วันนี้จะขอมาแชร์ในการเลือกซื้อพริ้นเตอร์นะครับ ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่า ผมก็เป็นนักศึกษาคนหนึ่งเนี่ยแหละครับ กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย และแล้ววันนี้ก็เกิดมีความคิดขึ้นมาครับว่า “จะเลือกซื้อพริ้นเตอร์ดีไหม?” ด้วยเหตุที่ว่าสาขาที่ผมเรียนจะต้องพริ้นภาพบ่อย ก็คือภาพกราฟของวงจรที่ได้จากการทดลอง ที่บันทึกมาจากสโคป แล้วก็รายงานการเข้าแล็ป ส่งประจำทุกอาทิตย์
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะซื้อหรอกครับ แค่คิดไว้เฉยๆ ประมาณว่าได้เพียงแค่คิด ประมาณนั้นแหละครับ 555 แต่พอได้มาอยู่ปี 3 เท่านั้นแหละครับ ความคิดเดิมๆก็ต้องฝุดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะฟังจากอาจารย์อธิบายวิชาที่จะต้องเรียนในเทอมนี้ และสิ่งที่จะต้องทำ รวมถึงจับจะต้องทำโปรเจคด้วย ที่จะต้องทำรูปเล่มรายงานส่ง
เท่านั้นแหละครับ คุยกับเพื่อนเลย ว่าเราจะต้องซื้อเครื่องพริ้นกันแล้วล่ะ (พอดีผมพักอยู่หอกับเพื่อนสองคนเลยคุยกันว่าจะซื้อดีไหม เพราะโปรเจคนี้จะต้องทำเป็นคู่ รวมถึงงานวิขาอื่นๆอีกด้วย)
โดยตั้งโจทย์ที่ต้องการมาก่อนเลยครับ ว่าจะต้องการเครื่องพริ้นแบบไหน จะขอตั้งเป็นข้อๆล่ะกันนะครับ
- ต้องพริ้นรูป และ รายงานในปริมาณที่กลางๆ ไม่เยอะมาก
- ต้องมี Wi-Fi เพื่อที่จะได้ใช้ร่วมกันกับเพื่อนที่อยู่หอห้องเดียวกัน
- สแกนได้ ถ่ายเอกสารได้
- ราคาที่ไม่แพงมาก สมเหตุสมผล ประมาณ 3000 +-500
โจทย์ที่ตั้งมาเหมือนกับจะเยอะนะครับ แต่ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าจะต้องใช้งานจริงๆ แต่ถ้าอันไหนไม่จำเป็นก็จะตัดทิ้งไปครับ เพราะถ้าเอามาก็อาจจะไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นนั้นเลยก็ได้
และแล้วก็ได้เวลาออกตามหาเครื่องพริ้นที่ต้องการครับ โดยทั้งค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ และก็ออกไปเดินดูตามห้าง และสิ่งที่พบคือ โอ้โห้ๆๆๆ!!! ทำไมมันถึงมีเยอะขนาดนี้ เลือกไม่ถูกเลยสิครับ เพราะก็ไม่รู้ว่าตัวไหน ฟังก์ชั่นเป็นยังไง จะตอบโจทย์เราหรือเปล่า มืดแปดด้านเลยทีนี้ แต่ก็มีเซลมาแนะนำนะครับ แต่ผมก็ไม่ค่อยจะฟังเค้าเท่าไหร่หรอกนะ 555 เพราะผมเป็นคนหัวแข็ง กลัวจะโดนหลอกฟันเอา (คิดได้ไงเนี่ย 55555) แต่ก็ได้แค่เก็บข้อมูลไปครับ เพื่อไว้พิจารณาอีกที
แล้วพอไปเดินสำรวจตามห้างเสร็จ ผมก็ได้ไปค้นหาใน Pantip แล้วก็ Google ก็เจอเยอะเหมือนกันแหละนะ แล้วก็ได้ตั้งโพสถาม โดยบอกรายละเอียดที่ผมต้องการไปเนี่ยแหละ แล้วก็ได้คำตอบมาประมาณว่า
เอาพริ้นเตอร์ที่เป็นแบบแท้งไปเลย เพราะจากที่ผมบอกว่าก็เหมือนกับจะเป็นปริมาณการใช้ที่เยอะนะ แต่ก็ติดด้วยเรื่องของราคาที่ยังเกินงบไปหน่อย และฟังก์ชั่นยังไม่ได้ตามที่ต้องการ
และก็ไปเจอกระทู้นึง แนะนำให้ดูเป็นเครื่องพริ้นแบบอิงค์เจ็ท ที่เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น เป็นรุ่น HP Advantage 3545 เค้าบอกว่าตัวนี้หมึกถูก คุณภาพการใช้งานดี มี Wi-Fi ไม่ได้ใช้นานๆ หัวก็ไม่ตัน “แต่ผมก็ยังไม่เชื่อเค้าหรอกนะครับ ผมก็หาข้อมูลต่อไปเรื่อยๆ”
ต่อจากที่ค้นหาข้อมูลไปได้สักระยะนึง ก็โอเคล่ะ จะเอารุ่นนี้แน่ๆ ก็เลยตัดสินใจออกไปตามหาซื้อเลย
“แต่ถ้าถามว่าปริ้นเยอะ แล้วทำไมไม่เลือกพริ้นเตอร์ที่เป็นแบบแท้งไปเลยล่ะ” อันนี้ผมก็ไปคิดๆมาแล้วนะ แต่เมื่อถ้าเทียบเรื่องราคาต่อแผ่นนั้นอาจจะห่างกันก็จริง แต่ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ ด้วยตัวเครื่องที่ฟังก์ชั่นครบ และราคาที่ไม่เกินงบ ผมก็เลยที่จะเลือกตัวนี้ และอีกอย่างเมื่อผมจบเทอมนี้ไปก็จะไม่ได้ใช้เครื่องพริ้นอีกเลย ด้วยเหตุที่จะต้องออกไปฝึกงานที่ต่างจังหวัดถึง 4 เดือน เลยกลัวเครื่องพริ้นจะหัวตัน เพราะดูจากกระทู้ที่ผ่านๆมา พริ้นเตอร์ที่เป็นแท้งมักจะมีปัญหาเมื่อไม่ได้พริ้นเป็นเวลาที่นานๆ แล้วจะต้องไปเสียค่าล้างหัวพิมพ์อีกหลายตังค์ และด้วยข้อดีของ HP Advantage 3545 ที่ไปอ่านเจอมาคือ “หัวพิมพ์จะอยู่ที่ตลับหมึก ซึ่งถ้าหากว่าหัวพิมพ์ตัน ก็แค่เพียงเปลี่ยนตลับหมึกไปเท่านั้น” ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะเลือกตัวนี้มา
โอเคครับ ผมขอบอกอีกหน่อย เหมือนจะเยอะนะ 555 จากที่ได้ใช้งานกับเจ้าตัว HP Advantage 3545 มาสักระยะนึงแล้ว เรียกได้ว่าตอบโจทย์มากเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มี Wi-Fi เนี่ยแหละ ทำให้สะดวกขึ้นไปอีกเยอะเลย เพราะต้องเพื่อนที่อยู่ที่ห้องก็ต้องใช้ร่วมด้วยเนี่ยแหละ ยิ่งกว่านั้นผมได้รู้ว่า มันสั่งพริ้นผ่านมือถือได้เลย ทำให้ผมถ่ายรูปกราฟจากสโคป โดยที่จะไม่ต้องบันทึกกับตัวสโคป แล้วมาสั่งปริ้นที่ห้องได้ทันที เพราะว่าการที่จะบันทึกภาพจากสโคปนั้นมันหลายขั้นตอนมากๆครับ คือขี้เกียจจะกดมัน สู้ยกกล้องมือถือขึ้นมาแล้วถ่ายแชะเดียว จบ!! ชีวิตง่ายขึ้นอีกเยอะเลยสำหรับผม 555
ก็ขอจบการแชร์ประสบการณ์เลือกพริ้นเตอร์ไว้เท่านี้ก่อนครับ หากใครสงสัย หรือว่ามีปัญหาในการเลือกซื้อพริ้นเตอร์อย่างผม ก็สอบถามได้เลยนะครับ แต่ผมจะสรุปจากการใช้งานและข้อดีของตัวนี้เป็นข้อๆไว้ให้ละกันครับ
- ตอบโจทย์กับการใช้งานมากเลยครับ ทั้งสแกน พริ้น ถ่ายเอกสาร คือแบบว่าครบๆ
- มี Wi-Fi อันนี้ก็เป็นข้อดีครับสำหรับใช้หลายๆคนแล้ว สะดวกดี จะได้ไม่ต้องใส่แฟรชไดร์ไปฝากปริ้น หรือเสียบสายต่อกับคอมให้ยุ่งยาก เพื่อนก็ใช้กับผมได้สบายเลบ อีกอย่างก็สั่งพริ้นผ่านมือถือได้เลย แต่จะต้องโหลดแอพ ePrint มาลงก่อนนะ ในแอพจะสั่งได้หลายๆเลย อย่างพริ้นรูปภาพ พริ้นหน้าเว็บไซต์ พริ้นอีเมลล์ แล้วก็ใน cloud ถือว่าสะดวกดีครับ แต่สำหรับผมใช้ iphone อยู่ จะสั่งพริ้นผ่าน airprint ได้เลย ไม่ต้องลงแอพ
- ไม่ได้พริ้นนานๆหัวพิมพ์ก็ยังไม่ค่อยตัน เท่าที่ลองตอนนี้ประมาณสามอาทิตย์ ก็ยังปกติครับ แต่ถ้าตันเค้าก็บอกว่าเปลี่ยนแค่ตลับอย่างเดียว ตัวหัวพิมพ์จะอยู่ที่ตลับหมึก จะได้ไม่ต้องไปเสียค่าล้างหัวพิมพ์ให้เสียเงินเพิ่มอีก
- ตลับหมึกดำ จากที่ได้ใช้หมดไปตลับนึง พิมพ์ได้ประมาณ 400 กว่าแผ่น ก็ถือว่าคุ้มอยู่ครับ ส่วนหมึกสีตอนนี้ไม่ค่อยได้พิมพ์เท่าไหร่ ก็เหลือเกินครึ่งตลับครับ - จากที่ไปเดินดูราคาหมึกมา ราคาจะอยู่ที่ 320 แต่เห็นมีคนลอกว่า advice จะขายอยู่ประมาณ 280 บาท อันนี้เดี๋ยวต้องไปดูอีกทีครับ
- ประกันยาวนานดีครับ 2 ปี Onsite ให้ถึงบ้าน เซลบอกว่าถ้าเสียจะไม่มีซ่อมนะ เค้าจะเปลี่ยนเครื่องให้ใหม่อย่างเดียวเลย ส่วนตัวชอบในส่วนนี้มากครับ เห็นใจลูกค้าดี ^^
แชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อพริ้นเตอร์ กับ HP Advantage 3545
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะซื้อหรอกครับ แค่คิดไว้เฉยๆ ประมาณว่าได้เพียงแค่คิด ประมาณนั้นแหละครับ 555 แต่พอได้มาอยู่ปี 3 เท่านั้นแหละครับ ความคิดเดิมๆก็ต้องฝุดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะฟังจากอาจารย์อธิบายวิชาที่จะต้องเรียนในเทอมนี้ และสิ่งที่จะต้องทำ รวมถึงจับจะต้องทำโปรเจคด้วย ที่จะต้องทำรูปเล่มรายงานส่ง
เท่านั้นแหละครับ คุยกับเพื่อนเลย ว่าเราจะต้องซื้อเครื่องพริ้นกันแล้วล่ะ (พอดีผมพักอยู่หอกับเพื่อนสองคนเลยคุยกันว่าจะซื้อดีไหม เพราะโปรเจคนี้จะต้องทำเป็นคู่ รวมถึงงานวิขาอื่นๆอีกด้วย)
โดยตั้งโจทย์ที่ต้องการมาก่อนเลยครับ ว่าจะต้องการเครื่องพริ้นแบบไหน จะขอตั้งเป็นข้อๆล่ะกันนะครับ
- ต้องพริ้นรูป และ รายงานในปริมาณที่กลางๆ ไม่เยอะมาก
- ต้องมี Wi-Fi เพื่อที่จะได้ใช้ร่วมกันกับเพื่อนที่อยู่หอห้องเดียวกัน
- สแกนได้ ถ่ายเอกสารได้
- ราคาที่ไม่แพงมาก สมเหตุสมผล ประมาณ 3000 +-500
โจทย์ที่ตั้งมาเหมือนกับจะเยอะนะครับ แต่ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าจะต้องใช้งานจริงๆ แต่ถ้าอันไหนไม่จำเป็นก็จะตัดทิ้งไปครับ เพราะถ้าเอามาก็อาจจะไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นนั้นเลยก็ได้
และแล้วก็ได้เวลาออกตามหาเครื่องพริ้นที่ต้องการครับ โดยทั้งค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ และก็ออกไปเดินดูตามห้าง และสิ่งที่พบคือ โอ้โห้ๆๆๆ!!! ทำไมมันถึงมีเยอะขนาดนี้ เลือกไม่ถูกเลยสิครับ เพราะก็ไม่รู้ว่าตัวไหน ฟังก์ชั่นเป็นยังไง จะตอบโจทย์เราหรือเปล่า มืดแปดด้านเลยทีนี้ แต่ก็มีเซลมาแนะนำนะครับ แต่ผมก็ไม่ค่อยจะฟังเค้าเท่าไหร่หรอกนะ 555 เพราะผมเป็นคนหัวแข็ง กลัวจะโดนหลอกฟันเอา (คิดได้ไงเนี่ย 55555) แต่ก็ได้แค่เก็บข้อมูลไปครับ เพื่อไว้พิจารณาอีกที
แล้วพอไปเดินสำรวจตามห้างเสร็จ ผมก็ได้ไปค้นหาใน Pantip แล้วก็ Google ก็เจอเยอะเหมือนกันแหละนะ แล้วก็ได้ตั้งโพสถาม โดยบอกรายละเอียดที่ผมต้องการไปเนี่ยแหละ แล้วก็ได้คำตอบมาประมาณว่า
เอาพริ้นเตอร์ที่เป็นแบบแท้งไปเลย เพราะจากที่ผมบอกว่าก็เหมือนกับจะเป็นปริมาณการใช้ที่เยอะนะ แต่ก็ติดด้วยเรื่องของราคาที่ยังเกินงบไปหน่อย และฟังก์ชั่นยังไม่ได้ตามที่ต้องการ
และก็ไปเจอกระทู้นึง แนะนำให้ดูเป็นเครื่องพริ้นแบบอิงค์เจ็ท ที่เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น เป็นรุ่น HP Advantage 3545 เค้าบอกว่าตัวนี้หมึกถูก คุณภาพการใช้งานดี มี Wi-Fi ไม่ได้ใช้นานๆ หัวก็ไม่ตัน “แต่ผมก็ยังไม่เชื่อเค้าหรอกนะครับ ผมก็หาข้อมูลต่อไปเรื่อยๆ”
ต่อจากที่ค้นหาข้อมูลไปได้สักระยะนึง ก็โอเคล่ะ จะเอารุ่นนี้แน่ๆ ก็เลยตัดสินใจออกไปตามหาซื้อเลย
“แต่ถ้าถามว่าปริ้นเยอะ แล้วทำไมไม่เลือกพริ้นเตอร์ที่เป็นแบบแท้งไปเลยล่ะ” อันนี้ผมก็ไปคิดๆมาแล้วนะ แต่เมื่อถ้าเทียบเรื่องราคาต่อแผ่นนั้นอาจจะห่างกันก็จริง แต่ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ ด้วยตัวเครื่องที่ฟังก์ชั่นครบ และราคาที่ไม่เกินงบ ผมก็เลยที่จะเลือกตัวนี้ และอีกอย่างเมื่อผมจบเทอมนี้ไปก็จะไม่ได้ใช้เครื่องพริ้นอีกเลย ด้วยเหตุที่จะต้องออกไปฝึกงานที่ต่างจังหวัดถึง 4 เดือน เลยกลัวเครื่องพริ้นจะหัวตัน เพราะดูจากกระทู้ที่ผ่านๆมา พริ้นเตอร์ที่เป็นแท้งมักจะมีปัญหาเมื่อไม่ได้พริ้นเป็นเวลาที่นานๆ แล้วจะต้องไปเสียค่าล้างหัวพิมพ์อีกหลายตังค์ และด้วยข้อดีของ HP Advantage 3545 ที่ไปอ่านเจอมาคือ “หัวพิมพ์จะอยู่ที่ตลับหมึก ซึ่งถ้าหากว่าหัวพิมพ์ตัน ก็แค่เพียงเปลี่ยนตลับหมึกไปเท่านั้น” ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะเลือกตัวนี้มา
โอเคครับ ผมขอบอกอีกหน่อย เหมือนจะเยอะนะ 555 จากที่ได้ใช้งานกับเจ้าตัว HP Advantage 3545 มาสักระยะนึงแล้ว เรียกได้ว่าตอบโจทย์มากเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มี Wi-Fi เนี่ยแหละ ทำให้สะดวกขึ้นไปอีกเยอะเลย เพราะต้องเพื่อนที่อยู่ที่ห้องก็ต้องใช้ร่วมด้วยเนี่ยแหละ ยิ่งกว่านั้นผมได้รู้ว่า มันสั่งพริ้นผ่านมือถือได้เลย ทำให้ผมถ่ายรูปกราฟจากสโคป โดยที่จะไม่ต้องบันทึกกับตัวสโคป แล้วมาสั่งปริ้นที่ห้องได้ทันที เพราะว่าการที่จะบันทึกภาพจากสโคปนั้นมันหลายขั้นตอนมากๆครับ คือขี้เกียจจะกดมัน สู้ยกกล้องมือถือขึ้นมาแล้วถ่ายแชะเดียว จบ!! ชีวิตง่ายขึ้นอีกเยอะเลยสำหรับผม 555
ก็ขอจบการแชร์ประสบการณ์เลือกพริ้นเตอร์ไว้เท่านี้ก่อนครับ หากใครสงสัย หรือว่ามีปัญหาในการเลือกซื้อพริ้นเตอร์อย่างผม ก็สอบถามได้เลยนะครับ แต่ผมจะสรุปจากการใช้งานและข้อดีของตัวนี้เป็นข้อๆไว้ให้ละกันครับ
- ตอบโจทย์กับการใช้งานมากเลยครับ ทั้งสแกน พริ้น ถ่ายเอกสาร คือแบบว่าครบๆ
- มี Wi-Fi อันนี้ก็เป็นข้อดีครับสำหรับใช้หลายๆคนแล้ว สะดวกดี จะได้ไม่ต้องใส่แฟรชไดร์ไปฝากปริ้น หรือเสียบสายต่อกับคอมให้ยุ่งยาก เพื่อนก็ใช้กับผมได้สบายเลบ อีกอย่างก็สั่งพริ้นผ่านมือถือได้เลย แต่จะต้องโหลดแอพ ePrint มาลงก่อนนะ ในแอพจะสั่งได้หลายๆเลย อย่างพริ้นรูปภาพ พริ้นหน้าเว็บไซต์ พริ้นอีเมลล์ แล้วก็ใน cloud ถือว่าสะดวกดีครับ แต่สำหรับผมใช้ iphone อยู่ จะสั่งพริ้นผ่าน airprint ได้เลย ไม่ต้องลงแอพ
- ไม่ได้พริ้นนานๆหัวพิมพ์ก็ยังไม่ค่อยตัน เท่าที่ลองตอนนี้ประมาณสามอาทิตย์ ก็ยังปกติครับ แต่ถ้าตันเค้าก็บอกว่าเปลี่ยนแค่ตลับอย่างเดียว ตัวหัวพิมพ์จะอยู่ที่ตลับหมึก จะได้ไม่ต้องไปเสียค่าล้างหัวพิมพ์ให้เสียเงินเพิ่มอีก
- ตลับหมึกดำ จากที่ได้ใช้หมดไปตลับนึง พิมพ์ได้ประมาณ 400 กว่าแผ่น ก็ถือว่าคุ้มอยู่ครับ ส่วนหมึกสีตอนนี้ไม่ค่อยได้พิมพ์เท่าไหร่ ก็เหลือเกินครึ่งตลับครับ - จากที่ไปเดินดูราคาหมึกมา ราคาจะอยู่ที่ 320 แต่เห็นมีคนลอกว่า advice จะขายอยู่ประมาณ 280 บาท อันนี้เดี๋ยวต้องไปดูอีกทีครับ
- ประกันยาวนานดีครับ 2 ปี Onsite ให้ถึงบ้าน เซลบอกว่าถ้าเสียจะไม่มีซ่อมนะ เค้าจะเปลี่ยนเครื่องให้ใหม่อย่างเดียวเลย ส่วนตัวชอบในส่วนนี้มากครับ เห็นใจลูกค้าดี ^^