เที่ยวภูกระดึง ตามรอยรีวิวในเน็ต และเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เคยไปมาแล้ว
ไปแบบรถทัวร์ สิ่งที่ต้องไปเจอ เหมือนเป็นตำนาน
นอกจากสถานที่ต่างๆ ซำต่างๆ บนภูกระดึงแล้ว ก็ยังต้องจดจำชื่อ ผานกเค้า และร้านเจ๊กิม ด้วยนะ 5555
กำหนดการคือ ออกเดินทางคืน 23 มกราคม 2558 กลับคืน 25 มกราคม 2558
เริ่มจองเต็นท์ออนไลน์ http://www.dnp.go.th/parkreserve/tent_reservation.asp?lg=1
เลือกโซน E แถวห้องน้ำ แถวร้านอาหาร กรอกข้อมูลครบก็ปริ้นไปจ่ายเงินที่ ธนาคารกรุงไทย รวม 250 บาท
จากนั้นจองตั๋วรถทัวร์ (จองแบบเที่ยวเดียว)
http://www.busticket.in.th/
เลือกแบบดีที่สุด VIP ม4ก ของ บขส999 จ่ายเงินที่ 7-11 ราคาสองคนไม่เกิน 1500 บาท
เริ่มเล่าการเที่ยวตามกำหนดการค่ะ
เก็บของสองคนได้ ถุงกระสอบพลาสติก 1 ใบ เป้ 1 ใบ กระเป๋าสะพายเล็กๆ 1 ใบ
เดินทางไปหมอชิต รับตั๋วที่ชั้น 2 รอรถมาที่ชานชาลา รถออก 22.30
ขึ้นรถก็บอกเด็กบอกคนขับ ลงผานกเค้า (จุดหมายปลายทางเดียวกันเยอะมาก บนรถคันนี้ ไม่ต้องกลัวเลย สบายใจได้ หลับยาว)
รถจอดผานกเค้า ลงมาจากรถทัวร์ เจอร้านขายหมวก เต็มเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านเจ๊กิม
จัดการสภาพร่างกายหน้าตา และหาของกิน (ขอกินก่อน หน้าค่อยล้างนะ 5555)
ของกินก็ในร้านเจ๊กิมนั่นแหละ ก๋วยเตี๋ยว 45 (กินตอนหนาวๆ ใส่พริกไทย อร่อยนะ)
เกาเหลา 60 ข้าวราดแกงอย่างเดียว 35 สองอย่างสามอย่าง ราคาต่างกันไป ไข่ฟองละ 10
ห้องน้ำก็เดินทะลุร้านเจ๊เข้าไปข้างหลังเลยค่ะ น้ำเปล่า น้ำอัดลม เบียร์ ข้างๆมีค่ะ หมวก ถุงมือ ถุงเท้า ที่นี่ก็มีขายค่ะ ที่ร้านเจ๊กิมมีรับชาร์จ power bank หรือชาร์จโทรศัพท์ ครั้งละ 20 บาทค่ะ
ข้างๆร้านเจ๊กิมเป็นที่ขายตั๋ว แอร์ เมืองเลย ซื้อ VIP ไว้ก่อน คนละ 500 รอบ 20.30 น.
เตรียมพร้อม เขาว่านั่งสองแถวไปอุทยานหนาวมาก
รอรถสองแถวหน้าร้านเจ๊นั่นแหละ จะมองเห็นเอง คันละ 300 บาท นั่งได้ 10 คน
ถ้าอยากออกเร็วก็หาพวก (ตอนไป มีกลุ่มแรกขึ้นไปก่อน 5 คน เราก็รีบตามขึ้นไปอีก 2 เป็น 7 และก็มีอีกสองคนตามมา สรุป คันแรกออกรถเลย 9 คน เพราะหายาก ที่มาคนเดียวในเช้าๆ แบบนี้ ราคาจึงตกคนละ 35 บาท
ไปถึงอุทยาน ก็รอเจ้าหน้าที่มา 07.00 ระหว่างรอก็ไปถ่ายรูปๆๆ
พอเจ้าหน้าที่เปิดก็เข้าแถวเลย จะมีป้ายบอกว่าใครจองออนไลน์ ก็มาแจ้ง
ถัดไปก็จ่ายค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาทค่ะ (ราคาผู้ใหญ่) เตรียมเงินให้พอดีจะดีมาก
จากนั้นก็เดินไปลงชั่งน้ำหนักของที่จะจ้างลูกหาบ ซื้อป้าย 5 บาท เขียนชื่อ และเบอร์โทรทั้งสามส่วน
ชั่งกระเป๋า (กิโลกรัมละ 30 บาท) ถุงกระสอบเรา 7 kg เศษเล็กเศษน้อยเขาไม่คิดเลย (ใจดีจัง)
เราลองชั่งกระเป๋าน้อยๆ ที่เราแบกได้ 2 kg ของคุณผู้ชาย 6 kg
จากนั้นก็เก็บส่วนที่เขาให้มาให้ดี เอาไว้รับกระเป๋าด้านบน
ชั่งน้ำหนักเสร็จ พร้อมๆ ก็เดินไปยื่นตั๋วที่ซื้อมาคนละ 40 บาทให้ เจ้าหน้าที่ ตรงทางขึ้นภู และลงชื่อเวลาเข้า
ก่อนขึ้นขอสักรูปนะ (สังเกตดีๆ ที่ป้ายบอกว่า ขอพิชิต)
รายชื่อซำต่างๆ
-ปางกกค่า
-ซำแฮก
-ซำบอน
-ซำกกกอ
-พร่านพรานแป
-ซำกกหว้า
-ซำกกไผ่
-ซำกกโดน
-ซำแคร่
-หลังแป
บางซำอยู่ใกล้กันนิดเดียว บางซำก็ไกลกัน ใครชอบทาน หรือเข้าห้องน้ำ ต้องเก็บภาพล่างนี้ไว้เลยนะคะ ขอบคุณภาพจาก Google
ระหว่างทางขึ้นซำแฮก เพื่อนบอกเจอไม้ให้รีบคว้า (ตอนลงก็ใช้ได้ดีนะไม้เนี่ย)
ขึ้นมาป้าคนคู่แรกเลย (ช่วยอุดหนุนป้าหน่อย) ….นี่คือกลยุทธ์การขายป่ะคะป้า (แตงโมนี่เรากินกันทุกซำเลย หวานเย็นชื่นใจ)
ซำต่อๆ ไป
ซำกกโดนคุณผู้ชายเกิดอาการอยากกิน แวะรื้อกินที่ขนมาสักพัก มีคนแซงเลย รอเดี๋ยวๆ เดี๋ยวแซงกลับ (อยากคนขึ้นคนแรกของวัน 5555)
แต่แล้ว น้องตะคริวก็มาเกาะขาผู้ชายข้า (ข้างเดียวนะ) มีพี่ใจดีมาช่วย (เจ็บมากไหมอ่ะ)
สงสัยเมื่อกี้กินมากไป ขึ้นมาถึงซำแคร่ปุ๊บ นังน้องตะคริวมาเกาะทั้งสองขาเลย พี่คนเดิมมาช่วยไว้ทัน มาทั้งยาทา ยากิน และช่วยนวด (กลุ่มพี่เขามี 4 คน)
กว่าจะลุกเดินต่อได้ อดแล้ว คนแรกของวันของฉัน T^T ถ่ายคู่กับป้ายซำสุดท้ายยยยย
ทางสุดท้ายจากซำแคร่สู่หลังแป มันช่างยาวนาน ไกล๊ ไกล
ถึงแล้วหลังแป ถ่ายรูปผู้พิชิตซะหน่อย
caption หน้าจอไว้ก่อน (ระยะทางจากตีนภูมาถึงหลังแปของเราสองคนค่ะ)
ศึกษาเส้นทางเดิน
เมเปิ้ลครึ่งต้นที่ยังแดงให้เห็นบนหลังแป
จากนั้นก็เดินไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง เช่าเครื่องนอน และเลือกเต็นท์ ระยะทางช่างไม่น่าภิรมย์ 555 ต้องแอบพักตามพุ่มไม้ข้างทาง
ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางมีรับชาร์จ power bank ครั้งละ 40 บาท
รับชาร์จโทรศัพท์ 20 บาทต่อ 2 ชั่วโมง เขาไม่มีอุปกรณ์ชาร์จให้ยืมนะคะ สายเอย หัวต่อเอย อย่าลืมเตรียมไปล่ะ
ยื่นใบจองเต็นท์ และเช่า ถุงนอน 2 ที่รองนอน 2 เขาจะมีใบเสร็จให้เรา (เก็บให้ดีนะคะ ต้องพร้อมยื่นขอแลกคืนบัตรประชาชนตอนเอาถุงนอนมาคืนด้วย)
จากนั้นนำไปใบยื่นเจ้าหน้าที่ถัดไป (เอาบัตรประชาชนตัวจริง คนเดียวพอ ยื่นให้เขาด้วย) และไปเลือกของเช่า เดินไปที่เต็นท์ จัดของในเต็นท์
ระยะรวมจากตีนภูถึงเต็นท์
เอาล่ะสิ มีคนบอกว่า คนหาบของจะมาบ่ายสาม (มาบ่ายสามจริงๆ)
ตอนนี้เหลือเวลาเกือบสามชั่วโมง อยากไปผาหล่มสักก็อยาก อยากไปสระอโนดาตก็อยาก
งั้นไปลานพระ ไหว้พระก่อนแล้วกัน ….
เวลาเหลืออีก อืม หันไปดูป้ายบอกทาง ทางไปน้ำตกมันใกล้ๆ
ไปน้ำตกและกัน น้ำตกไม่มีน้ำเลย ระหว่างทาง บางที่ก็มีป้ายเตือนช้างออกหากิน อ่านๆ บ้างนะคะ
เหลืออีกสองชั่วโมง เอาไงดี ไปหล่มสัก ก็ไม่น่ากลับมาทันลูกหาบ (ไม่อยากให้ลูกหาบรอ ไม่ควร ไม่ควร)
งั้นไปสระอโนดาตและกัน ไกลมากกกกกก ระหว่างทางบางที่ไม่มีร่มยาวไกลด้วย T^T
ถึงสักที
ระหว่างทางกลับขอพักสักครู่ คุณผู้ชายเดินจ้ำอ้าวๆ เพราะกระหายน้ำ แต่คุณผู้หญิงปวดขาแล้ว
สรุประยะทางเดินเล่น (หรออออ) ระหว่างรอลูกหาบ
กลับมาก็ตรงลิ่วไปร้านบุญมีโอชา น้ำแดง 1.25 ลิตรหมดอย่างรวดเร็ว (ขวดละ 80 บาท) แถมราดหน้า 1 จาน 60 บาท (น้ำเปล่าขวดเล็ก 30 บาท น้ำเปล่าขวดใหญ่ 50 บาท)
และก็ไปรับของจากลูกหาบค่ะ 7 kg รวม 210 บาท จ่ายไป 220 บาท ^v^
หิ้วถุงกระสอบมาเต็นท์ค่ะ ขณะนี้เวลาบ่ายสามครึ่ง
คุณผู้ชายหลับค่ะด้วยความเหนื่อย ความเพลีย ที่โดนน้องตะคริวเกาะสองครั้ง เท้าพองจากการเดินไวเกินไป 5555
แต่คุณผู้หญิงอยากไปผาหล่มสักจริงๆ ขาก็ไม่ค่อยจะไหว แต่ถ้ามีคนพาไปก็ไปนะ
(เราค้างคืนเดียว เราไม่เช่าจักรยาน คันละ 350 จำกัดน้ำหนักด้วย และคุณผู้ชายน้ำหนักเกินที่เขาขึ้นป้ายไว้ 555)
คุณผู้ชายให้ปลุกตอน 16.30 โอเค เราก็มุ่งมั่นตั้งใจไปดูพระอาทิตย์ตก
เริ่มจากผาหมากดูก เดินไปเรื่อยๆ ถึงผาไหนก็ผานั่น
ระหว่างทางเดินกลับจากผาเหยียบเมฆไปที่พัก
กลับมาก็เข้าเต็นท์ล้างเท้า ล้างมือ ไปหาของกินต่อ เรื่องกินนี่ขาดไม่ได้
ระหว่างรอมีน้ำชาฟรีด้วย น่าจะฟรีทุกร้านนะ ตอนกลางคืน
ราดหน้า 2 (120) ต้มจืด 1 (100) ข้าวเปล่า 1 (25) (ร้านถัดไปทางขวาของร้านบุญมีโอชา)
นอนค่ะนอน
ผ่านไป 1 วัน
หนาวค่ะหนาว......
พิชิตภูกระดึงครั้งแรก (1 คืน)
ไปแบบรถทัวร์ สิ่งที่ต้องไปเจอ เหมือนเป็นตำนาน
นอกจากสถานที่ต่างๆ ซำต่างๆ บนภูกระดึงแล้ว ก็ยังต้องจดจำชื่อ ผานกเค้า และร้านเจ๊กิม ด้วยนะ 5555
กำหนดการคือ ออกเดินทางคืน 23 มกราคม 2558 กลับคืน 25 มกราคม 2558
เริ่มจองเต็นท์ออนไลน์ http://www.dnp.go.th/parkreserve/tent_reservation.asp?lg=1
เลือกโซน E แถวห้องน้ำ แถวร้านอาหาร กรอกข้อมูลครบก็ปริ้นไปจ่ายเงินที่ ธนาคารกรุงไทย รวม 250 บาท
จากนั้นจองตั๋วรถทัวร์ (จองแบบเที่ยวเดียว) http://www.busticket.in.th/
เลือกแบบดีที่สุด VIP ม4ก ของ บขส999 จ่ายเงินที่ 7-11 ราคาสองคนไม่เกิน 1500 บาท
เริ่มเล่าการเที่ยวตามกำหนดการค่ะ
เก็บของสองคนได้ ถุงกระสอบพลาสติก 1 ใบ เป้ 1 ใบ กระเป๋าสะพายเล็กๆ 1 ใบ
เดินทางไปหมอชิต รับตั๋วที่ชั้น 2 รอรถมาที่ชานชาลา รถออก 22.30
ขึ้นรถก็บอกเด็กบอกคนขับ ลงผานกเค้า (จุดหมายปลายทางเดียวกันเยอะมาก บนรถคันนี้ ไม่ต้องกลัวเลย สบายใจได้ หลับยาว)
รถจอดผานกเค้า ลงมาจากรถทัวร์ เจอร้านขายหมวก เต็มเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านเจ๊กิม
จัดการสภาพร่างกายหน้าตา และหาของกิน (ขอกินก่อน หน้าค่อยล้างนะ 5555)
ของกินก็ในร้านเจ๊กิมนั่นแหละ ก๋วยเตี๋ยว 45 (กินตอนหนาวๆ ใส่พริกไทย อร่อยนะ)
เกาเหลา 60 ข้าวราดแกงอย่างเดียว 35 สองอย่างสามอย่าง ราคาต่างกันไป ไข่ฟองละ 10
ห้องน้ำก็เดินทะลุร้านเจ๊เข้าไปข้างหลังเลยค่ะ น้ำเปล่า น้ำอัดลม เบียร์ ข้างๆมีค่ะ หมวก ถุงมือ ถุงเท้า ที่นี่ก็มีขายค่ะ ที่ร้านเจ๊กิมมีรับชาร์จ power bank หรือชาร์จโทรศัพท์ ครั้งละ 20 บาทค่ะ
ข้างๆร้านเจ๊กิมเป็นที่ขายตั๋ว แอร์ เมืองเลย ซื้อ VIP ไว้ก่อน คนละ 500 รอบ 20.30 น.
เตรียมพร้อม เขาว่านั่งสองแถวไปอุทยานหนาวมาก
รอรถสองแถวหน้าร้านเจ๊นั่นแหละ จะมองเห็นเอง คันละ 300 บาท นั่งได้ 10 คน
ถ้าอยากออกเร็วก็หาพวก (ตอนไป มีกลุ่มแรกขึ้นไปก่อน 5 คน เราก็รีบตามขึ้นไปอีก 2 เป็น 7 และก็มีอีกสองคนตามมา สรุป คันแรกออกรถเลย 9 คน เพราะหายาก ที่มาคนเดียวในเช้าๆ แบบนี้ ราคาจึงตกคนละ 35 บาท
ไปถึงอุทยาน ก็รอเจ้าหน้าที่มา 07.00 ระหว่างรอก็ไปถ่ายรูปๆๆ
พอเจ้าหน้าที่เปิดก็เข้าแถวเลย จะมีป้ายบอกว่าใครจองออนไลน์ ก็มาแจ้ง
ถัดไปก็จ่ายค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาทค่ะ (ราคาผู้ใหญ่) เตรียมเงินให้พอดีจะดีมาก
จากนั้นก็เดินไปลงชั่งน้ำหนักของที่จะจ้างลูกหาบ ซื้อป้าย 5 บาท เขียนชื่อ และเบอร์โทรทั้งสามส่วน
ชั่งกระเป๋า (กิโลกรัมละ 30 บาท) ถุงกระสอบเรา 7 kg เศษเล็กเศษน้อยเขาไม่คิดเลย (ใจดีจัง)
เราลองชั่งกระเป๋าน้อยๆ ที่เราแบกได้ 2 kg ของคุณผู้ชาย 6 kg
จากนั้นก็เก็บส่วนที่เขาให้มาให้ดี เอาไว้รับกระเป๋าด้านบน
ชั่งน้ำหนักเสร็จ พร้อมๆ ก็เดินไปยื่นตั๋วที่ซื้อมาคนละ 40 บาทให้ เจ้าหน้าที่ ตรงทางขึ้นภู และลงชื่อเวลาเข้า
ก่อนขึ้นขอสักรูปนะ (สังเกตดีๆ ที่ป้ายบอกว่า ขอพิชิต)
รายชื่อซำต่างๆ
-ปางกกค่า
-ซำแฮก
-ซำบอน
-ซำกกกอ
-พร่านพรานแป
-ซำกกหว้า
-ซำกกไผ่
-ซำกกโดน
-ซำแคร่
-หลังแป
บางซำอยู่ใกล้กันนิดเดียว บางซำก็ไกลกัน ใครชอบทาน หรือเข้าห้องน้ำ ต้องเก็บภาพล่างนี้ไว้เลยนะคะ ขอบคุณภาพจาก Google
ระหว่างทางขึ้นซำแฮก เพื่อนบอกเจอไม้ให้รีบคว้า (ตอนลงก็ใช้ได้ดีนะไม้เนี่ย)
ขึ้นมาป้าคนคู่แรกเลย (ช่วยอุดหนุนป้าหน่อย) ….นี่คือกลยุทธ์การขายป่ะคะป้า (แตงโมนี่เรากินกันทุกซำเลย หวานเย็นชื่นใจ)
ซำต่อๆ ไป
ซำกกโดนคุณผู้ชายเกิดอาการอยากกิน แวะรื้อกินที่ขนมาสักพัก มีคนแซงเลย รอเดี๋ยวๆ เดี๋ยวแซงกลับ (อยากคนขึ้นคนแรกของวัน 5555)
แต่แล้ว น้องตะคริวก็มาเกาะขาผู้ชายข้า (ข้างเดียวนะ) มีพี่ใจดีมาช่วย (เจ็บมากไหมอ่ะ)
สงสัยเมื่อกี้กินมากไป ขึ้นมาถึงซำแคร่ปุ๊บ นังน้องตะคริวมาเกาะทั้งสองขาเลย พี่คนเดิมมาช่วยไว้ทัน มาทั้งยาทา ยากิน และช่วยนวด (กลุ่มพี่เขามี 4 คน)
กว่าจะลุกเดินต่อได้ อดแล้ว คนแรกของวันของฉัน T^T ถ่ายคู่กับป้ายซำสุดท้ายยยยย
ทางสุดท้ายจากซำแคร่สู่หลังแป มันช่างยาวนาน ไกล๊ ไกล
ถึงแล้วหลังแป ถ่ายรูปผู้พิชิตซะหน่อย
caption หน้าจอไว้ก่อน (ระยะทางจากตีนภูมาถึงหลังแปของเราสองคนค่ะ)
ศึกษาเส้นทางเดิน
เมเปิ้ลครึ่งต้นที่ยังแดงให้เห็นบนหลังแป
จากนั้นก็เดินไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง เช่าเครื่องนอน และเลือกเต็นท์ ระยะทางช่างไม่น่าภิรมย์ 555 ต้องแอบพักตามพุ่มไม้ข้างทาง
ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางมีรับชาร์จ power bank ครั้งละ 40 บาท
รับชาร์จโทรศัพท์ 20 บาทต่อ 2 ชั่วโมง เขาไม่มีอุปกรณ์ชาร์จให้ยืมนะคะ สายเอย หัวต่อเอย อย่าลืมเตรียมไปล่ะ
ยื่นใบจองเต็นท์ และเช่า ถุงนอน 2 ที่รองนอน 2 เขาจะมีใบเสร็จให้เรา (เก็บให้ดีนะคะ ต้องพร้อมยื่นขอแลกคืนบัตรประชาชนตอนเอาถุงนอนมาคืนด้วย)
จากนั้นนำไปใบยื่นเจ้าหน้าที่ถัดไป (เอาบัตรประชาชนตัวจริง คนเดียวพอ ยื่นให้เขาด้วย) และไปเลือกของเช่า เดินไปที่เต็นท์ จัดของในเต็นท์
ระยะรวมจากตีนภูถึงเต็นท์
เอาล่ะสิ มีคนบอกว่า คนหาบของจะมาบ่ายสาม (มาบ่ายสามจริงๆ)
ตอนนี้เหลือเวลาเกือบสามชั่วโมง อยากไปผาหล่มสักก็อยาก อยากไปสระอโนดาตก็อยาก
งั้นไปลานพระ ไหว้พระก่อนแล้วกัน ….
เวลาเหลืออีก อืม หันไปดูป้ายบอกทาง ทางไปน้ำตกมันใกล้ๆ
ไปน้ำตกและกัน น้ำตกไม่มีน้ำเลย ระหว่างทาง บางที่ก็มีป้ายเตือนช้างออกหากิน อ่านๆ บ้างนะคะ
เหลืออีกสองชั่วโมง เอาไงดี ไปหล่มสัก ก็ไม่น่ากลับมาทันลูกหาบ (ไม่อยากให้ลูกหาบรอ ไม่ควร ไม่ควร)
งั้นไปสระอโนดาตและกัน ไกลมากกกกกก ระหว่างทางบางที่ไม่มีร่มยาวไกลด้วย T^T
ถึงสักที
ระหว่างทางกลับขอพักสักครู่ คุณผู้ชายเดินจ้ำอ้าวๆ เพราะกระหายน้ำ แต่คุณผู้หญิงปวดขาแล้ว
สรุประยะทางเดินเล่น (หรออออ) ระหว่างรอลูกหาบ
กลับมาก็ตรงลิ่วไปร้านบุญมีโอชา น้ำแดง 1.25 ลิตรหมดอย่างรวดเร็ว (ขวดละ 80 บาท) แถมราดหน้า 1 จาน 60 บาท (น้ำเปล่าขวดเล็ก 30 บาท น้ำเปล่าขวดใหญ่ 50 บาท)
และก็ไปรับของจากลูกหาบค่ะ 7 kg รวม 210 บาท จ่ายไป 220 บาท ^v^
หิ้วถุงกระสอบมาเต็นท์ค่ะ ขณะนี้เวลาบ่ายสามครึ่ง
คุณผู้ชายหลับค่ะด้วยความเหนื่อย ความเพลีย ที่โดนน้องตะคริวเกาะสองครั้ง เท้าพองจากการเดินไวเกินไป 5555
แต่คุณผู้หญิงอยากไปผาหล่มสักจริงๆ ขาก็ไม่ค่อยจะไหว แต่ถ้ามีคนพาไปก็ไปนะ
(เราค้างคืนเดียว เราไม่เช่าจักรยาน คันละ 350 จำกัดน้ำหนักด้วย และคุณผู้ชายน้ำหนักเกินที่เขาขึ้นป้ายไว้ 555)
คุณผู้ชายให้ปลุกตอน 16.30 โอเค เราก็มุ่งมั่นตั้งใจไปดูพระอาทิตย์ตก
เริ่มจากผาหมากดูก เดินไปเรื่อยๆ ถึงผาไหนก็ผานั่น
ระหว่างทางเดินกลับจากผาเหยียบเมฆไปที่พัก
กลับมาก็เข้าเต็นท์ล้างเท้า ล้างมือ ไปหาของกินต่อ เรื่องกินนี่ขาดไม่ได้
ระหว่างรอมีน้ำชาฟรีด้วย น่าจะฟรีทุกร้านนะ ตอนกลางคืน
ราดหน้า 2 (120) ต้มจืด 1 (100) ข้าวเปล่า 1 (25) (ร้านถัดไปทางขวาของร้านบุญมีโอชา)
นอนค่ะนอน
ผ่านไป 1 วัน
หนาวค่ะหนาว......