 130 เกมแรกใน สเปน เขาถูกหไล่ออก 6 ครั้ง ใบเหลืองอีก 43 ใบ และหลังจากซีซั่นแบบยืมตัวกับ เซลต้า เขาก็ถูกส่งไป อัลบาเซเต้ ทีมระดับดิวชั่นสอง พร้อม "ชื่อเสีย" แบบที่ หลุยส์ กัสเตโล่ นักข่าววสเปน และตอนนี้เป็น หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของทีม กล่าวว่า "คอสต้า คือตัวแสบ เขามุทะลุแบบที่คุณเห็นนี่แหละ เพียงแต่ตอนนั้นเขายังเบรกไม่เป็น เขาเต็มที่ตลอด บางทีเพื่อนร่วมทีมก็ไม่เว้น มีครั้งหนึ่งเขาบอก เซบาสเตียน โกโรน่า เซนเตอร์แบ็ก ว่า สกัดวืดวาดแบบนี้เพราะใส่รองเท้าผิดข้าง"

             แต่บุคลิกของเขา มองถึงความเป็นผู้นำได้ด้วย กัสเตโล่ บอกว่า "ถ้าหากไม่ใช่เพราะ ดีเอโก้ ซีซั่นนั้นอัลบาเซเต้ฃคงตกขั้นไปแล้ว คุณรู้เลยว่าเขาเกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ เขาเป็นที่รักของทุกคน และเขาไม่เคยลืมสโมสร หลายปีต่อมาตอน แอตเลติโก มาดริด เล่นกับ อัลบาเซเต้ ในบอลถ้วย และพลิกล็อกตกรอบ คอสต้า เข้าไปในห้องแต่งตัวทีมเยือนในเกมเลกที่สองที่ บิเซนเต้ กัลเดร่อน และแสดงความยินดีกับอัลบาเซเต้ ที่ผ่านเข้ารอบไปได้ทั้งที่ตัวเองตกรอบ"    
             ที่ อัลบาเซเต้ เขาโดนไล่ออกแค่ 2 ครั้ง จากนั้นก็ย้ายไป เรอัล บายาโดลิด แบบยืมตัวเป็นคำรบที่สาม ต่อด้วยยืมตัวครั้งที่สี่กับ ราโย บาเยกาโน่ ก่อนจะเจ็บเอ็นเข่าอย่างหนักช่วงต้นซีซั่น 2011-12 แต่ก็ช็อกโค้ชฟิตเนสทีมตราหมี "ออสการ์ ออร์เตก้า" จากการฟื้นตัวที่รวดเร็ว และเดือนมกราคม 2012 เขาก็แสดงให้ โฆเซ่ ซานโดวัล โค้ชนราโยฯ ได้เห็น

            "ตอน เฟลิเป้ มินัมเบรส ผอ.กีฬาของเรา บอกว่า เรามีโอกาสได้กองหน้าที่ไม่ได้เล่นมา 5 เดือนเพราะบาดเจ็บ ผมถามว่า - ใครหละ ? - พอเขาบอกว่าเป็น คอสต้า ผมตอบไปว่า - เอาโทรศัพท์มาด่วน ผมจะโทรหาเขา - ผมเจอเขาตอนอยู่ อัลบาเซเต้ ผมรู้ว่าเขาช่วยเราได้ ตอนแรกเขาขอทดสอบ 20 วัน เพื่อดูว่าเข่าเป็นยังไงบ้าง เขาไม่ทำให้ใครผิดหวัง ด้วยการที่เขาเจ็บนาน แถมหน้าแก่กว่าอายุ มีแต่คนถามผมว่าไปเอาคนแก่มาทำไม ผมบอกพวกเขาว่าคิดผิดแล้ว"

             คอสต้า เล่นเกมแรกกับ ซาราโกซ่า เขาลงมาเล่นครึ่งหลัง ยิงได้ด้วย และเรียกใบเหลืองได้ 2 ใบ .... เขาเริ่มเรียนรู้ว่าคนที่จะโดยไล่ออก ไม่ควรเป็นเขา ซานโดวัล เล่าต่อไปว่า "เกมถัดมาเราเจอ เคตาเฟ่ ในบ้าน แม่เขามาดูด้วย เขายิงประตูที่สอง และผมเปลี่ยนเขาออกก่อนจบเกมเพราะผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั่วทั้งสนามลุกพรึ่บ และมีแต่เสียงตะโกนชื่อเขากึกก้อง วันถัดมาเขามาหาผม และบอกว่า ผมทำให้แม่เขาเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก"

             คอสต้า ยิงไป 10 ลูกในครึ่งซัซั่นหลัง (2011-12) บางคนมองว่าเขาเล่นเถื่อน แต่ไม่ใช่ ซานโดวัล "ครั้งหนึ่งผมบอกเขาว่า เขาจะต้องเป็นกองหน้า 1 ใน 3 ของโลก ผู้ช่วยผมคนหนึ่งคิดว่าผมพูดไปงั้นๆ แต่ผมบอกเขาไปว่า ผมพูดจริง ถ้าหาก คอสต้า ได้เปรียบกองหลังอยู่ครึ่งเมตร ไม่มีทางไล่กวดเขาทันแน่"  

             ความยอดเยี่ยมของ คอสต้า ทำให้เกิดประเด็น 2 ข้อตามมา ข้อแรก ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ อยากได้เขากลับมาอยู่กับทีม ส่วนข้อสองคือ จอร์จ เมนเดส เอเยนต์ของ คอสต้า กับ โชเซ่ มูรินโญ่ โค้ชเรอัล มาดริด ตอนนั้น รวมหัวกันหาทางเอาเขาไปเล่นที่ เบร์นาเบว แต่มาสำเร็จเอาตอนนี้กับ เชลซี ขณะที่กับ อัตเลติ ก็อย่างที่เห็นแล้วว่าเขาช่วยทีมคว้าแชมป์ลา ลีกา แบบช็อกขาใหญ่ บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด

            บางทีแฟนบอลเมืองผู้ดีคงไม่รู้จัก คอสต้า ดีพอ นอกเหนือจากสิ่งที่เห็นด้วยตาพวกเขาว่า หมอนี่มันเถื่อน ตุกติก นอกเกม ไม่เชื่อฟังผู้ตัดสิน แต่จะบอกว่าเขาเป็นผู้ร้าย เป็นตัวโกงก็คงไม่ใช่ โดยเฉพาะหากถามคนที่เคยร่วมงานกับเขา  

             โฆเซ่ ซานโดวัล โค้ชราโยฯ กล่าวว่า "เขาเหี้ยมในสนามก็จริง แต่เป็นคนที่ใจยิ่งใหญ่มาก ซีซั่นที่เขาอยู่กับเรานั้น ในทีมเรามีนักเตะบราซิลชื่อ ซูเอลิตัน เปเรยร่า เขาโฮมซิค และมีปัญหาปรับตัว และ คอสต้า เป็นห่วงเป็นใยเขามาก เขาขอให้ผมส่งเขา (เปเรยร่า) ลงเล่นบ้าง และจะดูแลเขาตลอด"

             นอกจากนี้ คอสต้า ยังไม่ลืมบ้านเกิดที่ ลาการ์โต้ เขาให้เงินช่วยเหลือในการปรับปรุงโรงเรียนลูกหนังที่นั่น และให้ ฟลาวิโอ มาชาโด้ ดูแล .... มาชาโด้ คือโค้ชคนแรกของเขา คนแรกที่พยายามทำให้เขาเชื่อง และให้เขาได้เล่นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มาชาโด้ กล่าวว่า "วันที่เราเปิดโรงเรียน เด็กมาเล่นฟุตบอลกันแบบเท้าเปล่า เพราะความช่วยเหลือของ คอสต้า พวกเขาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร เขารับผิดชอบเองหมด"

             ปัจจุบันโรงเรียนลูกหนังแห่งนี้เปรียบเสมือนอะคาเดมี่ของทีม ลาการ์โต้ เอฟซี โดยมีทีมเด็กรุ่นต่างๆ ทั้ง ยู-13, ยู-15 และ ยู-17 ป้อนนักเตะให้สโมสรในท้องถื่น ไปจนถึงทีมในโปรตุเกส และแม้กระทั่ง แอตเลติโก มาดริด  

             ชะตากรรมของ คอสต้า ณ เวลานี้ ดูแล้วไม่น่ารอดพ้นจากกการโดนแบน 3 นัด ประเดิมด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แอสตัน วิลล่า และ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผกระทบต่อ เชลซี ของ มูรินโญ่ แน่นอน

             มูรินโญ่ เองก็โดน เอฟเอ ปรับเงิน 25,000 ปอนด์ ข้อหาวิจารณ์ผู้ตัดสินว่ารวมหัวกันอยู่ตรงข้าม "สิงห์บลูส์" แถมยังพาดพิงไปหากูรูสำนัก "สกาย สปอร์ตส์" หลังเกมกับ ลิเวอร์พูล และล่าสุด มูรินโญ่ ยกเลิกการแถลงข่าวก่อนเกมในวันศุกร์ที่ 30 มกราคม โดยไม่มีการอธิบาย

            บทสรุปของเรื่องนี้ย่อมขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน การเล่นนอกเกมของ คอสต้า ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในเกมลูกหนัง ยิ่งหากมองแบบภาพรวมทุกตำแหน่ง นักเตะกองหลังหลายๆ คนเล่นเถื่อนกว่า คอสต้า ด้วยซ้ำ

             แต่การเล่นให้ เชลซี, นักเตะต้องเป็นแบบอย่าง และต่างๆ นานา ทำให้ คอสต้า ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ และท้ายที่สุดแล้ว "เจตนา" ในแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีเพียง คอสต้า ที่รู้ แต่จะยังไงก็แล้วแต่ อย่างที่มีคนกล่าวไว้ว่า "เรื่องในสนาม จบในสนาม" บทลงโทษต่างๆ จะเกิดขึ้นหลังการพิจารณา และมันมีผล "ในสนาม" ดังนั้น คอสต้า จึงไม่จำเป็นต้องเป็น "คนร้าย" ที่ต้องถูกประนามนอกสนาม

ปล กลายเป็นว่า ตอนนี้ คอสต้า เริ่มจะดังไปทั่วแล้ว อังกฤษไปแล้ว

อ่านต่อได้ที่  http://www.siamsport.co.th/Column/150130_170.html

สถิติ ตลอดชีวิตนักฟุตบอล ดิเอโก้ คอสต้า


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%81_%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่